Friday, December 4, 2009

ขวัญแห่งดวงชีวีประชาไทย

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
5 ธันวาคม 2552คือฟ้าโอบดินอุ่นการุณย์หล้า
คือธาราเลี้ยงชีวินทุกถิ่นที่
คือประทีปส่องสว่างชี้ทางดี
คือขวัญแห่งดวงชีวีประชาไทย
"ประเทศไทยนี่ ทำไมยังอยู่ได้ ก็เพราะพวกเราทุกคนสร้างความดี คือ ปฏิบัติในสิ่งที่สุจริต โดยบริสุทธิ์ใจ และตั้งใจดี อาจจะมีผิดพลาดบ้าง แต่ว่าไม่ได้ตั้งใจผิดพลาด ตั้งใจทำดี"
(คัดตัดตอนจากพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2517)
ธ ทรงเป็นพลังของแผ่นดิน
ไทยทั่วถิ่นเทิดไท้ ถวายพระพร
ขอทรงพระเกษมสำราญ
พระชนมายุยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้านายเทพชัย อริยะพันธุ์
และ
กลุ่มผู้รักนกแอ่น ผู้ทำบ้านนกแอ่นทุกจังหวัด

Sunday, June 14, 2009

โฟมกันความร้อนโยธาโฟม

บทความเกี่ยวกับฉนวนกันความร้อนที่น่าสนใจ"โยธาโฟม"

"โยธาโฟม"คืออะไร

"โยธาโฟม"คือ ผลผลิตจากความอุตสาหพยายามในการคิดค้น และเสาะหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสำหรับงานก่อสร้าง และตกแต่งภายใน ที่ผลิตจากโฟม EPS (Expanded Polystyrene Foam)ของกลุ่มบริษัทโปลิโฟมผู้นำในอุตสาหกรรมโฟม EPS มากว่า 40ปี

"โยธาโฟม" เป็นผู้ผลิตโฟมฉนวนกันความร้อน (Foam Insulation), โฟมรองถนนหรือคอสะพาน (Geotchnical Engineering)โฟมก่อสร้างบ้าน ทั้งระบบ EIFS (Exterior Insulation Fixing System) และ ICF (Insulation Concrete Form), บัวและคิ้วสำหรับงานตกแต่งภายในที่ผลิตจากโฟม EPS หรือแม้กระทั่งโฟมแกะสลัก และตกแต่งเสมือนหินเพื่อใช้ประดับตกแต่งสถานที่ให้เกิดความสวยงามและเป็นสิริมงคลล้วนเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานของงานก่อสร้างของประเทศไทย

"โยธาโฟม" คือ ทางเลือกสำหรับความคุ้มค่าและทันสมัย อีกทั้งประหยัดพลังงาน และเวลาในการก่อสร้าง หรือหลังการเข้าอยู่อาศัยแล้วของลูกค้าอีกทั้งยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อมให้สะอาดเพื่อมาตรฐานชีวิตที่มีระดับและสมบูรณ์แบบของคนไทย

คุณสมบัติเด่นของโฟม EPS โยธาโฟม

1. ประหยัดราคาวัสดุและค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
2. ง่าย สะดวกต่อการใช้งาน
3. ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุพิเศษอื่นใดร่วมในการใช้งาน
4. กันความชื้นและกันการซึมน้ำได้ดีมาก
5. สามารถนำมาตัดตามขนาดที่ต้องการได้
6. โฟมมีความหนาแน่นให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

การนำโฟม EPS มาทำฉนวนผนังด้านใน

โฟม EPS สามารถยึดติดได้กับพื้นผิวของอิฐทุกชนิด มีคุณสมบัติในการป้องกันความชื้นและกันการซึมน้ำได้ดี ดังนั้นโฟม EPS จึงเป็นฉนวนชั้นยอดที่ช่วยรักษาอุณหภูมิความเย็นภายในบ้านและป้องกันความร้อนจากภายนอกไม่ให้เข้ามาภายในบ้านได้ดีเยี่ยม ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าที่ใช้ในเครื่องปรับอากาศ

วิธีการติดโฟมฉนวนผนังด้านใน

- ติดฉนวนโฟมกับผนังด้านในแล้วค่อยทำการฉาบปูนบนผิวโฟม หลังจากนั้นจึงค่อยติดวัสดุตกแต่งผนัง

การนำโฟม EPS มาทำฉนวนโฟมผนังด้านนอก

สำหรับปัจจุบันบ้านเก่าที่สร้างเสร็จแล้วสามารถนำโฟม EPS มาติดที่ภายนอกบ้านได้เพื่อเป็นฉนวนป้องกันความร้อนเข้าสู่ภายในตัวบ้าน อีกทั้งโฟม EPS นั้นมีน้ำหนักเบาทำให้บ้านเก่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มโครงสร้างเพื่อรับน้ำหนักฉนวน และโฟม EPS ยังมีราคาวัสดุและค่าแรงในการติดตั้งถูกกว่าฉนวนประเภทอื่น เหมาะสำหรับผู้ที่มีบ้านอยู่แล้วและต้องการเพิ่มฉนวนกันความร้อนให้กับบ้าน

วิธีการติดโฟมฉนวนด้านนอกผนัง

- ติดฉนวนโฟมบนผนังเก่าของตัวบ้านแล้วจึงค่อยปิดทับด้วยวัสดุตกแต่งผนังภายนอก

การนำโฟม EPS มาทำฉนวนโฟมระหว่างผนัง

จุดเด่นที่สำคัญที่สุดของการติดตั้งฉนวนโฟมระหว่างผนัง คือการป้องกันไม่ให้ความร้อน จากภายนอกเข้ามาสู่ภายในบ้าน และป้องกันความชื้นจากฝนที่สาดกระทบผนังบ้านจาก ด้านนอกเข้ามาทำความเสียหายให้กับวัสดุตกแต่งผนังด้านในบ้าน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านทานความร้อนควรเว้นช่องว่างระหว่างอิฐก่อผนังด้านนอกและแผ่นโฟมฉนวนไว้ประมาณ ½ นิ้ว สำหรับไว้เป็นช่องว่างอากาศเพื่อไม่ให้อากาศร้อนจากภายนอกแทรกซึมเข้ามาสู่ตัวบ้านได้

วิธีการติดโฟมฉนวนไว้ระหว่างผนังด้านนอกและผนังด้านใน

เป็นอีกหนึ่งในวัสดุที่เหมาะสมกับการทำบ้านนกแอ่น ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเข้าดูรายละเอียดใน http://www.yotafoam.com/

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์


Saturday, June 13, 2009

รังแท้กับรังเทียมอันไหนดีกว่ากัน


ในการทำบ้านนกแอ่นใหม่นั้น มีการใช้วิธีการต่างๆเพื่อดึงดูดให้นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยและทำรังในเวลาที่รวดเร็ว หนึ่งในนั้นคือการใช้รังเทียม ถามว่าผลของความสำเร็จจากการใช้รังเทียมนั้นสูงไหม อันนี้ตอบยากจริงๆครับ ผู้ที่เคยทดลองใช้รังเทียมก็ไม่ได้นำผลความสำเร็จของการใช้รังเทียมมาบอกกล่าว ผมเองตอนแรกก็คิดจะใช้ แต่พอไปอ่านเจอว่าเขาใช้แผ่นโฟมเหนียวแบบบางๆ มาตัดขนาด 1 x 3 นิ้ว แปะติดหลอกบนไม้ตีรังได้ ก็เลยไม่ใช้ นกเข้าอยู่และทำรังโดยไม่ต้องใช้รังเทียม

ผมมีโอกาสได้ดูซีดีของอินโดนีเซียเกี่ยวกับการทำบ้านนกแอ่น มีการกล่าวถึงการใช้รังจริงติดบนไม้ตีรังของบ้านนกแอ่นใหม่เพื่อดึงดูดให้นกแอ่นเข้าอยู่และทำรังเร็วขึ้น ถามว่ารังจริงกลิ่นมันเป็นอย่างไร กลิ่นน้ำลายนกแอ่น นกแอ่นย่อมคุ้นเคยดีอยู่แล้ว นกแอ่นจะทำรังข้างๆรังจริงที่นำไปติดไว้ในเวลาที่เร็วกว่าการใช้รังเทียม การใช้รังจริงต้องลงทุนสูงกว่ารังเทียม ซีดีชุดนี้ไปถ่ายทำบ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุดแล้ว เจ้าของบ้านนกแอ่นมีบ้านนกแอ่นหลายหลัง หลังที่ทำใหม่จะใช้วิธีการเช่นนี้ทุกหลัง และสำเร็จสูงสุดเหมือนกันทุกหลัง

ท่านคงมีคำตอบแล้วนะครับว่ารังแท้กับรังเทียมอันไหนดีกว่ากัน ส่วนเรื่องการใช้ฮอร์โมนเจ้าของบ้านนกแอ่นในซีดีชุดนี้ไม่ได้ใช้เลย ใช้แต่ขี้นกผสมน้ำสาดและลูบผนังแทนฮอร์โมน ขอให้ทุกท่านโชคดีค้นเจอเคล็ดลับเด็ดๆในการทำบ้านนกแอ่น

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Monday, June 8, 2009

บทความของผมถูกขโมย(หลายรูปแบบ)

เรียนท่านผู้อ่านที่นับถือทุกท่าน

ผมได้รับเมลล์จากท่านผู้อ่านบทความของผมว่า มี Blog Site แห่งหนึ่ง คัดลอกบทความของผมแบบทุกตัวอักษรไปใช้ โดยแค่เปลี่ยนเฉพาะภาพถ่าย คัดลอกไปยี่สิบกว่าบทความ เขาถามผมว่ารู้จักเจ้าของ blog หรือไม่ เขาให้ชื่อ blog กับผม ผมก็ลองเข้าไปดู ปรากฎว่าเป็นความจริง ลอกมาแบบเนียนๆทุกตัวอักษร ผมเลยเข้าไปในช่องแสดงความคิดเห็นของบทความเขา บอกเขาว่ากำลังใช้บทความของผมโดยไม่ได้ขออนุญาต หรือกล่าวถึงเจ้าของบทความเลย เขาก็เลยลบช่องแสดงความคิดเห็นออก ผมก็เข้าไปโพสท์ในกล่องทักทาย(Shout Box) เขาก็เลยถอดกล่องทักทายออก เจ้าของ blog ไม่ได้ลงชื่อจริงที่อยู่จริงและรูปจริงเหมือนกับ blog ของผม ไม่กล้าแสดงตัวตนที่แท้จริง มีแต่ e-mail address กับ เบอร์โทรศัพท์ ผมให้ใช้บทความของผมได้ แต่ช่วยลงชื่อผมซึ่งเป็นเจ้าของบทความด้วย เพื่อคนที่เข้ามาอ่านทีหลังจะได้รู้ว่าเป็นบทความของผม ถ้าปล่อยไปนานๆอาจจะมีท่านผู้อ่านสับสนคิดว่าผมไปลอกบทความของเขามา

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังงงๆไม่หาย คือมีท่านผู้สนใจการทำบ้านนกแอ่นหลายๆท่านโทรศัพท์ไปคุยกับผมว่าได้อ่านหนังสือที่ผมเขียนเกี่ยวกับการทำบ้านนกแอ่น เขียนได้ดีมาก ได้ความรู้มาก โทรศัพท์ไปคุย อยากถามข้อมูลเพิ่ม ผมก็เลยสอบถามไปว่าได้หนังสือของผมมาอย่างไร เพราะผมยังไม่ได้เขียนหนังสือเลย เขาก็บอกว่ามีคนเอามาขายให้เย็บเล่มอย่างดี หนามากด้วย ผมจึงถึงบางอ้อโดยไม่ต้องไปบางอ้อ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีคนหัวใสกว่าผม พิมพ์บทความของผมทั้งหมดออกมาเย็บเล่มขาย เยี่ยมมากๆ นายแน่มาก ก็ทำได้ครับผมไม่ว่าอะไร ขอแค่อย่าลบชื่อผมออกจากบทความที่พิมพ์ไปเย็บเล่มขายก็พอ เพื่อให้ผู้ซื้อไปอ่านสามารถติดต่อหาผู้เขียนบทความคือผมได้ เมื่อเวลาเขามีข้อสงสัยอยากจะสอบถามผม ก็แค่นี้เอง

ผมก็แค่บอกกล่าวแก่ท่านผู้อ่านทุกท่านเพื่อปกป้องตัวเอง ไม่ได้คิดจะไปต่อว่าใครๆทั้งสิ้น ไม่อยากจะให้ตัวผมเองต้องมัวหมองกับเรื่องเหล่านี้ ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านเข้าใจผมด้วย

ขอแสดงความนับถือ
เทพชัย อริยะพันธุ์
Swiftlet Lover

Sunday, June 7, 2009

ที่ปรึกษาหรือที่สร้างปัญหา (Swiftlet House's Consultant)

การเริ่มต้นที่จะทำบ้านนกแอ่น สำหรับท่านที่ยังไม่มีข้อมูลใดๆเป็นเรื่องที่ยากมากๆสำหรับท่าน ไม่รู้จะเริ่มต้นนับหนึ่งอย่างไรดี ข้อมูลที่ถูกต้องก็หายาก ถามคนนู้นถามคนนี้ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่เรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจบ้านนกแอ่นมันโน้มน้าวจิตใจให้อยากทำอยากมีบ้านนกแอ่น เมื่ออยากทำอยากมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเอง ก็เริ่มสอบถามค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ จนทำให้ได้เจอ "ที่ปรึกษา" จากเว็บต่างๆ หรือจากช่างที่เคยได้มีโอกาสทำบ้านนกแอ่นมาบ้างแล้ว ได้เห็นภายในบ้านนกแอ่นว่าเป็นอย่างไร ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็น "ที่ปรึกษา" เสียเลย ถามว่า "ที่ปรึกษา" เหล่านี้ท่านได้รู้จักพื้นฐานความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นของเขาอย่างเพียงพอหรือไม่ เขาพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นให้ท่านได้หรือไม่ แนะนำการดูแลบ้านนกแอ่นให้ท่านเมื่อบ้านนกแอ่นสร้างเสร็จแล้วหรือไม่ ตอบได้เลยว่าท่านเองก็ไม่มีความมั่นใจใน "ที่ปรึกษา" เหล่านี้ แต่เมื่ออยากจะทำอยากจะมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเอง ท่านก็จำเป็นต้องจ้าง "ที่ปรึกษา" เหล่านี้

การเป็น "ที่ปรึกษา" นั้นรายได้ดีเงินดีมาก ปกติค่าปรึกษาจะอยู่ที่หลังละประมาณ 300,000 - 500,000 บาท แล้วแต่จะตกลงกัน "ที่ปรึกษา" จะมีทั้งที่เป็นคนไทย คนมาเลย์ และ คนอินโดฯ คนมาเลย์จะมากกว่าเพื่อนเพราะเข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและสามารถมาทำมาหากินเป็น "ที่ปรึกษา" ได้ด้วย มีทั้งที่รู้จริงและรู้ไม่จริง ที่ผมกล้าพูดเช่นนี้เพราะตั้งแต่ผมทำ Blog Site แห่งนี้ ผมได้ข้อมูลจากท่านผู้อ่านที่เล่าปัญหาต่างๆไปให้ผมได้รับฟังรับรู้ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้แก่กันและกัน ได้รับฟังถึงสภาพภายในบ้านนกแอ่นในที่ต่างๆหลายแห่งที่มีปัญหา ที่เกิดจากการจ้าง "ที่ปรึกษา" เหล่านี้ จะหาได้น้อยมากที่ติดตามผลอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่จะรับค่าปรึกษาแล้วก็หายไปเลย ถ้าจะให้ช่วยดูแลติดตามผลให้ก็ต้องมีสัญญาที่จะต้องให้ส่วนแบ่ง จะต้องมีเอี่ยวในการเก็บรังนกทุกครั้ง 30 % และมักจะอ้างเหตุผลว่าการดูแลมีค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าฮอร์โมนต่างๆที่ต้องมาฉีดให้ สารพัดข้ออ้างที่เจ้าของบ้านนกแอ่นใหม่ต้องยอมเขา เพราะเราไม่มีข้อมูลความรู้ มีหลายรายที่ยอมรับเงื่อนไขกลายเป็นสัญญาที่จำยอม(สัญญาทาส) 30 ปี เมื่อไม่สบายใจและสอบถามมาที่ผม ผมก็แนะนำให้เลิกสัญญา ไม่ต้องมาดูแลติดตามผลให้แล้วจะดูแลเอง ผมพร้อมจะให้ข้อมูลทุกอย่างที่ผมรู้แก่เขาแทน "ที่ปรึกษา" การบอกเลิกสัญญาไม่ต้องไปเกรงใจเขาหรอกเพราะเขาเอาเปรียบเรา เราลงทุนทุกบาททุกสตางค์ ยังต้องให้เขามามีเอี่ยวกับการเก็บรังนกทุกครั้ง มันเกินไปจริงๆ นี่คือจุดอ่อนที่ผู้ที่อยากทำอยากมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเองแต่ไม่มีความรู้ ระยะหลังๆนี้ Blog Site ของผมได้ช่วยให้ผู้ที่อยากทำอยากมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเองได้มีความรู้เพิ่มขึ้นเยอะ จะจ้าง "ที่ปรึกษา" ก็คุยได้ง่ายขึ้น มีชั้นมีเชิงไม่ถูกเอาเปรียบได้ง่ายๆ มีความรู้ที่ "ที่ปรึกษา" ไม่สามารถหลอกได้

ผมเองไม่เคยทำตัวเป็น "ที่ปรึกษา" เพราะผมไม่เคยคิดค่าปรึกษา ผมใช้คำว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้แก่กันและกัน ผมเองยังค้นหาข้อมูลความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นอยู่ตลอดเวลา ยังสนุกกับการได้ข้อมูลใหม่ๆตลอดเวลา ปัญหาของบ้านนกแอ่นแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน การแก้ไขก็ต่างกัน จึงมีอะไรที่ใหม่ๆให้เรียนรู้ตลอดไป ผมอยากเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" มากกว่าเป็น "ที่ปรึกษา" อยากเป็น "ผู้ให้ความรู้" มากกว่าเป็นผู้ "รับค่าปรึกษา"

ผมคงไม่เป็นผู้ที่สร้างปัญหาให้แก่ท่าน และไม่เป็น "ที่ปรึกษา" ที่รับค่าปรึกษาจากท่าน แต่ผมจะเป็นเพื่อนคุยของท่านในยามที่ท่านมีปัญหาเรื่องบ้านนกแอ่น ขอให้ท่านเจอ "ที่ปรึกษา" ที่ดีๆมีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบท่าน ขอให้ทุกท่านโชคดี

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์





Saturday, May 9, 2009

เก็บรังนกแอ่นช้าไป ในรังมีไข่ ทำอย่างไรดี?

การทำบ้านนกแอ่นนั้นสำหรับบ้านนกแอ่นที่ประสพความสำเร็จแล้ว ช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ คือช่วงเวลาที่เก็บรังนกแอ่น ยิ่งเก็บรังนกแอ่นได้มากๆยิ่งมีความสุข เพราะนั่นหมายถึงรายได้ที่ท่านจะได้รับจากการขายรังนกแอ่น ยิ่งเวลาผ่านไปนานยิ่งได้รังนกแอ่นมากขึ้น มีประสพการณ์ในการเก็บรังนกแอ่นเพิ่มมากขึ้น การเก็บรังนกแอ่นในแต่ละรอบจึงมีความสำคัญมาก

สำหรับท่านเจ้าของบ้านนกแอ่นที่ยังเป็นมือใหม่ บ้านนกแอ่นของท่านประสพความสำเร็จแล้ว พอมีจำนวนรังนกแอ่นให้ท่านได้เก็บแล้ว แต่การเข้าเก็บรังนกแอ่นยังเป็นประสพการณ์ที่ใหม่สำหรับท่าน พอจะเข้าเก็บก็ยังเห็นลูกนกแอ่นบินอยู่ในบ้านเต็มไปหมด ไม่กล้าเข้าเก็บ มีหลายๆรังที่ควรเก็บได้แล้วก็ไม่ได้เก็บ รอจนลูกนกแอ่นบินออกไปได้หมดจึงเข้าเก็บรัง ปรากฏว่ารังที่ควรเก็บแต่ทีแรกมีไข่นกเสียแล้ว แย่แล้วซิ! ไม่เก็บก็ต้องรออีกประมาณ 70-80 วัน ถ้าจะเก็บแล้วจะเอาไข่นกไปไว้ที่ไหน? ถ้าให้ใช้รังซ้ำ รังก็จะไม่สวยไม่ได้ราคา ทำไงดีหละ!

คำแนะนำจากผู้รู้ Harry Kok เว็บบล๊อกของมาเลเซีย แนะนำว่าควรเก็บรัง แต่การเก็บรังให้ทำดังนี้ ถ้ามีรังนกแอ่น 3 รังใกล้ๆกัน ให้เก็บรังที่อยู่ตรงกลาง โดยนำไข่ทั้ง 2 ฟอง ไปฝากกับรังข้างซ้าย 1 ฟอง และ รังข้างขวา 1 ฟอง เก็บรังเช่นนี้กับรังนกแอ่นทั้งหมด เราก็จะได้รังนกส่วนหนึ่งไปขาย เราไม่ได้ทำลายไข่นก คู่นกที่เราเอาไข่ไปฝากจะช่วยกกไข่ให้ เรายังได้ลูกนกแอ่นจำนวนเท่าเดิม ส่วนรังนกแอ่นที่เราเก็บ คู่นกคู่เดิมจะรีบทำรังใหม่ทันที จะใช้เวลาทำรังสั้นลงเพื่อรีบผสมพันธุ์และวางไข่ใหม่ ทำให้เราได้รังนกแอ่นเพิ่มขึ้น ได้ลูกนกแอ่นเพิ่มเร็วขึ้น ท่านคงไม่อยากทำแบบนี้บ่อยๆเพราะสงสารพ่อแม่นกที่ไข่หาย ก็แล้วแต่ท่านว่าจะทำหรือไม่ นี่เป็นเพียงคำแนะนำและหาทางออกให้ท่าน

การเข้าสำรวจภายในบ้านนกแอ่นเป็นระยะๆ เป็นสิ่งจำเป็น นกแอ่นอาจจะตกใจบ้างก็เป็นธรรมดา การเก็บรังนกแอ่นแต่ละรอบจึงต้องกำหนดเวลาให้ดี การเข้าตรวจขนาดของลูกนกแอ่นและจำนวนรังนกแอ่นที่ว่างแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง การเก็บรังนกแอ่นเมื่อลูกนกแอ่นบินได้แล้วจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

เมื่อท่านทำบ้านนกแอ่นไปได้สักระยะหนึ่ง อาจจะ 3 ปี หรือ 5 ปี ขึ้นอยู่กับอัตราการขยายพันธุ์ของประชากรนกแอ่นของบ้านนกแอ่นท่านว่าเร็วขนาดไหน การเก็บรังนกแอ่นของท่านอาจจะไม่ต้องรอให้ถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ของนกแอ่นก็ได้ คือสามารถเก็บได้เรื่อยๆ ทุก 15 วัน หากท่านสังเกตุดูทุกๆครั้งที่เข้าเก็บรังนกแอ่น ภายในบ้านนกแอ่นจะเห็นทั้งรอยคิ้วใหม่ รังนกที่มีไข่ 1 ฟอง บ้าง 2 ฟอง บ้าง รังนกที่มีลูกอ่อนตัวแดงๆ รังนกที่มีลูกนกขนดำสั้นเต็มตัว รังนกที่มีลูกนกขนยาวเต็มตัวพร้อมที่จะบินได้เร็วนี้ จะเห็นว่ามีครบทุกรูปแบบ ดังนั้นการจะเก็บรังนกแอ่นแบบตามรอบฤดูผสมพันธุ์จึงทำได้ไม่สมบูรณ์มากนัก จึงต้องใช้วิธีการเข้าสำรวจภายในบ้านเป็นระยะๆเป็นตัวช่วย เพื่อให้การเก็บรังนกแอ่นสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

การเก็บรังนกแอ่นถ้ำและการเก็บรังนกแอ่นบ้านมีความแตกต่างกัน จึงไม่ควรนำรูปแบบของการเก็บรังนกแอ่นถ้ำมาใช้กับการเก็บรังนกแอ่นบ้าน การเก็บรังนกแอ่นบ้านจึงเป็นอีกประสพการณ์หนึ่งที่ท่านต้องเรียนรู้ เพื่อให้การเก็บรังนกแอ่นของท่านสมบูรณ์แบบ ได้ผลผลิตรังนกแอ่นตรงตามเป้าหมายที่ท่านต้องการ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Friday, May 8, 2009

บทความความในใจของนกแอ่นแปลเป็นภาษาอังกฤษนำเสนอในบล๊อกเพื่อนบ้านมาเลเซีย

บทความความในใจของนกแอ่น ที่ผมนำเสนอใน Swiftlet Lover Blog ได้รับความสนใจจากท่านผู้อ่าน ชื่นชอบในรูปแบบการเขียน คุณChitchai ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษและPost ลงใน Forum ของ Lawyat V1 Forum ได้มีผู้อ่านทั่วทั้งประเทศมาเลเซีย ผมจึงนำมาเสนออีกครั้งในภาษาอังกฤษและแปลเป็นภาษาไทยให้อ่านด้วย ถือเป็นการฝึกภาษาไปในตัว

Sanctuary for swiftlet – 10 test to pass!

Bird house (BH), is the sanctuary for the swiftlets. Nobody can deny that.
We, BH owners are passionate to offer the swiftlets a place called home, a comfortable Shangri-La that makes them feel safe, warm, cozy, secured and let them grow up with love.

We provide them a cave-like environment to stay, we accommodate them 5 star’s protection & facilities and we let them multiply in numbers.

In order to shower them with our love, we try our very best to be in their shoes, see what they see, feel what they feel and think what they think.

We seek to understand rather than to be understood.

We seek for forgiveness if some of us did not give much thought to their neighbours and the public. As this industry is still in its infancy stage, there will be recalcitrant bat hats that flout the guidelines and give the business a bad name. These people are not really the true friends of the swiftlets. We, the swiftlets’ lifelong buddies & business partners, are people with good heart, we mean business in the same time we heed the concern of the society and we care for the wellness of the industry for the betterment of our country’s economy.
First thing first, in order to succeed, we have to earn the trust from our beloved friends, the swiftlets.

We have to pass the test!

The following article was posted in Lowyat V1 forum. It is from a Thai guy’s blog and was translated by Chitchai.

Thought it is interesting and useful for newbie and like to edit & re-post it here.
Hope you enjoy reading it.

10 Tests To Pass!

Swiftlets ask me to write:

We are the swiftlets and you are the human, the human who always beat little birds like us. Anyway, we are happy that many of you build houses for us. As long as we have places to breed our kind, we don’t mind if you will take our nests away. Now that you want to build a house for us, we like to give you some guidelines to build a successful birdhouse so that we can benefit from that too.

First of all, the smell.

The first day we see this world, after 22-28 days of hatching period, we can only smell. And the first thing we smell is bird droppings’ smell. Since the day we were born to the day we grow up, this very strong smell is so familiar to us. So, if you want to build a house for us, please make the house smell exactly like the place we came from. Then we might visit and stay with you, provided that our existing house is full or something happens to our house (because we live in flock and we love to stay close to our parents and our flock). So if you can make the smell right (to smell like swiftlet droppings), you have passed the first test.

Secondly, the in and out holes.

Sizes of the entrances and exits can be small or large, do not matter much, as long as we can comfortably go in and come back. Some of you try to reduce the light to the nesting room by putting a partition in the roving area, and some of your partition is too close to the entrance and thus make us difficult to maneuver. Some of you use the dog kernel type and hack a hole for us to go down. This type will be acceptable only if the dive down hole is big enough. We like you to try to become swiftlets like us for a day, and try to maneuver down the hole yourselves. Some of us got knocked in the heads or the wings with this dive-down entrance edge, as we have no disc brakes to slam on. Therefore, in and out hole’s size must be enough for us to turn in with ease. If you can do this you have passed the 2nd test.

3. The bird call sounds.

We live in flocks as we do feel safe with many of us around. Therefore, the bird call sound you use must be clear sound that representing many of us in the house (do not use the “solo” sound). We know you trick us, but we don’t mind as long as the sounds make us feel comfortable and safe. That’s why we make nests close to the tweeters in the house. So installing many internal tweeters is preferable to us. We are telling you the truth about sounds here, while many of you still trick your own kind, saying my external sound is better than your external sounds, whatever. The truth is, the external sound is merely a tool to advertise to us that “Hey, there is a BH here”. We only wish those sounds coming out to our ears replicate exact sound made by our kind. No jazz, no rock, no echo, just pure, natural sounds.

4. The nesting planks.

We like to cling on medium hardness and odourless planks. Many grooves type is better. We prefer 6-8inches width with 1 inch thick. Do not worry about meranti if you couldn’t find it, since we were in the cave before and there were absolutely no meranti in the cave. Make them seal tight to the ceiling as we feel safer and more secured. Lots of space to cling for my friends would be perfect. If you can do this, you pass the test no.4.

5. The Temperature.

Do you know that we also feel hot and exhausted during hot days in the sky? Was it not for our feathers we would have become toasted swiftlet in the air. Therefore please try to make your house cool, so we can come back in to rest comfortably. Can you understand? We dislike getting toasted in air and come back to oven-like home! 27-29 degree Celsius is preferable. With this temperature, our feather won’t fall down when we make nest and the nests shape, size and softness will be good too. This is the 5th test.

6. Humidity

Humidity of 80-85% is ideal. With this humidity our kids in the nest feel comfortable as their skins won’t be too dry, and they won’t feel too thirsty very often. That allows us to stay longer off the house looking for food; no need to come back every 3-4 hours. The humidity still keeps our nest from becoming too dry and crispy. Adequate humidity also helps reducing temperature. That’s the 6th test.

7. Darkness.
Darkness makes us feel safe. We recommend you to make it as dark as possible. Light in the in-out hole is all right, as long as it’s dark where we stay. This is very important and we hope you pass this 7th test.

8. Predators

We are small birds and we don’t like to be hunted. We love our babies and we will go crazy if something were to happen to our babies. If your house has predators and those hurt our kids, we will turn our back to your house forever. Therefore if you help us by getting rid of all predators in the house, you will pass the 8th test.

9. The Location

We love houses that are close to the vegetation area. Forests, plants, woods or canal or river area are all good. The water area for us to wash, drink and play should not be too far away from your house. If you build a birdhouse in this area, chances are many of us will visit you.

10. The size of the house

The size does not matter much because the more important is the design and the above-mentioned tests. You must meet the above 9 criteria in order for us to stay in your house. Small house is not a disadvantage as long as inside you make it roomy enough for us to fly with ease. Circle left of right freely, dive-down or fly up with ease. If you can do this you pass the 10th test.

We have told you what we have in mind. If you pass all 10 tests you will be in good shape. The day you start calling us you must feel totally anxious, extremely happy when many of us come close to your inlet hole, and extremely miserable when not one of us play close to your hole. Don’t worry. Just check if you have passed all the tests and you must give us sometimes to visit you and check the conditions in your house. If the conditions are good and we decide to stay, we will see our nest base in no time, and you will smile at last.

Now... good luck to you, the human.
****************************
Now you can see that…
It’s below the dignity to do harm to the swiftlets.
Nevertheless, we know that there are unscrupulous hypocrites out there in Sarawak take the laws at own hands to shift them out and ban them from staying in the town BHs at all costs in the name of protecting them. What a joke!

We know what they are doing under the pretext of their crooked agenda.
The world is watching.
Now, we cry for you, swiftlet.
We cry for your ruined home and dream

เราคือนกแอ่นตัวหนึ่งที่ถูกท่านเข้าใจและเห็นว่าเราผสมพันธุ์กันขณะบินบนท้องฟ้า เราไม่ว่าท่านหรอก เพราะว่าท่านคือมนุษย์ มนุษย์ที่สามารถเอาชนะนกตัวเล็กๆอย่างเราได้ ท่านสร้างบ้านให้พวกเราอยู่อาศัยเราก็ดีใจแล้ว ท่านเอารังของเราไปขายเราก็ไม่ว่าท่านหรอกขอให้เราได้ใช้เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ของเราก่อน ลูกของเราบินได้แล้วท่านเก็บรังไปก็ยุติธรรมดี แต่ต่อไปนี้คือความในใจของเราที่อยากบอกให้ท่านได้รับรู้ การที่ท่านจะสร้างบ้านให้เราอยู่อาศัย ท่านควรเข้าใจความต้องการของเราอย่างถูกต้อง ท่านจึงจะประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด

1. กลิ่นภายในบ้าน เราออกจากไข่วันแรก หลังจากแม่และพ่อของเราใช้เวลาช่วยกันกกไข่ประมาณ 22-28 วัน กลิ่นแรกที่เราได้สัมผัสคือกลิ่นขี้ของเราเอง เราจึงคุ้นเคยกับกลิ่นนี้มาก กลิ่นของถิ่นที่อยู่อาศัยของเรา กลิ่นนี้ฉุนมาก ดังนั้นหากท่านทำบ้านใหม่เพื่อให้เราเข้าอยู่อาศัย โปรดทำให้บ้านใหม่มีกลิ่นเหมือนกับบ้านเกิดที่เราจากมา แต่ถ้าบ้านเกิดของเรายังมีที่ว่างให้เราอยู่เราก็จะไม่มาอยู่บ้านใหม่ของท่าน เพราะเราอยากอยู่ใกล้พ่อแม่และกลุ่มของเรา เรารู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าบ้านเกิดของเราพื้นที่เต็มเราอาจจะมาอยู่บ้านใหม่ของท่าน ที่บอกว่า "อาจจะมาอยู่" ก็เพราะว่าเรายังต้องตรวจสอบเงื่อนไขอื่นๆอีกหลายอย่าง แต่เรื่องกลิ่นถ้าท่านสามารถทำให้เหมือนบ้านเกิดเราได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 1

2. ช่องทางเข้า-ออกเป็นสิ่งที่เราอยากบอกท่านมาก ใหญ่หรือเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้พอเข้าได้สะดวก ที่สำคัญคือท่านพยายามที่จะทำให้ภายในบ้านมืด จึงพยายามทำพนังเพื่อบังแสง บางครั้งพนังชิดช่องทางเข้า-ออกจนเกินไปทำให้เราบินเข้า-ออกลำบาก บางบ้านทำแบบกล่องคอกสุนัข เจาะช่องให้เราต้องบินแบบมุดหัวลง ถ้ากว้างๆก็บินมุดลงสะดวก ถ้าแคบๆเราอยากให้ท่านมาเป็นนกแอ่นแบบเราดูบ้าง ไม่หัวก็ต้องปีกที่จะชนขอบ นกแอ่นอย่างเราไม่มีเบรคคอยช่วย หัวเกือบน๊อกปีกเกือบหักไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นช่องทางเข้า-ออกท่านต้องทำให้ได้ขนาดที่พอเหมาะพอดี ให้เราบินเข้า-ออกได้อย่างสบายโดยไม่ต้องเจ็บตัว ตำแหน่งของช่องเข้า-ออกก็สำคัญ ต้องอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอดี ถ้าคิดไม่ออกว่าขนาดไหน แบบไหน หรือตำแหน่งไหนดี เราขอแนะนำให้ไปถามคุณเทพชัย Swiftlet Lover ดู ถ้าท่านทำได้ตามที่คุณเทพชัย Swiftlet Lover แนะนำ ท่านสอบผ่านข้อที่ 2

3. เสียงเรียกนกแอ่น พวกเราเป็นนกกลุ่มนกสังคมใหญ่ มีความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้นเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกในที่ท่านใช้เรียกเพื่อดึงดูดพวกเรา ต้องเป็นเสียงที่ใสชัดเจนบ่งบอกได้ถึงจำนวนนกที่มากมายอยู่ตรงนี้ เรารู้ว่าท่านหลอกเรา แต่หลอกแล้วต้องทำให้เราสบายใจเราถึงจะยอม ลำโพงเสียงเรียกในติดตั้งมากๆพวกเราชอบ พวกเราชอบทำรังใกล้ลำโพง อยากจะบอกความจริงกับท่านเรื่องเสียงเรียก เราไม่หลอกท่านแน่นอน แต่พวกท่านจะหลอกกันเอง ต่างอวดอ้างว่าเสียงเรียกของข้าดีกว่าคนอื่นๆ อันที่จริงเสียงเรียกเป็นเพียงตัวบ่งบอกให้พวกเราได้รู้ว่า ตรงนี้มีพวกของเราอยู่ซึ่งอันที่จริงไม่มีเลย เป็นเพียงเสียงเรียกเพื่อให้เราได้พบบ้านใหม่ ได้เข้าสำรวจบ้านใหม่ ถ้าเงื่อนไขบ้านใหม่ดีมากๆเราก็จะเข้าอยู่อาศัย ขอให้เสียงเรียกมาถึงหูของเราโดยไม่เพี้ยน ไม่แปลกแยก เป็นเสียงของพวกเราจริงๆ เพียวๆ ไม่ต้องJazz ไม่ต้องClassic ไม่ต้องRock ไม่ต้องมีEcho ถ้าท่านเลือกเสียงเรียกได้ตามนี้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 3

4. ไม้ตีรัง เราชอบไม้ตีรังที่ไม่แข็งมากนัก แข็งกลางๆ ไม่มีกลิ่น มีใยบ้างเล็กน้อย กบไสพอขุยไม้ออกหมดไม่ต้องลื่นมากนัก เซาะร่องหลายๆร่องให้เราเกาะได้ง่าย ขนาดไม้กว้าง 6 - 8 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ไม้สยาหินที่ท่านคิดว่าพวกเราชอบมากๆ ท่านไม่ต้องกังวล เดิมๆบรรพบุรุษของเราเกาะพนังหินปูนในถ้ำ เราเกาะและทำรังได้ทุกที่ ขอให้เกาะได้ง่ายรู้สึกปลอดภัยและมีที่เกาะมากๆพอที่จะให้เพื่อนๆของเราได้เกาะด้วยมากๆ ถ้าท่านทำได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 4

5. อุณหภูมิ ท่านรู้หรือไม่ เวลาเราบินอยู่บนท้องฟ้านั้น ถ้าวันที่อากาศร้อนเราก็จะร้อนเหมือนกับที่ท่านร้อน เราก็ถูกแดดส่องเหมือนกัน ดีว่าเรายังมีขนช่วยบังแดด ไม่งั้นหนังของเราคงเป็นนกปิ้งแน่ๆ เวลาเรากลับมาที่บ้านเราก็อยากให้บ้านที่เราอยู่อาศัยเย็นสบาย ไม่ร้อนและไม่เย็น ไม่ใช่กลับเข้ามาในบ้านแล้วยังกลับอยู่ในเตาไมโครเว็ป ข้างนอกแดดก็จะปิ้งเราอยู่แล้วกลับมาบ้านท่านก็จะปิ้งเราอีก ตกลงท่านอยากจะให้เราอยู่อาศัยที่บ้านของท่านหรือเปล่า ถ้าอยากให้เราอยู่อาศัย ช่วยทำอุณหภูมิให้ได้ระดับ 27 - 29 องศาฯ เราจะชอบมากๆ ขณะที่เราทำรัง รังของเราจะสวยงาม ขนของเราไม่หลุดร่วงง่าย รังของเราจะสะอาด ถ้าท่านทำได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 5

6. ความชื้น เราต้องการความชื้นที่ประมาณ 80 - 85 % ความชื้นทำให้ลูกของเราสบาย ลำตัวของลูกเราไม่แห้งจนเกินไป ไม่กระหายน้ำมาก มีเวลาพอให้เราออกไปหาอาหารและน้ำกลับมาให้ลูกของเราทัน ความชื้นทำให้รังของเราไม่กรอบ และยังช่วยลดอุณหภูมิได้ด้วย ถ้าท่านทำได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 6

7. ความมืด ความมืดทำให้เรารู้สึกปลอดภัย ท่านทำให้มืดที่สุดเท่าที่ท่านทำได้ มีแสงสว่างบ้างตรงช่องทางเข้า-ออก ไม่เป็นไร ตราบใดที่เรารู้สึกว่าปลอดภัย แสงสว่างที่พอมีบ้างเรายังพอรับได้ ขอให้มีส่วนที่มืดมากๆกว่าส่วนที่สว่างก็เป็นอันใช้ได้ ทำได้แค่นี้ก็ถือว่าท่านสอบผ่านข้อที่ 7

8. ศัตรูรบกวนทุกชนิด เราเป็นนกตัวเล็กๆไม่ชอบถูกใครรังแก เรารักลูกของเรามาก ท่านรักลูกของท่านอย่างไร เราก็รักลูกของเราอย่างนั้น เราจะโกรธมากถ้าใครมาทำร้ายลูกของเรา เราจะไม่อยู่อาศัยที่บ้านของท่าน ถ้าเราค้นพบว่ามีศัตรูที่จะรบกวนเรา เราจะหันหลังให้กับบ้านของท่านตลอดกาล ถ้าท่านจัดการศัตรูที่ชอบรบกวนเราได้ทั้งหมด ท่านสอบผ่านข้อที่ 8

9. ทำเลที่ตั้งของบ้าน เราชอบพื้นที่ที่ใกล้แหล่งอาหารของเรา ป่าที่สมบูรณ์ต้องไม่ไกลจากบ้านที่จะให้เราอยู่อาศัยมากนัก มีพืชสวนพืชไร่ มีแม่น้ำลำคลอง มีแหล่งน้ำสะอาดให้เราได้โฉบเล่น อาบ กิน และล้างตัวไร พื้นที่เหล่านี้พวกเราจะบินมาบ่อยๆ ท่านจะหลอกจะเรียกพวกเราได้ง่าย ถ้าท่านทำบ้านให้เราอยู่ในพื้นที่แบบนี้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 9

10. ขนาดของตัวบ้าน เราไม่เกี่ยงว่าบ้านเล็กบ้านใหญ่ อยู่ที่ตัวท่าน ขอเพียงแต่ท่านต้องนำสิ่งที่ท่านสอบผ่านทั้ง 9 ข้อ ให้มารวมอยู่ในบ้านที่ท่านอยากจะให้พวกเราเข้าอยู่อาศัยอย่างลงตัวทุกเงื่อนไข ที่สำคัญคือภายในตัวบ้านต้องกว้างพอให้เราทำวงบินได้สะดวก จะวนซ้ายวนขวาล้วนมีอิสระตามใจของเรา จะมุดจะเหินล้วนกว้างขวางดังใจ จะเข้าจะออกล้วนทำได้ตามใจนึกของเรา ถ้าท่านทำได้ดังนี้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 10

เราได้บอกความในใจของเราแล้ว หากท่านสอบผ่านทั้ง 10 ข้อ ท่านคงสบายใจ เปิดบ้านวันไหนคงใจจดใจจ่อนั่งรอดูว่าเราจะมาวนเวียนมาตอมลำโพงเสียงเรียกนอกหรือไม่ พวกเรามามากๆท่านดีใจสุดๆ วันไหนพวกเรามาน้อยๆหรือไม่มาเลย ท่านจะหงอยไปเลย แต่ท่านไม่ต้องตกใจหรอก ท่านสอบผ่านทั้ง 10 ข้อ โอกาสที่พวกเราจะเข้าอยู่อาศัยนั้นมีสูง ขอเพียงแต่ให้พวกเราได้มีโอกาสสำรวจดูเงื่อนไขต่างๆ และให้เวลาแก่พวกเราบ้าง จะช้าจะเร็วอยู่ที่ท่านทำบ้านได้สมบูรณ์ระดับไหน การทำบ้านให้พวกเราอยู่ท่านต้องอดทน ใช่ว่าจะสำเร็จในวันสองวัน ถ้าพวกเราตัดสินใจเข้าอยู่แล้วจริงๆ ไม่กี่วันท่านจะเห็นรอยตั้งคิ้วของพวกเรา แค่เห็นรอยตั้งคิ้วท่านก็จะยิ้มออก ผ่านไปอีกระยะรังก็สมบูรณ์พร้อมวางไข่ และดำเนินไปตามระยะของการขยายเผ่าพันธุ์ต่อๆไป ประชาการของเราก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนท่านพึงพอใจ

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีสองด้านเสมอ มีสำเร็จก็มีล้มเหลว ท่านสอบผ่านทั้ง 10 ข้อ มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จและผู้ที่ล้มเหลว อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จและผู้ที่ล้มเหลว โชคเป็นส่วนหนึ่งหรือไม่? ความเป็นคนใจบุญสุนทานมีส่วนหรื่อไม่? ความเป็นคนเห็นแก่ตัวจิตใจคับแคบมีส่วนหรือไม่? ฯลฯ และ ??????? เราไม่สามารถบอกท่านได้ในข้อนี้ ท่านต้องบอกตัวท่านเองว่าท่านเป็นคนแบบไหน ท่านย่อมรู้จักตัวท่านเองดีกว่าใครๆ ขอให้ท่านโชคดี

นกแอ่นบอกให้เขียน นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Friday, May 1, 2009

บ้านนกแอ่นยิ่งมากนกแอ่นยิ่งเพิ่มขึ้น จริงหรือไม่?

มีข้อสงสัยที่พูดคุยกันมากในหมู่ผู้ทำบ้านนกแอ่นว่า ยิ่งมีบ้านนกแอ่นใหม่เพิ่มขึ้นมากๆ ยิ่งทำให้แต่ละบ้านนกแอ่นได้นกแอ่นน้อยลง และนกแอ่นเพิ่มขึ้นช้า

ความคิดนี้อาจจะผิดหรือไม่จริงก็ได้ ถ้าผู้คิดเป็นผู้เห็นแก่ตัวหรือมีจิตใจคับแคบ เราอยู่ในโลกของความมีอิสระ ไม่สามารถที่จะไปหยุดให้ผู้อื่นครอบครองสิ่งต่างๆได้ นกแอ่นถูกธรรมชาติสร้างมา หรือถ้าเชื่ออีกแบบก็ถูกพระเจ้าส่งมาให้แก่ทุกท่าน ดังนั้นทุกท่านจึงสามารถครอบครองได้ เรียกได้ ทำบ้านนกแอ่นได้ทุกท่าน แล้วแต่ว่าท่านมีกำลังความสามารถหรือไม่ เท่านั้นเอง!

ท่านที่ทำบ้านนกแอ่นและสามารถทำได้ตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบทุกประการ สามารถเพิ่มประชากรนกแอ่นได้ตลอดเวลา ยิ่งเวลาผ่านไปนกแอ่นยิ่งเพิ่มขึ้น สำหรับคนทำบ้านนกแอ่น "เวลา คือ เงิน" นั่นเอง

ต่อไปนี้คือการคำนวณอย่างง่ายๆ ให้ท่านเห็นว่านกแอ่นเพิ่มประชากรอย่างไร และรองรับบ้านนกแอ่นที่เพิ่มขึ้นได้เท่าไหร่ ให้ท่านคิดตามเล่นๆ อย่าเพิ่งเซ็ง อย่าเพิ่งเครียด

ก่อนอื่นต้องตั้งสมมุติฐานต่อไปนี้:-

1. ขนาดของบ้านนกแอ่นพื้นฐาน 2 ชั้น ขนาด 4 x 25 เมตร = 100 x 2 = 200 ตารางเมตร

2. บ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุด พื้นที่ 1 ตารางเมตร รองรับรังนกแอ่นได้ประมาณ 100 รัง ทุกๆ 4 เดือน

3. ลูกนกแอ่นที่เกิดใหม่ไม่สามารถอยู่รอดได้ประมาณ 10 % (ด้วยอุบัติเหตุ ศัตรูรบกวนและเหตุอื่นๆ)

4. 1 คู่ นกแอ่น วางไข่ 2 ฟอง ต่อครั้ง 1 ปี 3 ครั้ง (เพิ่มขึ้น 3 เท่าทุกปี)

5. บ้านนกแอ่นที่ล้มเหลวไม่มีการปรับปรุงแก้ไข

6. มีอาหารของนกแอ่นอย่างสมบูรณ์เพียงพอ

การคำนวณบ้านนกแอ่นที่สร้างเพิ่มขึ้นทุกๆปีเพื่อรองรับปริมาณนกแอ่นที่เพิ่มขึ้น

จากสถิติตัวเลขบ้านนกแอ่นในประเทศไทยจนถึงปัจจุบันประมาณ 80,000 หลัง บ้านนกแอ่นที่สำเร็จจริงๆ ประมาณ 30 % เท่ากับ ประมาณ 24,000 หลัง

ดังนั้นตัวเลขโดยประมาณ จำนวนประชากรนกแอ่นในประเทศไทยที่อาศัยอยู่ในบ้านนกแอ่น

= 24,000 x 20,000 = 480,000,000 คู่

ประมาณการณ์ประชากรนกแอ่นที่คาดหวังในปีที่ 1

= 480,000,000 + 480,000,000 x 3 = 1,440,000,000 ลดลง 10 % = 1,296,000,000 คู่
= 480,000,000 + 1,296,000,000 = 1,776,000,000 คู่

จำนวนบ้านนกแอ่นใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับประชากรนกแอ่นที่เพิ่มขึ้นในปีที่ 1

= 1,776,000,000 - 480,000,000 = 1,296,000,000 / 20,000 = 64,800 หลัง

ประมาณการณ์ประชากรนกแอ่นที่คาดหวังในปีที่ 2

= 1,776,000,000 + 1,776,000,000 x 3 = 5,328,000,000 ลดลง 10 % = 4,795,200,000 คู่
= 1,776,000,000 + 4,795,200,000 = 6,571,200,000 คู่

จำนวนบ้านนกแอ่นใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับประชากรนกแอ่นที่เพิ่มขึ้นในปีที่ 2

= 6,571,200,000 - 1,776,000,000 = 4,795,200,000 / 20,000 = 239,700 หลัง

ประมาณการณ์ประชากรนกแอ่นที่คาดหวังในปีที่ 3

= 6,571,200,000 + 6,571,200,000 x 3 = 19,713,600,000 ลดลง 10 % = 17,742,240,000 คู่
= 6,571,200,000 + 17,742,240,000 = 24,313,440,000 คู่

จำนวนบ้านนกแอ่นใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับประชากรนกแอ่นที่เพิ่มขึ้นในปีที่ 3

= 24,313,440,000 - 6,571,200,000 = 17,742,240,000 / 20,000 = 887,112 หลัง

ข้อเท็จจริงที่ค้นพบ

1. ยิ่งบ้านนกแอ่นมีมากเท่าไหร่ยิ่งมีความสุข ยิ่งท่านสร้างมากเท่าไหร่ ประชากรนกแอ่นยิ่งเพิ่มมากขึ้น

2. ประชากรนกแอ่นมากมายเพียงพอให้ท่านแบ่งปันกันอย่างพอเพียง

3. หากจำนวนบ้านนกแอ่นสร้างได้ไม่รวดเร็วเพียงพอกับประชากรนกแอ่นที่เพิ่มขึ้น นกแอ่นก็จะย้ายถิ่นไปสู่พื้นที่อื่น

จะเห็นว่าผมลองแบ่งนกแอ่นให้ท่านแบบใจกว้างๆ บ้านละ 20,000 คู่ ยังได้จำนวนบ้านนกแอ่นที่ต้องสร้างใหม่ในปีที่ 1 ถึง 64,800 หลัง ยังไม่ต้องพูดถึงปีที่ 2 และ 3 แล้วนี่จะสร้างกันทันหรือไม่ ดังนั้นจึงอย่าไปกลัวเลยว่าคนอื่นทำบ้านนกแอ่นแล้วจะมาแย่งลูกนกแอ่นจากเรา ใจกว้างๆแบบมหาสมุทรไปเลยครับ

บทความนี้อาจไม่เป็นจริงก็ได้โปรดใช้การพิจารณา ผู้ทำบ้านนกแอ่นควรรอบคอบอย่าเชื่อใครง่ายๆ ขอให้ทุกท่านโชคดีมีความสุข

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Friday, April 24, 2009

ลูกนกแอ่นของท่านจะย้ายไปอยู่บ้านอื่นหรือไม่?

บทความนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความกังวลของผู้ทำบ้านนกแอ่น กังวลว่าเมื่อบ้านนกแอ่นเริ่มมีนกแอ่นเข้าอยู่อาศัย เริ่มมีรังนกแอ่น เริ่มมีลูกนกแอ่นที่เกิดจากบ้านนกแอ่นหลังนี้ กังวลว่าลูกนกแอ่นที่เกิดใหม่เหล่านี้จะย้ายไปอยู่ที่อื่น เหมือนอย่างที่เราเองเคยเรียกให้ลูกนกแอ่นใหม่จากบ้านอื่นๆเข้ามาอยู่อาศัยในบ้านกแอ่นใหม่ของเรา ก็กังวลกันได้ในเมื่อไม่รู้ ไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ แต่ต่อไปนี้ท่านจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

ความจริงเรื่องการย้ายถิ่นที่อยู่ของนกแอ่น

นกแอ่นจะย้ายถิ่นต้องเกิดจากผลกระทบที่รุนแรงจริงๆ เช่น เคยมีข่าวเมื่อหลายปีก่อนว่านกแอ่นอพยพหนีจากอินโดนีเซียเข้าสู่ประเทศมาเลยเซียและประเทศไทยจำนวนหลายล้านตัว เนื่องจากเกิดไฟไม้ป่าหลายครั้ง กินบริเวณพื้นที่ป่าไม้มากมาย หมอกควันปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ ทำให้แมลงที่เป็นอาหารของนกแอ่นลดลงจนนกแอ่นไม่สามารถหาอาหารได้อย่างเพียงพอ นกแอ่นจึงอพยพ นกแอ่นย้ายถิ่นแบบนี้พวกเราคงชอบใจ คงนึกในใจถ้าจะเกิดไฟใหม้ป่าที่อินโดนีเซียอีกหลายๆครั้งก็ดี ข้อมูลนี้เท็จจริงเป็นอย่างไรผมไม่สามารถยืนยันได้ แต่เคยเป็นข่าวให้งุนงงสงสัย

ส่วนข้อกังวลเรื่องลูกนกแอ่นของท่านจะย้ายไปอยู่บ้านนกแอ่นอื่นหรือไม่นั้น ความจริงจะเป็นดังนี้ ลูกนกแอ่นจะไม่ย้ายไปอยู่ที่ไหน ตราบใดที่บ้านนกแอ่นเดิมยังมีพื้นที่ว่างอย่างเพียงพอ มีเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบครบถ้วนสมบูรณ์ทุกประการ ลูกนกแอ่นจะอยู่อาศัยที่บ้านนกแอ่นเดิม จะช่วยกันสร้างกลุ่มขยายพันธุ์ให้ใหญ่โตขึ้น กลุ่มยิ่งใหญ่โตยิ่งรู้สึกปลอดภัย จะขยายพันธุ์จนกว่าบ้านนกแอ่นของท่านไม่สามารถรองรับจำนวนนกแอ่นที่เพิ่มขึ้นได้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านเองก็ต้องทำใจ เพราะท่านจะเริ่มเป็นผู้เอื้อเฟื้อ แบ่งปันลูกนกแอ่นจากบ้านนกแอ่นของท่านให้แก่บ้านนกแอ่นใหม่หลังอื่นๆ

การจะดูว่าบ้านนกแอ่นของท่านจะรองรับจำนวนนกแอ่นได้เท่าไหร่ จะเริ่มแบ่งปันลูกนกแอ่นให้บ้านนกแอ่นใหม่หลังอื่นๆเมื่อไหร่ วิธีคำนวณแบบง่ายๆ คือ พื้นที่ 1 ตารางเมตร สามารถรองรับรังนกแอ่นได้ประมาณ 100 รัง เท่ากับรองรับคู่นกแอ่นได้ 100 คู่ หรือ 200 ตัว ถ้าบ้านนกแอ่นของท่านมีพื้นที่ทั้งหมด 200 ตารางเมตร ท่านก็สามารถรองรับรังนกแอ่นได้ 20,000 รัง เท่ากับรองรับคู่นกแอ่นได้ 20,000 คู่ หรือ 40,000 ตัว ท่านก็ลองคำนวณดูเองเล่นๆว่าบ้านนกแอ่นของท่านมีพื้นที่ทั้งหมดเท่าไหร่ จะรองรับจำนวนนกแอ่นได้เท่าไหร่ คิดเล่นๆแก้เซ็งอย่าไปจริงจังมากนักเดี๋ยวจะเครียด

คงจะคลายความกังวลของท่านได้มาก ลูกนกแอ่นของท่านจะยังคงอยู่กับบ้านนกแอ่นของท่านไปจนกว่าบ้านนกแอ่นของท่านจะเต็มจริงๆ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

ปีแรก 1 คู่ ปีที่ 10 จะเป็น 786,432 คู่

มีท่านผู้อ่านหลายท่านที่เพิ่งทำบ้านนกแอ่นใหม่และเป็นกังวลกับจำนวนนกแอ่นที่เพิ่งเข้าอยู่อาศัย ว่ามีจำนวนน้อย เพิ่มจำนวนช้า เห็นบินมาวนมาตอมลำโพงเสียงเรียกนอกมากมายแต่ทำไมไม่เข้าอยู่อาศัยทั้งหมด การทำบ้านนกแอ่นก็เป็นเช่นนี้แหละ ต้องมีความอดทน ต้องรอคอย นกแอ่นที่บินมาตอมลำโพงเสียงนอกและบินเข้าสำรวจภายในบ้าน อาจเป็นนกแอ่นที่มีที่อยู่อาศัยถาวรแล้ว แต่ด้วยนิสัยของนกแอ่นที่ชอบสำรวจ และด้วยเสียงเรียกนกแอ่นที่มีคุณภาพ ดึงดูดให้นกแอ่นต้องยอมคล้อยตามเสียงเรียก ส่วนลูกนกแอ่นใหม่ที่ยังไม่โตเต็มวัยและบินตามฝูงมาด้วย ก็ได้มีโอกาสสำรวจบ้านนกแอ่นใหม่ของท่านด้วย ถ้าบ้านที่อยู่เดิมเริ่มคับแคบและบ้านที่เพิ่งสำรวจพบใหม่มีเงื่อนไขที่ดีกว่า ลูกนกแอ่นใหม่เหล่านี้ก็จะตัดสินใจได้ง่าย ท่านก็มีโอกาสได้ลูกนกแอ่นใหม่เหล่านี้ การทำบ้านนกแอ่นจึงอยู่ที่การทำบ้านนกแอ่นให้ได้ตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบทุกประการ (Microhabitat)

การเรียกคู่นกแอ่นคู่แรกให้เข้าอยู่อาศัยและยอมรับเงื่อนไขภายในของบ้านนกแอ่น การเห็นรังนกแอ่นรังแรกจนกระทั่งเห็นลูกนกแอ่นจากรังแรก จึงถือเป็นความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่น ส่วนการจะวัดความสำเร็จระดับต่างๆ จึงขึ้นอยู่กับท่านว่าท่านให้ความสำคัญกับระดับความสำเร็จอย่างไร แต่จะอย่างไรก็ตามขอเรียนยืนยันกับท่านอีกครั้งว่า ถ้าท่านทำบ้านนกแอ่นของท่านได้สมบูรณ์ตรงตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบทุกประการ นกแอ่นคู่แรกได้เข้าอยู่อาศัยและทำรังจนเห็นลูกนกแอ่นจากรังแรกแน่นอน ข้อมูลต่อไปนี้จะทำให้ท่านพอคลายความกังวลได้บ้าง อันที่จริงก็เคยนำเสนอไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรจะช่วยเน้นย้ำคลายความกังวลให้ท่าน ข้อมูลนี้อยู่บนพื้นฐานว่านกแอ่นผสมพันธุ์ 3 รอบใน 1 ปี, เฉลี่ย 4 เดือนต่อ 1 รอบ, ใน 1 รอบ ได้ลูกนกแอ่น 2 ตัว, 1 ปี 3 รอบ ได้ลูกนกแอ่น 6 ตัว, เท่ากับ 1 ปี เพิ่ม 3 เท่า (คูณ 3 ทุกปี) แล้วบวกกับตัวต้นที่เรา x 3 ทุกปี

ปีที่ 1 : 1 คู่ x 3 = 3 คู่
ปีที่ 2 : 4 คู่ x 3 =12 คู่
ปีที่ 3 : 16 คู่ x 3 = 48 คู่
ปีที่ 4 : 64 คู่ x 3 = 192 คู่
ปีที่ 5 : 256 คู่ x 3 = 768 คู่
ปีที่ 6 : 1,024 คู่ x 3 = 3,072 คู่
ปีที่ 7 : 4,096 คู่ x 3 = 12,288 คู่
ปีที่ 8 : 16,384 คู่ x 3 = 49,152 คู่
ปีที่ 9 : 65,536 คู่ x 3 = 196,608 คู่
ปีที่ 10 : 262,144 คู่ x 3 = 786,432 คู่

จากข้อมูลที่แสดงจะเห็นว่า แม้เพียงปีแรกจะมีนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยเพียง 1 คู่ และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติของนกแอ่น เมื่อสิ้นปีที่ 10 จะมีจำนวนนกแอ่นถึง 786,432 คู่ ตัวเลขอาจจะไม่ต้องขนาดนี้ท่านก็ยิ้มได้แล้ว ส่วนใหญ่บ้านนกแอ่นใหม่ที่ทำได้สมบูรณ์เพียงปีแรกก็สามารถดึงดูดนกแอ่นได้มากกว่า 1 คู่ อยู่แล้ว ท่านก็ลองไปคิดคำนวณเอาเอง ดังนั้นการทำบ้านนกแอ่นจึงต้องมีการรอคอย มีความอดทน มีบุญมีโชคมากบวกบ้าง และที่สำคัญต้องหมั่นทำความดี ผมคงไม่ต้องบอกท่านนะว่าความดีทำอย่างไร (อิ อิ)

สำหรับบ้านนกแอ่นของท่านที่มีนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยแล้วจะมากจะน้อย จะช้าจะเร็ว ก็อย่าได้กังวลใจมากนัก ตราบใดที่นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยแล้ว นกแอ่นสามารถขยายเผ่าพันธุ์ ลูกนกแอ่นสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้ ไม่มีศัตรูคอยรบกวน พ่อแม่นกแอ่นจะเริ่มมั่นใจและเร่งขยายเผ่าพันธุ์ต่อไป วัดวาอาราม โรงหนังเก่าทิ้งร้าง ตึกร้าง โรงงานร้าง นกแอ่นยังอาศัยอยู่ได้มากมาย บ้านนกแอ่นของท่านลงทุนทำมาอย่างดี ย่อมต้องประสพความสำเร็จแน่นอน

ขอให้ทุกท่านโชคดี

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, March 24, 2009

Swiftlet Lover Blog ครบ 1 ขวบ

เวลาและวารีไม่คอยใคร เผลอนิดเดียว Swiftlet Lover Blog ครบ 1 ขวบ ผมเริ่มเขียนบทความนำเสนอใน Blog Site แห่งนี้เมื่อ 23 มีนาคม 2551 มาถึงวันนี้ 24 มีนาคม 2552 เลยวันครบรอบไป 1 วัน เวลา 1 ปี ช่างผ่านไปเร็ว วันนี้จึงขอฉลองวันครบรอบ 1 ปี ให้กับ Swiftlet Lover Blog ย้อนหลัง 1 วัน Happy 1st Birthday ขอให้ Swiftlet Lover Blog เป็นที่รักของท่านผู้อ่านตลอดไป

บทความที่นำเสนอทั้งหมด 114 บทความ มีนอกเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องบ้านนกแอ่นบ้างเล็กน้อย แต่เป็นข้อคิดเห็นที่ดีคงไม่ว่ากัน เรื่องบ้านนกแอ่นก็นำเสนอไปพอสมควรแต่ยังไม่ครบสมบูรณ์ทุกเรื่อง จะพยายามนำเสนอไปเรื่อยๆเท่าที่มีเวลาว่างและมีสมาธิเพียงพอ ยังมีความสุขและสนุกกับการนำเสนอบทความแก่ท่านผู้อ่านอย่างเปี่ยมล้น

เวลา 1 ปี ที่ผ่านไป ผมได้อะไรที่มีค่ามากมาย ผมได้รู้จักท่านผู้อ่านหลายๆท่าน ได้รู้จักแม้ไม่เคยเห็นหน้า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ บางท่านได้คุยกันหลายครั้ง บางท่านครั้งเดียว บางท่านไม่กล้าโทรศัพท์ไปคุย เกรงใจกลัวผมไม่มีเวลาว่างให้ ผมขอถือโอกาสเสนอไว้ตรงนี้เลย โปรดอย่าได้เกรงใจ ถ้าผมติดธุระอยู่ผมจะรีบบอกให้ท่านโทรฯกลับไปใหม่ ผมถือเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้รู้จักท่าน ยินดีพูดคุยกับทุกท่านด้วยความเต็มใจ มีหลายท่านไปเยี่ยมชมบ้านนกแอ่นของผมที่ยะลา ไปแลกเปลี่ยนพูดคุยถึงยะลา ผมยินดีต้อนรับด้วยความเต็มใจเสมอ

ครบรอบ 1 ปี ที่ผ่านไป มีผู้อ่านที่เป็นคนไทยประมาณ 12,000 คน จำนวนครั้งที่เข้าเยี่ยมประมาณ 25,000 ครั้ง ก็นับว่าดีกว่าที่คิดไว้มาก กะว่าสัก 2,000 คน ก็พอใจแล้ว ได้เกินเป้าไปประมาณ 10,000 คน ถือว่าเกินความคาดหมายไปมาก ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่าน

บ้านนกแอ่นยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ความเสี่ยงยังมีอยู่เป็นธรรมชาติของทุกธุรกิจ ท่านจึงต้องเล่นในสนามที่ท่านชำนาญสูงสุด เล่นในเกมส์ที่ท่านมีความถนัดสูงสุดมีโอกาสชนะมากที่สุด ถ้าท่านยังไม่พร้อมในทุกๆด้าน บทความใน Swiftlet Lover Blog จะค่อยๆช่วยเติมเต็มให้ท่าน ให้ท่านค่อยๆชำนาญสนาม ให้ท่านค่อยๆถนัดในเกมส์ หลังจากนั้นจึงค่อยตัดสินใจ คิดให้หลายๆครั้งก่อนตัดสินใจ เพราะทุกสนามทุกเกมส์ มีทั้งแพ้และชนะเท่าๆกัน

อีกครั้งกับคำว่า Happy 1st Birthday Swiftlet Lover Blog, Happy Birthday.

ฉลองครบรอบ 1 ปี โดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Thursday, March 19, 2009

กฎพื้นฐานของบ้านนกแอ่น

มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์มีแหล่งพืชไร่ที่อุดมสมบูรณ์มีสภาพอากาศที่ปราศจากมลพิษมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีพื้นที่ชุ่มน้ำกระจายอยู่ทั่วไปอย่างสมบูรณ์ การทำบ้านนกแอ่นนั้นกฎพื้นฐานที่สำคัญคือการเลือกพื้นที่ที่จะลงทุนทำบ้านนกแอ่น นับเป็นโชคดีของประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ล้วนมีโอกาสสูงที่จะทำบ้านนกแอ่นได้ แต่การที่จะประสพความสำเร็จได้นั้นต้องมีองค์ประกอบหลักที่สำคัญที่ต้องนำมาพิจารณา คือ:-

1. แหล่งรวมใหญ่ที่อยู่ของพืชและสัตว์ (Microhabitat) หมายถึง ก่อนที่ท่านจะลงทุนทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ใด พื้นที่นั้นต้องเป็นพื้นที่ที่มีนกแอ่นอาศัยอยู่ (Swiftlet Area) สภาพแวดล้อมที่พึงประสงค์ต้องประกอบด้วย:-

- 50% ของพื้นที่เป็นพืชไร่ที่มีลำต้นต่ำกว่า 1 เมตร เช่น นาข้าว ทุ่งหญ้า สุมทุมพุ่มไม้
- 30% ของพื้นที่เป็นต้นไม้ใหญ่ลำต้นสูงกว่า 5 เมตร เช่น สวนปาล์ม ป่าไม้
- 20% ของพื้นที่เป็นแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำ ทะเล อ่างเก็บน้ำ หนอง บึง ป่าชายเลน

นกแอ่นจะใช้เวลา 12 ชั่วโมง บินโดยไม่หยุดพักเพื่อหาอาหาร (จับแมลงในอากาศ) ช่วงแรกของวันตั้งแต่เวลา 6.00 น. - 10.00 น. จะหากินในแหล่งของพืชไร่ เช่น นาข้าว ทุ่งหญ้า สุมทุมพุ่มไม้ จากนั้นตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 13.00 น. จะหากินในแหล่งของต้นไม้ใหญ่ เช่น สวนปาล์ม ป่าไม้ ช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 13.00 น. - 15.00 น. จะอยู่ใกล้แหล่งน้ำเพื่อกินน้ำและโฉบเล่นน้ำ และจะกลับสู่แหล่งพืชไร่อีกครั้งตั้งแต่เวลา 15.00 น. - 18.00 น.

คู่นกแอ่นที่มีลูกจะหากินใกล้ๆบ้านนกแอ่น จะกลับบ้านนกแอ่นหลายครั้งเพื่อป้อนอาหารให้ลูกนกแอ่น ท่านจึงสังเกตุเห็นนกแอ่นบินอยู่รอบๆบ้านนกแอ่นในตอนกลางวันบ่อยๆ

หลีกเลี่ยงการทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ที่มีมลภาวะสูง เช่น ใกล้โรงงานที่มีปล่องควัน ฝุ่นละออง

2. แหล่งที่อยู่อาศัยของนกแอ่น (Microhabitat) หมายถึงบ้านนกแอ่นที่ท่านทำให้นกแอ่นอยู่อาศัย อันนี้มนุษย์เราเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมากที่สุด ท่านต้องจัดหา เตรียมการ ดำเนินการให้ได้บ้านนกแอ่นตรงตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบทุกประการ เพื่อดึงดูดนกแอ่นให้เข้าอยู่อาศัยในเวลาอันรวดเร็ว ให้ได้ผลผลิตรังนกแอ่นในเวลาที่สั้นและได้รังนกแอ่นจำนวนมาก สภาพแวดล้อมภายในบ้านนกแอ่นที่พึงประสงค์ต้องประกอบด้วย:-

- เส้นทางบินที่เหมาะสม (Right Flying Path) ที่ทำให้นกแอ่นสามารถบินเข้า-บินออกบ้านนกแอ่นของท่านได้อย่างง่ายดาย ทั้งที้หมายถึงตำแหน่งของช่องทางเข้า-ออก (Entrance Hole) ต้องเหมาะสม
- อุณหภูมิที่เหมาะสม นกแอ่นชื่นชอบ 27 - 29 องศา C
- ความชื้นที่เหมาะสม นกแอ่นชื่นชอบ 80 - 95 %
- ความมืดที่เหมาะสม นกแอ่นชื่นชอบ 2 - 6 Lux
- ปลอดภัยจากศัตรูรบกวนทั้งมวล
- ไม่มีลมแรงพัดเข้าสู่ภายในบ้านนกแอ่น
- ลอกเลียนแบบให้เหมือนถ้ำที่นกแอ่นเคยอยู่ตามธรรมชาติ
- เสียงเรียกนกแอ่นมีความสำคัญมากในการดึงดูดนกแอ่น

จะเห็นว่าเมื่อนำองค์ประกอบทั้ง 2 อย่าง Macrohabitat และ Microhabitat มาพิจารณาอย่างดีแล้ว สามารถเลือกทำเลได้ถูกต้อง สร้างบ้านนกแอ่นได้ตรงตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบ อัตราความสำเร็จของบ้านนกแอ่นของท่านมีสูงมาก

การเลือกทำเลที่ตั้งบ้านนกแอ่นมีผลต่อความสำเร็จเป็นอย่างมาก นกแอ่นออกหากินในรัศมีประมาณ 25 ตารางกิโลเมตร บ้านนกแอ่นที่ตั้งอยู่ในรัศมี 25 ตารางกิโลเมตรจากแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์จึงมีโอกาสสำเร็จได้รวดเร็ว ได้รังนกแอ่นจำนวนมาก ท่านจึงเห็นข้อเปรียบเทียบว่าทำไมบางพื้นที่จึงสำเร็จได้รวดเร็ว บางพื้นที่จึงสำเร็จได้ช้า ดังนั้นท่านจึงต้องนำเหตุผลอันนี้มาประกอบว่าทำไมบ้านนกแอ่นของท่านจึงได้รับผลระดับนี้ เร็ว ช้า สำเร็จ ล้มเหลว จะไปโทษอย่างอื่นไม่ได้ ต้องโทษที่ไม่ได้นำ 2 องค์ประกอบนี้มาร่วมพิจารณา

มีข้อมูลใหม่สำหรับทุกท่าน พื้นที่ภาคอีสานมีบ้านนกแอ่นแล้ว ที่จังหวัดอุดรธานี อัตราความสำเร็จกำลังติดตาม เมื่อนำองค์ประกอบ 2 ส่วนนี้มาพิจารณาจึงนับว่าน่าสนใจมาก เคยคิดว่าพื้นที่ภาคอีสานไม่น่าจะมีนกแอ่น แต่ก็มีแล้ว จังหวัดอื่นๆจึงน่าสนใจศึกษาเช่นกัน

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Wednesday, March 4, 2009

บทความดีๆของพระมหาวุฒิชัย ว. วชิรเมธี

บทความบทนี้ขอเปลี่ยนบรรยากาศจากบ้านนกแอ่นมานำเสนอข้อชวนคิดดีๆ ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว. วชิรเมธี) เพื่ออ่านแล้วท่านจะได้มีแรงคิดสู้ต่อไปอย่างไม่ท้อถอย จะมองเห็นทุกอย่างที่เป็นจริง ไม่หลอกลวง

ชวนคิด ชวนคิด => แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวัน ก็ยังโง่เท่าเดิม

นัยอันล้ำลึกของคำว่า "ขอบคุณ"

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ

ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ

ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ

ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ ที่ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน

ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ

เจริญพร

โดยท่านพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว. วชิรเมธี)

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Thursday, February 19, 2009

การเตรียมตัวเตรียมใจเป็นเจ้าของบ้านนกแอ่น

ตั้งแต่ผมเริ่มเขียนบทความและนำเสนอบน Web/Blog แห่งนี้ มีท่านผู้อ่านที่สนใจการทำบ้านนกแอ่นสอบถามข้อมูลและแลกเปลี่ยนความรู้เข้ามามากมาย ผมดีใจที่ได้มีโอกาสแนะนำและให้ข้อคิดเห็นต่างๆเกี่ยวกับการทำบ้านนกแอ่น ผมพยายามให้ความรู้แก่ทุกท่าน เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจบ้านนกแอ่นนั้นสามารถเป็นธุรกิจของคนทุกระดับ ไม่ใช่เฉพาะคนที่ร่ำรวยมีเงินทุนมากมายถึงจะทำได้ อยากให้คนระดับกลางและระดับล่างได้มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านนกแอ่นบ้าง นำสิ่งที่เคยปกปิดเป็นความลับมานำเสนอให้ท่านที่สนใจได้ศึกษา นำไปต่อยอดและหาหนทางที่จะประหยัด เพื่อให้ได้แบบบ้านนกแอ่นที่ประหยัด ถูกหลักการ และตรงตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบ

การทำบ้านนกแอ่นนั้นมีความเสี่ยงแน่นอน อาจจะประสพความสำเร็จและความล้มเหลวพอๆกัน ดังนั้นการทำบ้านนกแอ่นจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อที่จะรับกับทุกๆสภาพที่อาจจะเกิดขึ้นได้ การเตรียมตัวคือการศึกษาค้นหาความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นให้ท่องแท้ อย่าพึ่งผู้อื่นทุกๆเรื่อง ที่สำคัญต้องเลือกทำเลที่จะทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ที่มีโอกาสสำเร็จสูงจริงๆ อย่าคิดแต่ว่าอยากจะทำเพราะเห็นคนอื่นทำ มีหลายท่านที่คิดเช่นนี้ ปัจจุบันเมื่อพูดถึงเรื่องบ้านนกแอ่นจะหันหลังให้ทันที บอกว่าเข็ดขยาดแล้ว ไม่สำเร็จจริงๆทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ การเตรียมใจคือการเตรียมตัวเองที่จะรับกับผลที่จะออกมาเมื่อได้ทำบ้านนกแอ่นไปแล้ว จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็พร้อมที่จะยอมรับ

จากบทความที่นำเสนอตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ได้ครอบคลุมเนื้อหาที่พอจะทำให้ท่านได้เห็นภาพของการทำบ้านนกแอ่นพอสมควร บทความอาจจะยังไม่ครบถ้วนทั้งหมดเพราะไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก แต่ก็เปิดโอกาสให้ท่านได้สอบถามเพิ่มเติมตามแต่ท่านจะสะดวกด้วยวิธีใด โทรศัพท์ Mail หรือ เอ็ม ก็ตอบให้ทั้งนั้น

มีหลายท่านสอบถามผมว่า "ทำบ้านนกแอ่นได้ผลตอบแทนดีจริงๆหรือ?" ผมเองไม่กล้าตอบคำถามนี้แบบตรงๆ ไม่ว่าด้านที่ดีหรือไม่ดี ผมมักจะบอกว่าผมขอให้ข้อมูลดีกว่า ส่วนให้ผลตอนแทนดีหรือไม่ดีท่านไปค้นหาเอาเอง แต่ถ้าท่านอยากจะทำบ้านนกแอ่นจริงๆ ให้ท่านไปคิดหลายๆครั้งก่อนตัดสินใจ อย่าไปเชื่อคนอื่นหรือใครทั้งสิ้น เงินลงทุนเป็นของท่าน ท่านเป็นคนตัดสินใจ ต้องคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดีถ้าอยากจะเป็นเจ้าของบ้านนกแอ่น สำหรับผมการทำบ้านนกแอ่นเป็นอะไรที่ท้าทายและผมรักนกแอ่นมากที่สุด ข้อมูลที่ถูกต้องแน่นอนหายากที่สุด ตำราหรือหนังสือที่สมบูรณ์ที่สุดก็ยังไม่มี ต้องประมวลข้อมูลจากหนังสือหลายๆเล่ม สอบถามผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่าน ทดลองทำและติดตามผลด้วยตนเองจนพอจะมีความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นบ้าง จึงทำบล๊อกแห่งนี้เพื่อนำเสนอบทความเรื่องบ้านนกแอ่นเสนอต่อทุกๆท่าน

สำหรับท่านที่ได้อ่านบทความทั้งหมดแล้ว ได้โทรศัพท์ไปคุยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ตัดสินใจลงทุนทำบ้านนกแอ่นแล้ว บ้านนกแอ่นสร้างเสร็จสมบูรณ์ เปิดเสียงเรียกนกแอ่นไปได้ระยะหนึ่ง อาจจะ 3 วัน จนถึง 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน ความรู้สึกและคำถามต่างๆตามมามากมาย จึงขอนำความรู้สึกที่เกิดขึ้นบ่อยๆและคำถามต่างๆที่ถามกันมากมานำเสนอ

ความรู้สึกที่เกิดบ่อยๆ (ที่จริงน่าจะเป็นความกังวลมากกว่า)

1. นกแอ่นมาบินวนเวียนตอมลำโพงในช่วงแรกๆที่เปิดเสียงเรียกใหม่ๆ พอผ่านไปอีก 1 อาทิตย์ จำนวนนกแอ่นลดลง บางช่วงไม่มีนกแอ่นมาบินวนเวียนหน้าปากทางเข้า-ออกเลย นกแอ่นหายไปหมด รู้สึกใจหาย จึงทำให้เกิดคำถามมากมายขึ้นในใจ "เสียงเรียกดีหรือเปล่า?" ชักไม่มั่นใจเสียงเรียก ชักอยากเปลี่ยนเสียงเรียกเสียงอื่นมาลองดู "ช่องทางเข้า-ออกเล็กไปหรือเปล่า?" สงสัยต้องขยายช่องทางเข้า-ออกให้ใหญ่ขึ้น "แสงสว่างมากไปหรือเปล่า?" เห็นนกแอ่นไม่ยอมบินเข้าสักที เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่ไม่อาจห้ามได้ กลายเป็นความกังวลที่ทำให้ต้องคิด คิด และ คิดตลอดเวลา วิธีแก้ไขความรู้สึกเช่นนี้ ก็ต้องเริ่มต้นที่ความมั่นใจว่าเราได้ศึกษารายละเอียดมาอย่างดีแล้ว ทำตามขั้นตอนทุกอย่างที่บ้านนกแอ่นที่สมบูรณ์ควรจะทำ มีเงื่อนไขทุกอย่างที่นกแอ่นชื่นชอบครบถ้วน เมื่อทำได้สมบูรณ์เช่นนี้ ก็ไม่ต้องกังวลมากนัก มีความอดทนที่จะรอให้เวลาผ่านไปตามระยะเวลาที่นกแอ่นได้ตัดสินใจ

2. นกแอ่นบินเข้า-บินออก แล้วก็บินหายไป อีกสักพักก็บินกลับมาอีก จะใช่นกแอ่นกลุ่มเดิมหรือกลุ่มใหม่ กลุ่มนี้จะเข้าอยู่อาศัยที่บ้านนกแอ่นของเราทั้งหมดหรือเปล่า นกแอ่นเหล่านี้มาจากไหน มาจากบ้านนกแอ่นแถวนี้หรือมาจากที่อื่น มีจำนวนนกแอ่นในพื้นที่นี้เท่าไหร่ เราจะได้นกแอ่นกี่ตัว เราจะนับจำนวนนกแอ่นที่เข้าอยู่อาศัยได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้จะทำให้ท่านต้องคอยติดตามสำรวจ ทำให้ท่านอยากรู้ว่านกแอ่นได้เข้าพักค้างคืนที่บ้านนกแอ่นของท่านแล้วหรือยัง จนบางครั้งท่านอดใจไม่ไหว ขอเข้าไปสำรวจดูในบ้าน บางครั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้วก็ยังเอาไม่อยู่ ยังต้องขอเข้าไปดูภายในบ้าน วิธีแก้ไขความรู้สึกเช่นนี้ ก็ต้องเตือนตัวเองว่า นกแอ่นกำลังเข้าสำรวจบ้านในช่วงแรกๆ ยังไม่ตัดสินใจเข้าอยู่ ถ้านกแอ่นเจอสิ่งที่เคลื่อนไหวได้ภายในบ้าน เขามักจะคิดว่าเป็นศัตรู ถ้านกแอ่นเจอท่านบ่อยๆภายในบ้านนกแอ่นของท่าน ท่านลองคิดดูว่าใครกันแน่ที่จะตกใจ นกแอ่นหรือท่าน ผมว่าท่านนั่นแหละที่ตกใจรีบเผ่นออกมาไม่ทัน จริงๆนกแอ่นก็ตกใจเหมือนกันและรีบบินออกไป ดังนั้นท่านจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูบ่อยๆ อดทนให้ผ่านระยะเวลาไปสัก 3 เดือน แล้วค่อยเข้าสำรวจใหญ่ทีเดียว แต่การเข้าภายในบ้านนกแอ่นเพื่อตรวจเช็คการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆนั้นทำได้ รีบเข้าตรวจเช็คดูแลการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆแล้วรีบออกมา ถ้ามีอุปกรณ์ตัวใดขัดข้องก็รีบซ่อมรีบแก้ไข โดยใช้เวลาอยู่ภายในบ้านนกแอ่นให้สั้นที่สุด

3. เมื่อนกแอ่นเริ่มเข้าอยู่อาศัยแล้วจำนวนหนึ่ง ท่านคอยดูตอนนกแอ่นกลับทุกเย็นจนค่ำ คอยนับจำนวนนกแอ่นที่กลับมา นับผิดบ้างถูกบ้าง บางวันนับได้เยอะ บางวันนับได้น้อย วันที่นับได้จำนวนน้อยลง ท่านจะรู้สึกใจไม่ดี นกแอ่นหายไปไหน ไม่ชื่นชอบบ้านนกแอ่นของเราหรืออย่างไร วิธีแก้ไขความรู้สึกเช่นนี้ ให้ท่านทำใจให้นิ่ง ให้นึกว่าความสำเร็จในการนำนกแอ่นคู่แรกเข้าอยู่อาศัยได้ผ่านไปแล้ว เมื่อนกแอ่นคู่แรกยอมรับได้ นกแอ่นคู่อื่นๆก็ต้องยอมรับได้ การสะสมจำนวนนกแอ่นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ท่านต้องอดทนให้ได้เหมือนนกแอ่น ที่อดทนบินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องหยุดพักเพื่อหาอาหาร

4. เมื่อจำนวนนกแอ่นที่เข้าอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ระยะเวลาได้ผ่านไปพอสมควร ท่านอยากจะรู้ว่านกแอ่นเริ่มทำรังแล้วหรือยัง ท่านอยากจะเข้าไปสำรวจดู ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะเข้าไปดู ท่านจะเกิดความรู้สึกว่า นกแอ่นจะทำรังตรงไหน จะสังเกตุเห็นได้อย่างไร จะเข้าสำรวจเวลาไหนดี ไม่เข้าสำรวจไม่ไหวแล้ว ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ วิธีแก้ไขความรู้สึกเช่นนี้ ผมก็ไม่ห้ามใจท่านแล้วครับ เพราะนกแอ่นยอมรับที่จะเข้าอยู่อาศัยแล้ว เวลาก็ได้ผ่านไปพอสมควร ถึงเวลาที่จะอนุญาตให้ท่านได้เข้าสำรวจได้แล้ว ให้ท่านเข้าสำรวจตอนกลางวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 16.00 น. นำไฟฉายและหน้ากากปิดจมูกปิดปากให้เรียบร้อย การส่องไฟฉายให้ส่องลงบนพื้นเพื่อสำรวจทางเดิน และสำรวจกองขี้นกบนพื้นไปด้วย การเดินให้เดินเบาๆเงียบๆ ถ้าเข้าสองคนกับอาซ้อก็อย่าคุยกันเสียงดังนัก เกาะแขนกันเดินแล้วคุยเบาๆข้างหูพอได้ยิน เจอกองขี้นกตรงไหนจึงค่อยส่องไฟฉายดูบนไม้ตีรัง ถ้านกเริ่มทำรังก็จะเห็นรอยคิ้วน้ำลายสีขาวใส ถ้าพื้นตรงไหนไม่มีกองขี้นกก็ไม่ต้องไปส่องไฟฉายดู นกแอ่นทำรังตรงไหนก็จะมีขี้นกกองตรงนั้น เดินเบาๆเงียบๆแต่อย่าอ้อยอิ่ง รีบสำรวจจนพอใจแล้วรีบออกมา

การเตรียมตัวเตรียมใจเป็นเจ้าของบ้านนกแอ่นยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง บทความบทนี้จึงเป็นการมาทักทายกับท่านผู้อ่านทุกท่าน เห็นบ่นว่าบล๊อกเงียบจัง ยอมรับครับ จะพยายามหาเวลาว่างให้ได้มากๆและมาทำหน้าที่นำเสนอบทความให้กับทุกๆท่านต่อไปครับ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Thursday, February 5, 2009

การปรับปรุงแก้ไขบ้านนกแอ่นที่ล้มเหลว

ทุกสิ่งในโลกนี้มักมี 2 ด้านเสมอ ไม่ชนะก็แพ้ ไม่สำเร็จก็ล้มเหลว การทำบ้านนกแอ่นก็เช่นกัน หลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ดำเนินการจนสู่การเปิดบ้านนกแอ่น เปิดเสียงเรียกนกแอ่นวันแรก จนเวลาผ่านเลยไปเป็นลำดับ 1 ปี 2 ปี 3 ปี 4 ปี 5 ปี...........บ้านนกแอ่นที่มีเค้าว่าจะสำเร็จ เพียงปีแรกก็สามารถเห็นความชัดเจนจากจำนวนนกแอ่นที่เข้าอยู่อาศัย จำนวนรังนกแอ่นที่เห็นชัดนับได้จำนวนมาก ยิ่งผ่านไปหลายๆปียิ่งเพิ่มจำนวนนกแอ่นเป็นพันเป็นหมื่น ส่วนบ้านนกแอ่นที่มีเค้าว่าจะไม่สำเร็จ ในปีแรกที่เฝ้ารอดูจำนวนนกแอ่นที่เข้าอยู่อาศัย ทำไมมันถึงมีนกแอ่นน้อยเสียเหลือเกิน แรกๆก็มาบินวนเวียนโฉบเฉี่ยวให้ตื่นเต้นดีใจ แต่พอเวลาผ่านไป ปีแล้วปีเล่าก็ยังไม่เพิ่มขึ้น ที่พอมีนกแอ่นเข้าอาศัยอยู่บ้างก็ยังพอมีความหวังว่าน่าจะได้นกแอ่นเพิ่ม แต่บางหลังที่ไม่มีนกแอ่นยอมเข้าอยู่อาศัยเลยนี่ซิ ที่มันน่ากลุ้มใจ ลงทุนไปแล้วจะทำอย่างไร การทำบ้านนกแอ่นเมื่อเดินหน้าแล้วไม่มีถอยหลัง เมื่อไม่ถอยหลังก็ต้องไม่ยอมแพ้ เมื่อไม่ยอมแพ้ก็ต้องปรับปรุงแก้ไข

การปรับปรุงแก้ไขบ้านนกแอ่นที่ล้มเหลวเป็นงานที่ละเอียดอ่อน บ้านนกแอ่นที่ทำกันอยู่มากมาย มีทั้งที่ดัดแปลงจากบ้านที่อยู่อาศัยมาเป็นบ้านนกแอ่น และบ้านนกแอ่นที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมีรูปแบบที่หลากหลาย แต่ละแห่งแต่ละที่จึงต้องใช้การปรับปรุงแก้ไขที่แตกต่างกัน บ้านนกแอ่นที่มีนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยแล้วแต่จำนวนนกแอ่นไม่เพิ่มขึ้นเลยกับบ้านนกแอ่นที่นกแอ่นไม่ยอมเข้าอยู่อาศัย การปรับปรุงแก้ไขย่อมแตกต่างกัน

รายการปรับปรุงแก้ไขที่ต้องสำรวจอีกครั้ง:

1. ช่องทางเข้า-ออกมีความสะดวกต่อการทำวงบินของนกแอ่นเมื่อบินเข้าสู่ภายในตัวบ้านหรือไม่ ทำให้นกแอ่นบินเข้า-ออกได้ตามใจปรารถนาหรือไม่ มีอุปสรรคที่ทำให้ต้องบินหักมุมอย่างรุนแรงหรือไม่ ถ้าหากการบินเข้า-บินออกของนกแอ่นทำได้ลำบาก เพราะเราพยายามบล๊อกแสงตรงปากทางเข้า-ออก และทำห้องบล๊อกแสงเล็กเกินไป เล็กกว่า 2 x 2 เมตร ถ้าช่องทางเข้า-ออกของบ้านนกแอ่นท่านเป็นเช่นนี้จริง นกแอ่นจะเข้าเพียงครั้งแรกและบินออกไป จากนั้นจะไม่กลับมาที่บ้านนกแอ่นของท่านอีกเลย และจะเป็นเช่นนี้กับนกแอ่นชุดใหม่ที่บินมาสำรวจและจากไปอย่างไม่มีวันที่จะกลับมาที่บ้านนกแอ่นของท่านอีกเลย

2. เสียงเรียกนกแอ่นทั้งเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกใน ระบบเสียงมีความสมบูรณ์จริงหรือไม่ บางครั้งเป็นเรื่องยากสำหรับท่านที่จะวินิจฉัยว่าระบบเสียงเรียกนกแอ่นนั้นมีความสมบูรณ์เพียงไร เพราะท่านเองก็เพิ่งจะได้ฟังเสียงเรียกนกแอ่นเป็นครั้งแรกก็ตอนที่มาทำบ้านนกแอ่นนี่แหละ ที่ปรึกษาที่ท่านจ้างมาจัดหามาให้ หรือเพื่อนๆที่ทำบ้านนกแอ่นจัดหามาให้ จะเสียเงินซื้อมาหรือได้ฟรีก็แล้วแต่ แต่ท่านไม่มีประสบการณ์เรื่องเสียงเรียกนกแอ่นเลย รวมถึงระบบเครื่องเสียงและลำโพงที่ใช้ในการเปิดเสียงเรียกนกแอ่นด้วย บางครั้งเมื่อทำการติดตั้งระบบเครื่องเสียงใหม่ๆอาจจะฟังดูสมบูรณ์ชัดเจนดี พอผ่านไประยะหนึ่งเสียงเรียกให้ผลลัพธ์ที่ผิดเพี้ยนไป ท่านไม่สามารถจำแนกได้ แต่มีผลต่อการดึงดูดเร่งเร้าให้นกแอ่นมาสนใจบ้านนกแอ่นของท่าน

3. อุณหภูมิและความชื้น ระบบต่างๆที่ท่านทำไว้เพื่อช่วยให้อุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านนกแอ่น ให้อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 26 - 29 องศาเซลเซียส ให้ความชื้นอยู่ที่ประมาณ 80 - 90 % ระบบทำได้ตามที่ท่านต้องการหรือไม่ อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาเซลเซียสหรือไม่ ความชื้นต่ำกว่า 60 % หรือไม่ ทั้งอุณหภูมิและความชื้นล้วนมีผลต่อการตัดสินใจเข้าอยู่อาศัยของนกแอ่นทั้งสิ้น

4. กลิ่นต่างๆภายในบ้านนกแอ่นของท่าน ท่านเองอาจจะไม่สามารถสัมผัสได้แต่นกแอ่นได้กลิ่น เช่น กลิ่นสาบของขี้แมลงสาบ ขี้หนู กลิ่นสี กลิ่นปูน กลิ่นลวดเชื่อมเหล็ก ฯลฯ ดังนั้นท่านต้องค้นหาวิธีทำให้กลิ่นต่างๆเหล่านี้หมดไป

5. ไม้ตีรัง การสำรวจว่าไม้ตีรังขึ้นเชื้อราหรือไม่ นกแอ่นจะไม่ยอมทำรังตรงที่ไม้ตีรังขึ้นเชื้อรา บางบ้านเปิดได้ไม่ถึง 2 เดือน เกิดเชื้อราบนไม้ตีรังเกือบทั้งหมด ทำให้นกแอ่นหาที่ทำรังได้ยาก ไม่สามารถเพิ่มประชาการนกแอ่นได้ นกแอ่นจึงไม่เข้าอยู่อาศัยแม้แต่ตัวเดียว บางบ้านบางแห่งไม้ตีรังไม่กบไม่เซาะร่อง ทำให้นกแอ่นเกาะพักลำบาก นกแอ่นก็ไม่เข้าอยู่อาศัย การเลือกชนิดของไม้ตีรังก็มีผล ไม้บางชนิดแม้เวลาผ่านไปหลายปีกลิ่นก็ยังไม่หมด ไม้บางชนิดเนื้อแข็งมากจนนกแอ่นเกาะลำบาก ยิ่งไม่เซาะร่องอีกด้วยยิ่งเกาะลำบาก

6. ศัตรูรบกวน ต้องสำรวจว่ามีศัตรูรบกวนอยู่รอบๆบริเวณบ้านนกแอ่นมากหรือไม่ ตอนทำใหม่ๆอาจจะไม่เห็น ทำไปได้ระยะหนึ่งศัตรูเหล่านี้เริ่มปรากฏให้เห็น ภายนอกบ้าน เช่น นกแสก เหยี่ยว ภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ ตุ๊กแก หนู

7. ..... 8. ..... 9. ..... 10. ..... และอีกหลายๆรายการที่ต้องสำรวจให้พบแล้วรีบปรับปรุงแก้ไข
จากการสำรวจอย่างไม่เป็นทางการพบว่า มีบ้านนกแอ่นในมาเลเซียประมาณ 80 % ล้มเหลว ในประเทศไทยประมาณ 70 % ล้มเหลว จึงนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก การปรับปรุงแก้ไขก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ สำหรับท่านที่ทำบ้านนกแอ่นแล้วไม่ประสพความสำเร็จอย่าเพิ่งถ้อถอยยอมแพ้นะครับ ลองปรับปรุงแก้ไขดู ค้นหาในสิ่งที่เป็นอุปสรรคให้เจอ มีหลายแห่งที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วประสพความสำเร็จ ส่วนท่านที่ประสพความสำเร็จสูงสุดแล้ว ช่วยแนะนำท่านอื่นๆบ้างอย่าเก็บไว้คนเดียว หากท่านยังนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ลองโทรศัพท์ไปคุยกับผมสักสองสามคำก็ได้ครับ 081-8965555 จะได้ช่วยกันคิดช่วยกันค้นหา ผมเองไม่ใช่ผู้รอบรู้ในเรื่องบ้านนกแอ่นทั้งหมด แต่ชอบที่จะค้นหาและอยากเห็นท่านประสพความสำเร็จ

ขอให้ทุกท่านโชคดี

นำเสนอโดยเทพชัย อริยะพันธุ์

Sunday, January 25, 2009

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้

เนื่องในโอกาสวันตรุษจีนต้อนรับปีวัวทอง
ผมในนามของ Swiftlet Lover Blog
ขอกล่าวคำ "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้"
แด่ทุกๆท่านที่รักนกแอ่นและทำบ้านนกแอ่น
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกายและสุขใจ
ร่ำรวยเงินทอง สมบูรณ์พูนสุขในทุกๆสิ่ง
มีบ้านนกแอ่นที่ประสพความสำเร็จสูงสุดหลายๆหลัง
มีรังนกแอ่นให้เก็บเยอะๆ
เฮง เฮง เฮง รวย รวย รวย กันถ้วนหน้า
ด้วยความปรารถนาดีกับทุกๆท่าน
เทพชัย อริยะพันธุ์

Sunday, January 18, 2009

Fendona SC สารเคมีที่เหมาะกับบ้านนกแอ่น

การทำบ้านนกแอ่น หลังจากทำไปได้สักระยะหนึ่ง สิ่งที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือศัตรูที่คอยรบกวน ไม่ว่าจะเป็นตัวไร แมลงสาบ แมลงวัน มอด มด ปลวก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้จะรบกวนความสมบูรณ์ของนกแอ่น นกแอ่นจะอยู่ไม่มีความสุข มีผลต่อการเพิ่มของประชากรนกแอ่น มีผลตามมาต่อการเพิ่มผลผลิตรังนกแอ่น การทำบ้านนกแอ่นจึงเป็นการดูแลซึ่งกันและกัน ท่านอยากได้รังนกแอ่นมากๆ ท่านก็ต้องช่วยดูแลจัดการศัตรูที่คอยรบกวนนกแอ่นด้วย

Fendona SC เป็นสารเคมีกำจัดแมลงที่องค์การอนามัยโลก อนุญาตให้ใช้ในการป้องกันและกำจัดแมลงที่เป็นโทษต่อมนุษย์และสัตว์ ป้องกันและกำจัดแมลงได้อย่างกว้างขวาง ออกฤทธิ์อย่างต่อเนื่องและยาวนานกว่า ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่เกิดคราบเปื้อน มีความเป็นพิษน้อยกว่า สลายตัวได้ในธรรมชาติ สามารถใช้ได้กับสัตว์ทุกชนิด เช่น สุกร แพะ แกะ ไก่ โคเนื้อ โคนม ใช้ควบคุมและป้องกันพาราสิตภายนอกและแมลง เช่น เห็บ เหา หมัด ไร ยุง แมลงสาบ แมลงวัน มอด มด ใช้ผสมน้ำฉีดพ่นตัวสัตว์ โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ บ้านเรือน โรงพยาบาล ตลาดสด ที่เก็บอาหาร

มีหลายท่านสอบถามมาเรื่องการป้องกันและกำจัดตัวไร Fendona SC คือคำตอบสำหรับท่าน ป้องกัน ควบคุมและกำจัดศัตรูที่คอยรบกวนบ้านนกแอ่นของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่กระทบต่อนกแอ่นและตัวท่าน บ้านนกแอ่นของท่านจะมีสุขอนามัยที่ดี เรียกว่าตัวเดียวเอาอยู่

ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย คือ บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด ส่วนใหญ่จะจัดจำหน่ายให้แก่ส่วนราชการจำนวนมากๆ หากต้องการซื้อเพียงเล็กน้อยเพื่อใช้งานต้องซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายรายย่อยอีกทีหนึ่ง หากหาซื้อไม่ได้จริงๆติดต่อสอบถามไปที่ผมได้ 081-8965555 ยินดีรับใช้ครับ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, January 3, 2009

ทักทายปีใหม่กับทุกๆท่าน

กุญแจทองไขสู่ความสำเร็จมอบแด่ทุกๆท่านสวัสดีปีใหม่ท่านผู้อ่านบทความของ Swiftlet Lover Blog ทุกๆท่าน

ขอทักทายปีใหม่กับทุกๆท่าน ปีที่กล่าวถึงว่าเศรษฐกิจทั่วโลกที่ตกต่ำจะเริ่มมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย จะเผาหลอกหรือเผาจริงยังไม้รู้ ที่รู้แน่ๆคือต้องเตรียมตัวเตรียมใจของเราเองให้พร้อมเพื่อต่อสู้กับทุกสภาวะ ขอให้ทุกท่านเข้มแข็ง อดทน หายใจลึกๆเข้าไว้ อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดห้ามไม่ได้

มาคุยเรื่องของพวกเราดีกว่า หลายๆท่านบ่นช่วงที่ผ่านมาคือตั้งแต่เริ่มฤดูฝนจนถึงตอนนี้นกแอ่นหายไปไหน มองๆดูเหมือนนกแอ่นจะน้อยลง บ้านนกแอ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดเสียงเรียกนกได้ไม่นาน ตอนแรกๆก็มีนกแอ่นมาบินวนเวียน โฉบเข้าหาตอมลำโพงปากทางเข้า-ออกมากมาย หลังจากนั้นนกแอ่นก็ค่อยๆลดจำนวนน้อยลงจนทำให้ใจหาย วุ่นวายใจ ต้องสอบถามถึงสาเหตุกันมากมายหลายท่าน ผมก็ต้องคอยเอาใจช่วย ช่วยตอบช่วยบอกถึงสาเหตุให้ได้รับรู้กันไป ก็สบายใจกันไปได้ระดับหนึ่ง แต่พอผ่านไปอีกระยะก็มีเรื่องอื่นให้กังวลอีก เสียงเรียกเปิดทุกวันนกจะเบื่อไหมครับ? ไม้ตีรังขึ้นเชื้อราจะแก้ไขอย่างไร? ไม้ตีรังขึ้นเชื้อราจะมีผลกระทบต่อการทำรังของนกแอ่นหรือไม่? ช่วงฤดูฝนเครื่องทำความชื้นควรเปิดหรือไม่? ฯลฯ ก็ถือเป็นเรื่องดีครับที่ผมจะได้ทบทวนบทความและนำมาเสนอต่อไป

บทความที่จะนำเสนอยังมีอีกหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ยากจริงๆสำหรับผมคือเวลา เวลาของงานหลักงานประจำก็เกือบสิบกว่าชั่งโมง ตอบเมล์ตอบโทรศัพท์ก็มากครับ ยิ่งนานวันยิ่งมากขึ้น ผู้อ่านบล๊อกมากขึ้นทุกวัน ตอบทุกท่านด้วยความยินดีและมีความสุขใจครับ ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เกรงใจก็อด ส่วนบทความใหม่ๆก็อดทนหน่อยนะครับ ผมจะพยายามเขียนให้อ่านกันให้มากที่สุด

เรื่องที่อยากจะบอกกล่าวให้ทราบ คือผมทำ Blog/Website นี้ ไม่ได้เน้นการขายสินค้าขายของ ใครอยากได้อะไรหาซื้อลำบาก ไม่สะดวก ไม่มีเวลา ไม่รู้แหล่ง ผมก็แนะนำให้หาซื้อให้ตามที่ขอช่วยหรือสั่งไป ส่วนสินค้าที่ในเมืองไทยไม่มีขาย ผมอยากใช้อยากทดลองผมก็สั่งตรงจากต่างประเทศเอง จนเกิดความชำนาญในการสั่งการนำเข้า เพื่อนๆมาดูบ้านนกแอ่นของผมเห็นผมใช้ ก็อยากใช้บ้างผมก็สั่งให้ ราคาก็แบบมิตรภาพ ดังนั้นท่านใดต้องการอุปกรณ์ตัวไหนที่ใช้กับบ้านนกแอ่นก็ติดต่อไปได้ครับ ยินดีบริการ

หลายท่านสอบถามเรื่องการอบรมการสัมมนา ผมเองมีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ผมสนใจโดยเฉพาะเรื่องบ้านนกแอ่น ผมเองไม่สะดวกที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่ เพราะมีคุณแม่ที่อายุมากต้องคอยอยู่ใกล้ชิดดูแลท่าน ผมจะนำเสนอบทความให้มากขึ้นให้ครอบคลุมครบทุกเรื่อง หากมีเรื่องใดเร่งด่วนที่ท่านต้องการทราบก็โปรดโทรศัพท์ไปสอบถามได้ ผมพร้อมและมีเวลาที่จะออกนอกพื้นที่ได้เมื่อไหร่ ผมจะแจ้งให้ทุกท่านทราบ

ราคารังนกแอ่น ตอนนี้ก็ลดลง ยิ่งปีนี้เศรษฐกิจโลกตกต่ำราคารังนกแอ่นน่าจะกระทบตามไปด้วย แต่ก็ขอให้คนที่ฐานะทางเศรษฐกิจยังดีอยู่ห่วงใยสุขภาพมากขึ้น ให้รังนกแอ่นยังเป็นสิ่งที่ชื่นชอบสำหรับผู้รักและเป็นห่วงสุขภาพ ให้รังนกแอ่นยังเป็นที่ต้องการของตลาด ถึงราคาจะลดลงก็ยังถือว่าดีกว่าราคาสินค้าอื่นๆ

เสียงเรียกนกแอ่น ยังมีข้อสงสัยว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? แต่ละแผ่น CD ที่จำหน่ายจากหลายๆแห่ง ราคาเริ่มแพงขึ้น ต่างโฆษณาว่าสุดยอด ผมเองก็ยังงงๆอยู่ว่าจะทำอย่างไรดีกับเรื่องนี้ จะซื้อมาลองดูเพื่อค้นหาความจริง หรืออย่าไปสนใจ คงอดใจไม่ได้ที่จะไม่ซื้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องปรึกษาผู้รู้ที่เชื่อถือได้ ต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลแก่กันและกัน ก็เป็นอะไรที่หยุดนิ่งไม่ได้ ต้องเอาความจริงมานำเสนอให้ทุกท่านได้รับทราบ ขอเวลาสักระยะครับ

มีผู้อ่านบล๊อกหลายท่านที่ได้ทดลองทำบ้านนกแอ่นตามที่แนะนำไว้ในบทความ ติดขัดตรงจุดใดก็โทรศัพท์ไปสอบถาม หลายท่านเริ่มประสบความสำเร็จเห็นรังนกแอ่นแล้ว ผมก็ร่วมดีใจไปแล้วกับหลายท่าน ส่วนท่านที่ยังไม่ได้เริ่มต้นก็รวบรวมความรู้และรวบรวมทุนทรัพย์อยู่ ก็ปรึกษาสอบถามไปเป็นระยะๆ จนถึงเวลานี้ผมได้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่สนใจเรื่องบ้านนกแอ่นไปแล้วหลายๆท่าน ขอสงวนตัวเลขเพราะมากจริงๆ(ไม่ได้โม้!) ให้คำปรึกษาฟรีด้วยครับ อาจจะดูว่าโง่แต่มีความสุขมากครับ

ผมเขียนและนำเสนอบทความโดยอ่านหนังสือเกี่ยวกับบ้านนกแอ่นทุกเล่มเท่าที่หาได้ เข้าเว็บไซต์ทุกเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับบ้านนกแอ่น แลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้ทำบ้านนกแอ่นท่านอื่นๆทั้งไทย มาเลย์ และอินโดฯ ได้ทำบ้านนกแอ่นเป็นของตนเอง ได้ทดลอง ทดสอบ ได้เห็นการพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้น จนเก็บรังนกแอ่นได้ ดูแลช่างทำงานตั้งแต่วันแรกจนงานบ้านนกแอ่นเสร็จสิ้น หนังสือทุกเล่มที่แนะนำไว้ในบล๊อกจึงเป็นเสมือนบรรณานุกรมไว้อ้างอิง บทความที่นำเสนออาจมีข้อบกพร่อง พร้อมรับคำเสนอแนะแก้ไข โปรดช่วยแนะนำ

สิ่งที่ผมได้จากการทำ Blog/Website นี้ นอกจากได้นำเสนอบทความที่เป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจทุกๆท่าน ผมได้เพื่อน ได้เพื่อนหลายๆจังหวัดที่มีบ้านนกแอ่น ผมอาจจะยังไม่เคยเห็นหน้าท่าน ผมได้ยินเสียงท่านทางโทรศัพท์ ท่านเชิญชวนให้ผมแวะไปที่จังหวัดของท่าน ท่านอยากจะแสดงน้ำใจตอบแทนผม ท่านอยากเลี้ยงข้าวผมสักมื้อ ผมได้ยินผมก็มีความสุขมากแล้ว หากผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมท่านจริงๆ ผมอยากไปเห็นความสำเร็จของท่านมากกว่า ยิ่งท่านประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ผมยิ่งมีความสุข

สำหรับผมและเพื่อนๆกลุ่มผู้รักนกแอ่นยะลาขอเปิดใจเชิญชวนทุกท่านที่สนใจอยากจะมาเที่ยวยะลามาแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องบ้านนกแอ่น มาชมบ้านนกแอ่นของผมเพื่อศึกษาหาความรู้ก็ขอเรียนเชิญ เรียนเชิญด้วยใจจริงๆครับ

ผมคงไม่ใช่กุญแจทองที่จะไขสู่ความสำเร็จของท่านได้โดยลำพัง ต้องขึ้นอยู่กับท่าน ท่านต้องการความสำเร็จนั้นจริงๆหรือไม่? ถ้าท่านต้องการความสำเร็จในบ้านนกแอ่นจริงๆ ท่านต้องเป็นผู้ไขกุญแจทองเอง ท่านต้องเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตัวท่านเอง ผมจะเติมในสิ่งมี่ท่านไม่เข้าใจไม่กระจ่าง เมื่อท่านมั่นใจท่านก็สามารถไขกุญแจทองสู่ความสำเร็จได้

ขอให้ทุกท่านโชคดี สวัสดีปีใหม่ 2552

เทพชัย อริยะพันธุ์

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
ยะลา หรือ ยะลอ แปลว่า "แห" เดิมเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองตอนใต้ ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมาได้ประกาศเป็นจังหวัด ตามระเบียบบริหารการปกครองใหม่เมื่อปี 2476 ปัจจุบันจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.077 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 376 หมู่บ้าน มีอำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลาตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศไทย ดั่งคำขวัญที่ว่า "ยะลา : ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน" อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถไฟประมาณ 1,039 กิโลเมตร หรือโดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษมประมาณ 1,440 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีผังเมืองสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

หลักเมืองยะลา

หลักเมืองยะลา
หลักเมืองยะลาสร้างขึ้นจากแนวความคิดของ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาร่วมกับบรรดาข้าราชการซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าเดิมจังหวัดยะลาเป็นอาณาเขตหนึ่งในบริเวณ 7 หัวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เพิ่งแยกออกเป็นเมืองหนึ่งต่างหากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2335) ที่ตั้งตัวเมืองยะลาเดิมมิได้อยู่ในที่ปัจจุบัน แต่ได้โยกย้ายมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดยะลาได้พร้อมใจกันสร้างหลักเมืองขึ้นที่บริเวณศูนย์วงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดโดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เวลา 10.30 น. ปัจจุบันหลักเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางของเมืองยะลา ทั้งนี้เนื่องจากผังเมืองยะลาได้ออกแบบไว้เหมาะเจาะกันพอดีรอบๆวงเวียนหลักเมือง อันเป็นวงเวียนชั้นในสุดเป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธร สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตร สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา บรรดาถนนทุกสายที่มาจากอำเภอต่างๆของจังหวัดจะมารวมกันที่หลักเมือง

วัดคูหาภิมุข

วัดคูหาภิมุข
ถ้ำคูหาภิมุขตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางยะลา-หาดใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอีก 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ สร้างสมัยศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปีเศษ ภายในมีถ้ำต่างๆเช่น ถ้ำมืด ถ้ำ ภปร. มีหินงอกหินย้อย และหยดน้ำไหลรินจากโขดหินสวยงามยิ่งนัก หยดเกร็ดเพชรระยิบระยับตา ซึ่งในปี 2539 ถ้ำคูหาภิมุขได้รับรางวัลการประกวดแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พระมหากัจจายนะ

พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเมืองยะลา อยู่กลางแจ้งภายในวัด องค์ใหญ่สวยงาม หากหมั่นทำความดีเมื่อมาขอพรจากท่านมักจะประสบความสำเร็จ อยู่ห่างจากศาลากลางไปทางถนนสุขยางค์ทางออกมุ่งสู่อำเภอเบตงประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโรงเรียนตำรวจภูธร 9 (กองบัญชาการส่วนหน้า)

วัดพุทธาธิวาส

วัดพุทธาธิวาส
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่ ณ วัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ในตัวเมืองเบตง โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขามีขนาดความกว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูงเทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ มหาเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฏีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง
เขื่อนบางลางในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์จากตัวเมืองยะลาสู่อำเภอเบตง บนเส้นทางหลวงสายยะลา-เบตง สามารถแวะชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลางได้ที่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งห่างจากตัวเมืองยะลา 58 กิโลเมตร และเข้าไปในตัวเขื่อนอีกประมาณ 12.5 กิโลเมตร ตัวเขื่อนบางลางสร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาสันกาลาคีรี สันปันน้ำระหว่างไทยกับมาเลเซียในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด้วยฝีไม้ลายมือมนุษย์ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อน กลายสภาพเป็นทะเลสาปน้ำจืดกลางหุบเขาขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีจากพันธุ์พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดและภูเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนโอบล้อมอยู่ ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ มีอาคารบ้านพักตากอากาศ ห้องจัดประชุม ร้านอาหาร สนามเทนนิส สนามเปตอง สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล แพล่องชมทัศนียภาพ ไว้บริการให้ความสะดวกแก่ผู้มาเยือน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะเหมาะต่อการท่องเที่ยวแล้วเขื่อนบางลางยังคงคุณสมบัติของเขื่อนเอนกประสงค์ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกในภาคใต้ไว้ได้เช่นเดิมคือ ช่วยในการป้องกันอุทกภัย การชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าและการประมง (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม,ติดต่อบ้านพักโทรฯ 0-7329-9237-8, 0-7329-7099 ล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาปเหนือเขื่อน โทรฯ 0-7328-1063-66 ต่อ 2291)

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดำเนินตามรอยพระบาทชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีอาหารการกินที่หลากหลายทั้ง ไทย จีน มุสลิม ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดเป็นเพียงภาพลวงตา อีกไม่นานก็จะหายไป เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเพราะตั้งแต่วันแรกที่หลงผิดชีวิตยังหาความสุขไม่ได้ จะขอกลับมาเป็นคนดีของสังคมเร็วๆนี้

อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ

อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์