Wednesday, July 30, 2008

กลยุทธ์การลงทุนทำบ้านนกแอ่น(Investment Strategy)

บทความนี้ขอใช้คำศัพท์ที่ดูเป็นวิชาการหน่อย คำว่า "กลยุทธ์" การวางแผน การวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน คาดการณ์ไปล่วงหน้า และกำหนดแนวทางที่คาดว่าน่าจะดีที่สุด เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างได้ผล กลยุทธ์ ไม่ใช่วิธีการธรรมดา มีการใช้ความคิดเป็นพิเศษ เพื่อกลั่นเอาแนวทางที่ดีที่สุด และสามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์ทุกประเภท ให้กลับกลายเป็นประโยชน์แก่หน่วยงาน ไม่ว่าขณะนั้นองค์การจะอยู่ในสถานการณ์ใด ไม่ว่าจะเป็นช่วงได้เปรียบ หรือเสียเปรียบก็ตาม การมีกลยุทธ์ ทำให้มีจุดมุ่งในการไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน เป็นการเลือกวิธีการที่ดีที่สุด ในสถานการณ์ที่เหมาะสม ทำให้เกิดความชัดเจนในภารกิจ และบทบาทความเกี่ยวข้องของบุคคลฝ่ายต่างๆ ทำให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการวัดและประเมินผล

ในการลงทุนทำบ้านนกแอ่น ต้องให้มั่นใจว่าสิ่งที่เกี่ยวกับรูปธรรมที่เป็นจริงได้ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเกิดการสูญเสียหรือขาดทุนได้ ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผน มีกลยุทธ์ เลือกสนาม เลือกด้าน เลือกวิธี ที่ท่านมีโอกาสชนะ มีโอกาสสำเร็จ

รวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ถึงแม้บางข้อมูลอาจจะผิด หรืออาจจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน วางแผนด้วยข้อมูลที่ดีที่สุดที่ท่านมีอยู่ในมือ ออกแบบบ้านนกแอ่นให้ได้ตามที่บ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุดพึงมี รับคำแนะนำจากเจ้าของบ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุดและใจดี อ่านบทความจาก Swiftlet Lover Blog

รู้จักยอมรับว่ามันมีความเสี่ยงในทุกๆสิ่ง ความสำเร็จและล้มเหลวจึงอาจเกิดขึ้นได้พอๆกัน ขอให้ท่านดูภาพประกอบข้างบนเพื่อท่านจะได้เข้าใจในเรื่องของการหาความรู้ อย่าพึ่งผู้อื่นทุกอย่าง ท่านเป็นผู้ลงทุน บ้านนกแอ่นเป็นของท่าน ความสำเร็จต้องเป็นของท่านด้วย

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, July 29, 2008

ความสำคัญของอุณหภูมิและความชื้นที่มีผลต่อขนาดของรังนกแอ่น

การเลือกใช้วัสดุ ขนาดของบ้านนกแอ่น และพื้นที่ที่ทำบ้านนกแอ่นล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการทำบ้านนกแอ่น แต่ละพื้นที่จะมีอุณหภูมิและความชื้นแตกต่างกัน การเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆเพื่อช่วยให้บ้านนกแอ่นมีสภาพใกล้เคียงถ้ำธรรมชาติที่นกแอ่นอาศัยจึงมีความจำเป็น การทำช่องระบายอากาศเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเคลื่อนไหวของอากาศ การทำรางน้ำ อ่างน้ำเพื่อเพิ่มความเย็นความชื้นภายในบ้านนกแอ่น จึงกล่าวได้ว่าอุณหภูมิและความชื้นมีผลต่อการเข้าอยู่อาศัยของนกแอ่นและขนาดของรังนกแอ่น

หลังจากสร้างบ้านนกแอ่นเสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทดสอบคือการวัดอุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านนกแอ่น เมื่อทราบค่าอุณหภูมิและความชื้นแล้วก็หาวิธีแก้ไข ถ้าความชื้นไม่ได้ 85% ก็เพิ่มเครื่องทำความชื้น ถ้าอุณหภูมิไม่ได้ 25-29 องศาฯ ให้ตรวจสอบดูว่าเกิดจากส่วนไหน เช่น ผนังด้านใดที่ยังร้อนอยู่ หรือเพราะช่องระบายอากาศน้อยเกินไป การจะคำนวณครั้งเดียวให้ลงตัวทุกอย่างเป็นเรื่องที่ยากมาก ช่องระบายอากาศถ้าทำเผื่อไว้ตั้งแต่แรกจะดีที่สุด ถ้าตอนหลังเราพบว่ามากเกินไปก็สามารถปิดได้ ซึ่งทำได้ง่ายกว่าเจาะเพิ่ม ดังนั้นก่อนจะเปิดบ้านนกแอ่นเพื่อเรียกนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยจึงต้องมั่นใจว่าอุณหภูมิอยู่ที่ 25-29องศาฯ ความชื้นอยู่ที่ 80%-85%

อุณหภูมิมีผลต่อรังนกแอ่นอย่างไร?

อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาฯ
--รังนกแอ่นจะหล่นง่าย ไม่เกาะไม้ตีรัง น้ำลายนกแห้งเร็วเกินไป
--รังนกแอ่นจะมีช่องห่างไม่แน่น กรอบและเปราะ
--รังนกแอ่นมีขนมากและสกปรก
--รังนกแอ่นมีน้ำหนักเบา 4-5 กรัม/รัง รังเล็กไม่ได้ราคา

อุณหภูมิ 28-29 องศาฯ
--รังนกแอ่นจะแข็ง แน่น แตกหักยาก
--รังนกแอ่นจะไม่หล่น
--รังนกแอ่นจะสะอาด ขนน้อย
--รังนกแอ่นจะได้น้ำหนัก 8-13 กรัม/รัง รังใหญ่ได้ราคา

อุณหภูมิต่ำกว่า 27 องศาฯ
--รังนกแอ่นหล่นยากใช้เวลาในการทำรังนาน
--รังนกแอ่นได้น้ำหนัก 14 กรัม/รัง
--ได้รังนกแอ่นน้อย

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, July 26, 2008

หากแหล่งอาหารธรรมชาติของนกแอ่นลดลงจะทำอย่างไร?

ผมได้อ่านBlogของเพื่อนบ้านประเทศมาเลเซีย เขาคุยกันว่าประเทศมาเลเซียจะนำหน้าประเทศอินโดนีเซียในการผลิตรังนกแอ่นบ้าน เพราะประเทศมาเลเซียใช้ไฮเทคเทคนิค (High Tech Techniques) แต่ก็มีผู้รู้ที่แท้จริงคัดค้าน เขาบอกว่าความสำเร็จของประเทศมาเลเซียในช่วงแรกๆเกิดจากการอพยพย้ายถิ่นของนกแอ่นจากประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากไฟไหม้ป่าหลายครั้งในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียได้รับอานิสงส์อันนี้จึงมีการพัฒนามาเรื่อยๆจนประสบความสำเร็จสูง ส่วนในอินโดนีเซียก็ยังคงใช้เทคนิคเก่าๆเดิมๆ

ผู้รู้ท่านเดิมยังให้เหตุผลเพิ่มอีกว่า หากจะดำรงรักษาไว้ซึ่งการเจริญเติบโตของประชากรนกแอ่น เพื่อความสำเร็จของบ้านนกแอ่นทั้งหลาย เราจำเป็นต้องคำนึงถึงมหัพภาคหรือภาพรวมใหญ่ของถิ่นที่อยู่ของนกแอ่น ว่าสามารถผลิตอาหารอย่างเพียงพอให้นกแอ่นได้หรือไม่ นั่นคือแหล่งผลิตแมลงชนิดต่างๆที่นกแอ่นกินเป็นอาหาร

กุญแจสำคัญของความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่นในอนาคต คือการรักษาสภาพแวดล้อม การรักษาป่าไม่ แม่น้ำ แหล่งน้ำสะอาด ให้คงความสมบูรณ์ตลอดไป ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเพิ่มผลผลิตรังนกแอ่น ไม่สามารถเพิ่มประชากรนกแอ่นได้ บ้านนกแอ่นที่สร้างขึ้นมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการใช้ไฮเทคเทคนิคหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ทันสมัยเพียงอย่างเดียว

กลับมามองดูตัวเราเอง มองดูการทำบ้านนกแอ่นในประเทศไทย เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าเราก็ตามเขาอยู่ เราพึ่งเขาเกือบจะทุกเรื่อง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่ใหญ่กว่าและน่าเป็นห่วงคือเรื่องการรักษาสภาพแวดล้อม รักษาป่า แม่น้ำ แหล่งน้ำสะอาดให้คงความสมบูรณ์ตลอดไป สำหรับประเทศไทยต้องช่วยกันจริงๆ เพราะกฏหมายของเราอ่อนแอ ธรรมชาติจึงถูกทำลายได้ง่าย และจะเกิดผลกระทบโดยตรงกับการทำบ้านนกแอ่นในอนาคต

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Wednesday, July 23, 2008

ภาพไม้ตีรังในบ้านนกแอ่นแบบต่างๆ(Nesting Plank)

ภาพทั้งหมดที่นำมาเสนอเป็นภาพไม้ตีรังจากหลายๆแห่งของบ้านนกแอ่น จะเห็นว่ามีความใกล้เคียงกันในการตีไม้รัง ขนาดของไม้ที่ใช้ ส่วนใหญ่จะใช้ไม้หน้ากว้าง 6-8 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ไม้ที่นิยมใช้ทำไม้ตีรังคือไม้ "สยาหิน" เป็นไม้แข็งกลาง มีใย ไม่มีกลิ่น ปัจจุบันหาซื้อยาก ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซียใช้ไม้ชนิดนี้เป็นหลัก ไม้ตีรังที่ใช้อยู่ในบ้านนกแอ่นของประเทศไทยก็เป็นไม้นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย คละๆกันหลายชนิด เลือกชนิดที่ใกล้เคียงกับไม้สยาหินให้มากที่สุด คือ เป็นไม้แข็งกลาง มีใยบ้าง ไม่มีกลิ่นชัดเจนมากนัก

จากภาพไม้ตีรังที่นำมาเสนอ ถ้าท่านพิมพ์ลงบนกระดาษ แล้วนำไปให้ช่างไม้ที่ชำนาญดู บอกความต้องการของท่านว่าให้ตีไม้รังแบบในภาพตัวอย่างนี้ โดยบอกขนาดความห่างของไม้ขวางและไม้แนวให้ช่างไม้ได้รู้ ช่างไม้ก็สามารถที่จะตีไม้รังให้ได้ตามที่ท่านต้องการ หวังว่าภาพไม้ตีรังทั้งหมดที่ท่านได้เห็น ท่านคงสามารถนำไปดัดแปลงให้เหมาะสมกับบ้านนกแอ่นที่ท่านกำลังจะทำ และอย่าลืมเซาะร่องบนไม้ตีรังตามที่เคยแนะนำไว้ในบทความก่อนหน้านี้ด้วย

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Wednesday, July 16, 2008

องค์ประกอบ 11 ข้อ สำหรับความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่น

การทำบ้านนกแอ่นให้ประสบความสำเร็จนั้น มีองค์ประกอบ 11 ข้อดังต่อไปนี้:-

2. ทำเลที่ตั้งของบ้านนกแอ่นเหมาะสมทุกอย่าง

3. อุณหภูมิภายในบ้านนกแอ่นเหมาะสม 25-28 องศาเซลเซียส

4. ความชื้นภายในบ้านนกแอ่นเหมาะสม 85%

5. ความมืด ความสว่าง เหมาะสม 3 ลักซ์

6. เส้นทางบินของนกแอ่น

7. ไม้ตีรังเหมาะสม แข็งกลาง มีใย ไม่มีกลิ่น เซาะร่องเรียบร้อย

8. ปรับกลิ่นไม้ตีรัง ผนัง และพื้นให้หอมถูกใจนกแอ่น

9. เสียงเรียกนกแอ่นนอกและในสมบูรณ์ที่สุด

10. ไม่มีศัตรูรบกวนภายในบ้านนกแอ่น

11. มีสิ่งรบกวนจากภายนอกน้อยที่สุด

ท่านคงอยากจะถามว่าองค์ประกอบข้อที่ 1 หายไปไหน??

จากประสบการณ์ของผู้ทำบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุด องค์ประกอบที่สำคัญข้อที่ 1 ที่ผู้ทำบ้านนกแอ่นทุกท่านอยากจะมีคือ "ความมีโชค" หรือ "Good Luck" ในภาษาอังกฤษ หรือตัวอักษรข้างล่างนี้ในภาษาจีน ด้วยองค์ประกอบที่สำคัญข้อที่ 1 นี้ ถ้าท่านมี องค์ประกอบข้ออื่นๆอีก 10 ข้อสำหรับความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่นจะเป็นของท่านโดยง่ายดาย ขอให้ท่านมีโชคดี

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, July 15, 2008

ด้านที่หวานแหววในจิตใจของผู้ทำบ้านนกแอ่น

เรื่องราวของการทำบ้านนกแอ่นมีมุมของความรู้สึกที่หลากหลาย นี่ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่หวานแหววสดใสในความรู้สึกของท่าน:-

1. ความฝันที่จะเป็นเศรษฐีอยู่ใกล้แค่เอื้อม หนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ กี่เปอร์เซ็นของผู้ทำบ้านนกแอ่นที่เป็นเศรษฐี ในพื้นที่ที่ดีที่เหมาะสม อย่างน้อยที่สุดต้องมี 50% เป็นเศรษฐี

2. ท่านไม่ต้องมีสัญญาที่จะขายรังนกแอ่นของท่าน ผู้ซื้อจะมาหาท่านเอง อยู่ที่ท่านจะมีความเชี่ยวชาญในการต่อรองราคาอย่างไร ฝึกทักษะด้านนี้ไว้มากๆ

3. ท่านไม่ได้ทำงานให้ใคร ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเดือนคนงาน ประกันสังคม วันหยุด การลาป่วย และอื่นๆอีกมากมาย

4. ท่านจะได้เข้าอบซาวน่าทุกเดือน อบจนเหงื่อของท่านเปียกเสื้อผ้าที่ท่านใส่ ท่านจะได้ดมกลิ่นอันชื่นใจ ได้ยินเสียงอันไพเราะ และได้ทองคำขาวกองใหญ่

5. ท่านสามารถวางตารางการทำงานของท่านเอง อยากจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการจราจร ไม่ต้องทาครีมกันแดดเพราะงานของท่านอยู่ในที่ร่มตลอด

6. ท่านมีความสุขกับการกินรังนกแอ่นตุ๋น ตราบเท่าที่ท่านอยากจะกินตลอดปี

7. ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องหาซื้อของขวัญไปฝากใครอีกต่อไป เพียงแค่บรรจุรังนกแอ่นซัก 20-30 รังลงกล่องสวยๆไปฝากก็สุดๆแล้ว แสดงว่ารักกันจริง

8. ท่านไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมายเพื่อลงทุนทำบ้านนกแอ่น

9. ท่านทำงานเพียงเดือนละ 3 วัน เท่านั้น อีก 28 วัน ท่านมีเวลาไปทำอะไรก็ได้ที่ท่านอยากจะทำ

10. รังนกแอ่นที่ท่านขายไม่มีเงินเชื่อ ไม่มีหนี้สูญ รับเป็นเงินสดล้วนๆ

11. มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ต่ำมากๆเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ

12. ไม่จำเป็นต้องเสียค่าโฆษณา ขณะที่ผลผลิตรังนกแอ่นจากบ้านนกแอ่นของท่านเติบโต 30-50% ทุกปี

13. ผลตอบแทนจากการลงทุนรับรองผลได้(หากท่านอ่านบทความในSwiftlet Lover Blogแล้วนำไปปฏิบัติ)

หวังว่าด้านที่หวานแหววในจิตใจคงมีมากกว่าด้านที่ขัดแย้งในจิตใจ ขอให้ท่านโชคดีเลือกด้านได้ถูกต้องตรงใจ เป็นเศรษฐีมีบ้านสวยๆเร็วๆ ท่านทำบ้านให้นกแอ่นอยู่สบาย นกแอ่นก็จะให้บ้านสวยๆแก่ท่านเช่นกัน

นำเสนอแบบไม่เครียดโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

ด้านที่ขัดแย้งจิตใจของผู้ทำบ้านนกแอ่น

หลายๆครั้งที่ท่านได้ฟังเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับความจริงในการทำบ้านนกแอ่น ยิ่งท่านค้นหาข้อมูลใน Intenet ท่านจะพบ Web Site ของที่ปรึกษาการทำบ้านนกแอ่นที่มีชื่อเสียงหลายๆ Web แต่ละ Web พยายามที่จะบอกแต่เรื่องดีๆให้ท่านคล้อยตาม ส่วนเรื่องที่เป็นด้านลบหรือด้านที่ขัดแย้งมักจะไม่กล่าวถึง ถ้ากล่าวถึงก็มักจะบอกว่าสามารถแก้ไขได้ถ้าปรึกษากับเขา แต่ต้องจ่ายค่าปรึกษา ถ้า Web นั้นขายของด้วย ก็จะบอกว่าของตนเองดีกว่าของคนอื่นเสมอ ดังนั้นข้อมูลที่ท่านได้จาก Web จึงมีทั้งถูกและผิด ทั้งจริงและไม่จริง

สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำบ้านนกแอ่น ท่านจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งใด หากท่านวางแผนจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น และคิดว่าจะลงแบบเต็มเวลาให้กับบ้านนกแอ่น โปรดคิดอีกครั้ง เราจะแบ่งปันกับท่านในข้อขัดแย้งของการเป็นผู้ทำบ้านนกแอ่นแบบเต็มเวลา

ข้อขัดแย้งของการเป็นผู้ทำบ้านนกแอ่นแบบเต็มเวลา แบบทิ้งงานอื่นทั้งหมด:-

1. ธุรกิจบ้านนกแอ่นยังอยู่ในขั้นอนุบาล ขณะที่กฏระเบียบของทางการยังไม่ชัดเจน แต่ละท้องถิ่นยังไม่มีกฏหมายที่ชัดเจนเพื่อรองรับ เจ้าหน้าที่แต่ละแห่งจึงอาจใช้กฏที่ข้าฯออกเองกับท่านได้ สามารถข่มขู่ท่านได้ต่างๆนาๆ ดังนั้นกฏข้อที่ 1 ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ใดๆ โปรดทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลในพื้นที่นั้นๆ(หมายถึงหัวหน้า) ท่านต้องไปพบเขาก่อนเพื่อขอคำแนะนำ ผูกสัมพันธ์ไมตรีอันดีต่อกัน ก่อนที่เขาจะมาพบท่านพร้อมกฏระเบียบต่างๆมากมาย

2. ธุรกิจบ้านนกแอ่นใช้เวลาในการเติบโตและท่านต้องอดทน ท่านต้องสามารถคอยได้เป็นปีก่อนที่เงินเหล่านี้จะบินมาสู่หน้าตักของท่าน จากประสบการณ์ของผู้ทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ที่ดี ใช้เวลา 5 ปี สามารถคืนทุน หลังจากนั้นจะมีรายได้ตัวเลข 6 หลักทุกเดือน หากท่านกำลังหาหนทางที่จะรวยเร็วรวยง่ายกว่านี้ โปรดไปใช้ช่องทางอื่น

3. กังวล...กังวล...และ...กังวลมาก เป็นอะไรที่ท่านต้องคิด เมื่อท่านเริ่มเปิดบ้านเพื่อเรียกนกแอ่นเข้าอยู่อาศัย ท่านกังวลว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ หลังจากประสบความสำเร็จ ท่านจะกังวลว่าบ้านนกแอ่นของท่านจะปลอดภัยหรือไม่ กังวล...กังวล...และ...กังวลมาก

4. น่าเบื่อ! เป็นอาชีพที่น่าเบื่อ! เป็นธุรกิจที่น่าเบื่อ! ท่านไม่ต้องทำอะไร แค่ทำงานเพียง 3 วัน/เดือน(สำหรับบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จแล้ว เราเก็บรังนกแอ่นทุกๆ 10 วัน) ทุกๆบ้านนกแอ่นที่ท่านมี อีก 28 วัน ท่านว่างจนน่าเบื่อ เอารถสปอร์ตไปขับเล่นก็แล้ว เอามอเตอร์ไซด์Harley-Davidson ไปขี่เล่นก็แล้ว เฮ้อ! มันน่าเบื่อจริงๆ

5. ท่านไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนงานของท่านได้เลย ถึงท่านจะมีคนงานเป็นพันเป็นหมื่น คนงานเหล่านี้จะไม่ฟังคำสั่งท่าน ไม่เคารพท่านเหมือนเจ้านาย บางครั้งหลับในชั่วโมงทำงาน พูดคุยกันตลอด ที่แย่ที่สุดชอบหันหลังให้ท่าน และที่แย่ยิ่งกว่า ท่านต้องเก็บกวาดขี้ที่คนงานของท่านขี้ไว้ น่าเจ็บใจที่สุด!

6. ท่านไม่สามารถหาเวลาไปเที่ยวที่ไหนนานๆโดยไม่เป็นห่วงบ้านนกแอ่นของท่าน กังวลอีกแล้ว จะบ้าตาย!

7. หากท่านติดตั้งCCTV มีระบบแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ ท่านต้องเปิดเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง ท่านต้องภาวนาขออย่าให้มันดังขึ้นมาเลย เพราะนั่นหมายถึงมีผู้บุกรุกบ้านนกแอ่นของท่าน ท่านต้องวุ่นวายขนาดไหน นึกเอาเองก็แล้วกัน

8. ท่านจะเป็นโรคนกแอ่น โรคที่ถวิลหานกแอ่นตลอดเวลา

9. ภรรยาและลูกๆของท่านจะบังคับให้ท่านทำความสะอาดรังนกแอ่น และตุ๋นรังนกแอ่นให้พวกเขากิน

10. เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี บ้านนกแอ่นจะมีอำนาจชักจูงใจท่าน......

---รสนิยมการแต่งกายของท่าน แบรนด์เนม และ ตามแฟชั่นสุดๆ ---รองเท้าที่ท่านใส่ ต้องแพงสุดๆ ---เครื่องประดับต้องแหวนเพชรน้ำงามๆราคาแพงๆ ---รถยนต์ที่ท่านขับต้องรถสปอรต์ยี่ห้อดังๆ ดังนั้นคิดให้ดีๆ 3 ครั้ง ก่อนตัดสินใจลงทุนทำบ้านนกแอ่น เราไม่อยากตัดสินใจแทนท่าน เพราะเงินลงทุนเป็นของท่าน ส่วนเรา เฮฮา เฮฮา เฮฮา 5555

นำเสนอแบบไม่เครียดโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Monday, July 14, 2008

อะไรคือสิ่งที่ท่านต้องตรวจสอบก่อนตัดสินใจลงทุนทำบ้านนกแอ่น

การลงทุนทำบ้านนกแอ่นยังเป็นที่สนใจอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่เรื่องราวเกี่ยวกับนกแอ่นยังถูกกล่าวถึงในวงสนทนาต่างๆ ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงยังถูกปกปิด ผู้สนใจที่จะลงทุนจึงกล้าๆกลัวๆ มีผู้สนใจสอบถามมาหลายท่าน จึงขอนำเสนอบทความที่พอจะเป็นแนวทางให้ท่านได้ตรวจสอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะการลงทุนหมายถึงการใช้เงิน หมายถึงเงินที่ท่านใช้ความเหนื่อยยากหามา ยิ่งเงินลงทุนที่ต้องกู้ยืมมายิ่งต้องระมัดระวัง สิ่งต่างๆที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ท่านสามารถนำไปใช้ก่อนตัดสินใจลงทุนซื้อบ้านเพื่อดัดแปลงเป็นบ้านนกแอ่น หรือลงทุนสร้างตึกนกแอ่น คอนโดฯนกแอ่นโดดๆเป็นการเฉพาะ

หากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น เป็นพื้นที่ที่มีบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้ว คือบ้านนกแอ่นที่ได้ผลผลิตแล้ว สิ่งที่ท่านต้องตรวจสอบมีดังนี้:-

1. ผลผลิตรังนกแอ่นทั้งหมดที่ได้จากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุน แต่ท่านจะเช็คได้อย่างไร เพราะถ้าไปสอบถามตัวเลขปริมาณรังนกแอ่นที่เก็บได้กับเจ้าของบ้านนกแอ่น เขาคงไม่บอกตัวเลขให้ท่าน ท่านจึงต้องใช้การประมาณตัวเลขจำนวนนกแอ่นในพื้นที่เอาเอง ใช้เวลาช่วงเย็นตอนนกแอ่นบินกลับบ้านนกแอ่นแต่ละหลัง สำรวจดูว่าแต่ละหลังมีจำนวนนกแอ่นประมาณเท่าไหร่? จากจำนวนนกแอ่นที่ประมาณได้ ท่านก็สามารถจะประมาณจำนวนรังนกแอ่นที่ผลิตได้ สามารถที่จะประมาณจำนวนลูกนกแอ่นที่ท่านจะดึงดูดหรือเรียกให้มาอยู่ที่บ้านนกแอ่นใหม่ของท่านได้(ลูกนกแอ่น 2 ตัว/1 รัง)

2. หากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น เป็นพื้นที่ใหม่ เป็นพื้นที่ที่ยังบริสุทธิ์ ยังไม่มีบ้านนกแอ่น ให้ท่านใช้ชุดเสียงเรียกนกแอ่นไปทดสอบ ไปเปิดเสียงเรียกดูว่ามีนกแอ่นตอบสนองต่อเสียงเรียกหรือไม่ เพื่อตรวจสอบจำนวนประชากรนกแอ่นในพื้นที่ หากมีปริมาณนกแอ่นมากพอก็สามารถลงทุนได้ ถ้าน้อยก็ไม่ต้องลงทุนเพราะจะคืนทุนยากและช้า

สำหรับการตรวจสอบขั้นแรกก็มี 2 ลักษณะดังที่กล่าวถึง ถ้าผ่านขั้นตอนแรกแล้วก็อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ เหตุผลต่อๆมาก็คือเรื่องของราคาที่ดิน ราคาบ้านที่ท่านจะซื้อเพื่อดัดแปลงทำบ้านนกแอ่น ถ้าราคายิ่งถูกยิ่งดี อยู่ในโซนที่ไม่ใช่ย่านการค้าราคายิ่งถูก ก็อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ

หลายๆปีก่อนหน้านี้ หากท่านคิดจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น อาจมีหลายๆคนหัวเราะใส่ท่านว่า"ไม่เข้าท่า" ไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ ความเสี่ยงสูงถึง 80% ยังจะกล้าลงทุนหรือ ขนาด 50:50 ยังไม่อยากจะลงทุนเลย ไอ้นี้ต้องบ้าแน่ๆ ปัจจุบันข้อมูลตัวนี้ได้เปลี่ยนไป ความรู้เรื่องการทำบ้านนกแอ่นได้มีการต่อยอด มีการทดลอง ทดสอบ ลองผิดลองถูก จนได้ข้อสรุปที่มีความสำเร็จสูง อัตราความสำเร็จถ้าทำได้ตามเงื่อนไขที่ถูกต้องก็จะมีถึง 80% บางพื้นที่ถึง 90% ดังนั้นจึงขอให้ท่าน Update ข้อมูลอันนี้ด้วย เพื่อท่านจะได้กล้ามากขึ้น ตัดสินใจได้เร็วขึ้น

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, July 12, 2008

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเสียงเรียกนกแอ่น(Swiftlet Chirp CD)


การทำบ้านนกแอ่นใหม่นั้นหลายๆท่านกังวลใจเรื่องเสียงเรียกนกแอ่น ไม่มั่นใจว่าแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ซื้อมานั้นจะใช้ได้ผลหรือไม่ ผมจึงอยากจะเรียนกับท่านว่าอย่าได้กังวลกับเรื่องนี้มากนัก ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องกระวนกระวายหาแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ดีที่สุดไม่หยุดหย่อน

เสียงเรียกนกแอ่นแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ

1. เสียงเรียกนกแอ่นนอก (Swiftlet External Chirp) เป็นเสียงเรียกที่ใช้สำหรับเรียกนกแอ่นที่บินอยู่ภายนอก หรือบินผ่านมาให้ได้ยิน ให้เกิดความสนใจ ได้ยินเสียงกลุ่มนกแอ่นอีกกลุ่ม จะทำให้นกแอ่นบินเข้าหาเสียงเรียกนี้ เพื่อสำรวจดูว่ามีกลุ่มเพื่อนนกแอ่นอีกกลุ่มกำลังทำอะไรอยู่ เช่น กินแมลง หรือเป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ เสียงเรียกนกแอ่นนอกที่ดีคือเสียงเรียกนอกที่สามารถบอกจำนวนได้ว่าตรงนี้มีเพื่อนนกแอ่นอยู่มากมาย การบันทึกเสียงเรียกนกแอ่นนอกที่ดีคือการที่สามารถบันทึกเสียงของนกแอ่นได้จำนวนเสียงร้องมากที่สุด ไม่ใช่นำเครื่องบันทึกเสียงไปบันทึก แต่ตัวรับเสียงไปอยู่ใกล้นกแอ่นตัวหนึ่งตัวใดเป็นหลัก เลยทำให้เสียงที่บันทึกมามีเสียงของนกแอ่นตัวเดียวเป็นหลัก แผ่นแบบนี้ถือว่าเป็นแผ่นเสียงเรียกนอกที่ไม่ดีไม่สุดยอด หากท่านมีแผ่น CD เสียงเรียกนอกหลายแผ่น รองเปิดฟังดูจะคล้ายๆกัน ฟังดูหลายๆครั้ง ยิ่งฟังมากเท่าไหร่ยิ่งดี "การฝึกฝนทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ" แผ่นไหนที่ท่านฟังดูแล้วรู้สึกว่าเหมือนได้ยินเสียงนกแอ่นร้องเป็นจำนวนมาก แผ่นนั้นดีที่สุดที่ท่านมีอยู่ เสียงเรียกนอกที่มีขายอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมาจากประเทศอินโดนีเซีย ก๊อปปี้ต่อๆกันไป หายากที่ว่าไปบันทึกจากถ้ำนกแอ่นเองจริงๆ
2. เสียงเรียกนกแอ่นใน(Swiftlet Internal Chirp) เป็นเสียงเรียกที่ใช้เปิดภายในบ้านนกแอ่น เพื่อหลอกให้นกแอ่นได้รู้ว่ามีเพื่อนอยู่เป็นจำนวนมาก นกแอ่นจะรู้สึกปลอดภัย เสียงเรียกนกแอ่นในจะไม่ค่อยหลากหลายเหมือนเสียงเรียกนกแอ่นนอก จะเป็นเสียงคู่นกจู๋จี๋ เสียงลูกนกเป็นหลัก แต่ก็ให้เน้นให้ได้เสียงร้องของนกแอ่นจำนวนมากๆ เสียงเรียกในจะเปิดเพียงเบาๆพอได้ยิน เสียงเรียกนกแอ่นในก็เหมือนกับเสียงเรียกนกแอ่นนอกที่ส่วนใหญ่ได้ต้นฉบับมาจากประเทศอินโดนีเซีย
เสียงเรียกนกแอ่นยังเป็นสินค้าที่ราคาดีเพราะหาซื้อยาก เพลงสุนทราภรณ์เก่าๆ เพราะๆยังหาซื้อง่ายกว่า ผมเองก็พยายามสะสมพยายามฟังบ่อยๆ หมดเงินกับค่าแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นพอสมควร แต่ได้ความรู้เพิ่มขึ้น จึงอยากจะเรียนกับท่านอีกครั้งว่าแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ท่านซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก็น่าจะพอใจได้ อย่าได้กังวลใจมากนัก แผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ดีคือแผ่นที่บันทึกเสียงได้เป็นธรรมชาติที่สุด
สนใจเสียงเรียกนกแอ่นทั้งเสียงเรียกนกแอ่นนอกและเสียงเรียกนกแอ่นในโทรศัพท์หรือMailไปคุยไปปรึกษาได้
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์


Monday, July 7, 2008

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องขยายเสียง(Amplifier)

ภาคขยายสัญญาณ

เป็นภาคที่รับสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียง จากภาคสัญญาณเข้า แล้วนำมาปรับแต่งและขยายสัญญาณให้มีความแรงขึ้นเพื่อเตรียมส่งต่อไปยัง ภาคสัญญาณออก ภาคขยายแบ่งออกเป็น 2 วงจร คือ

1. วงจรก่อนการขยาย (Pre Amplifier) เนื่องจากสัญญาณที่ถูกส่งเข้ามาจากภาคสัญญาณเข้ามีความแตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง เช่น ไมโครโฟน เครื่องบันทึกเสียง เครื่องเล่นคอมแพกดิสก์ เป็นต้น ดังนั้นภาคก่อนการขยายจะช่วยในการปรับแต่งเสียงให้มีสัญญาณมากน้อยพอๆกัน ก่อนจะส่งไปวงจรกำลังขยาย

2. วงจรกำลังขยาย (Power Amplifier) ทำหน้าที่รับสัญญาณจากวงจรก่อนขยาย (Pre Amplifier) เข้ามาเพื่อทำการขยายให้มีกำลังแรงเพิ่มขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ในขั้นตอนนี้ ก็ได้แก่ เครื่องขยายเสียง (Amplifier) นั่นเองเครื่องขยายเสียง นิยมแบ่งชนิดตามกำลังของการขยายเสียง คือ การแบ่งตามความดังของภาคขยาย เช่น เครื่องขยายเสียงที่นิยมใช้กัน มีกำลังตั้งแต่ 10 วัตต์ ไปจนถึงหลายร้อยวัตต์เลยทีเดียว กำลังวัตต์ของเครื่องขยายเสียงจะบอกถึงความดังที่ออกทางลำโพง กล่าวคือ เครื่องขยายเสียงที่มีกำลัง 200 วัตต์ จะดังกว่าเครื่องขยายเสียงที่มีกำลัง 150 วัตต์นั่นเอง

ส่วนประกอบด้านหลังของเครื่องขยายเสียง ได้แก่

1. ช่องรับสัญญาณเข้า ใช้เสียบ Jack ต่อสัญญาณที่มาจากภาคสัญญาณเข้า เช่น ไมโครโฟน เครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือ เครื่องเล่น CD/DVD ในปัจจุบัน เป็นต้น
2. จุดสำหรับต่อสัญญาณออก ใช้ต่อสายเพื่อส่งกำลังไฟฟ้าความถี่เสียงไปยังภาคสัญญาณออก อันได้แก่ ลำโพง นั่นเอง
3. สายไฟฟ้าเข้าเครื่อง เป็นสายต่อเพื่อใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งในประเทศไทยใช้ไฟฟ้า 220 Volts ส่วนประกอบด้านหน้าของเครื่องขยายเสียง ได้แก่

1. ปุ่มควบคุม (Control Knobs) Mic.1 Mic.2 Mic.3 เป็นปุ่มควบคุมการรับสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียงจากไมโครโฟนแต่ละตัว เพื่อทำการปรับความดังของไมโครโฟนแต่ละตัวแยกอิสระจากกัน
2. ปุ่มควบคุม (Phono) เป็นปุ่มควบคุมสัญญาณที่มาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง (Phonograph)
3. ปุ่มควบคุม (Aux.) เป็นปุ่มควบคุมสัญญาณที่มาจาก Auxiliary เช่น เครื่องบันทึกเสียงที่มีการขยายสัญญาณกำลังต่ำมาก่อนแล้ว หรืออาจใช้ควบคุมอุปกรณ์รับสัญญาณเข้าอื่นๆ ที่ไม่มีปุ่มควบคุมอยู่ด้านหน้าด้วย
4. ปุ่มควบคุมการปรับแต่งเสียงทุ้ม (Bass) และเสียงแหลม (Treble) หรือปุ่ม Tone Control ใช้เพื่อปรับเสียงทุ้มแหลมของเสียงให้มากขึ้น ในเครื่องขยายเสียงบางรุ่นอาจรวมปุ่มปรับแต่ทุ้มแหลมนี้ไว้ในปุ่มเดียวกันก็เป็นได้
5. ปุ่มควบคุมการขยายกำลัง (Master Volume) ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณให้มีเสียงดังเบา ก่อนจะออกทางลำโพง ซึ่งปุ่มนี้จะทำหน้าที่ร่วมกับปุ่มอื่นๆ ทุกปุ่มข้างต้นด้วย ดังนั้นการที่ปรับปุ่ม Master Volume ดังเบา ก็จะทำให้เสียงที่ออกทางลำโพงดังเบาตามปุ่มนี้เป็นสำคัญ
6. สวิตช์ไฟฟ้า (switch) ใช้เปิด (On) เมื่อต้องการเริ่มใช้งาน และใช้ปิด (Off) เมื่อเลิกใช้งาน
7. หลอดไฟฟ้าหน้าปัด (Pilot Lamp) หลอดไฟฟ้าแสดงให้ทราบว่ามีไฟฟ้าเข้าเครื่องขยายเสียงหรือไม่ ลักษณะของเครื่องขยายเสียงที่ดี

--มีช่องรับสัญญาณเข้าหลายวงจรและหลายช่อง เพื่อสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสม
--มีกำลังขยายสูง โดยที่ไม่มีเสียงเพี้ยน (Distortion) และเสียงฮัม (Hum)
--สามารถขยายเสียงได้ทุกช่วงความถี่ของเสียง ตั้งแต่ 20 - 20,000 ไซเคิลอย่างสม่ำเสมอ
--ให้ความไพเราะ ชัดเจน (high Fidelity)
--สามารถปรับเสียงทุ้มและเสียงแหลมได้มาก
--สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก
--สามารถต่อเข้ากับเครื่องมืออื่นๆ ที่นิยมใช้กันทั่วไปได้สะดวก
--บำรุงรักษาและซ่อมแซมง่าย
--มีความทนทานและปลอดภัยในการใช้
--มีจุดสำหรับสัญญาณออกที่จะเลื่อนให้เหมาะกับความต้านทานของลำโพงหลายชุด

ภาคสัญญาณเข้า (Input)

อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียง ให้เป็นคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียง อุปกรณ์ที่เห็นได้ชัด ได้แก่ ไมโครโฟน เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเล่น CD/DVD เครื่องเล่นที่สามารถอ่าน Memory Card ชนิดต่างๆ เช่น Thumb Drive, SD Card, อุปกรณ์ตัวนี้จะเป็นตัวทำหน้าที่อ่านคลื่นเสียงและเปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียง ไหลไปตามสายสู่เครื่องขยายเสียง

ภาคสัญญาณออก (Output)

ภาคสัญญาณออก เป็นภาคที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าความถี่เสียง เป็นพลังงานเสียง ซึ่งได้แก่ ลำโพง ลำโพงมีการแบ่งประเภทได้หลายลักษณะ บทความเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลำโพงได้นำเสนอไปแล้วในบทความก่อนนี้

การต่อลำโพงเข้ากับเครื่องขยายเสียง

เครื่องขยายเสียงจะมีจุดต่อสัญญาณออกอยู่ด้านหลังของเครื่องฯ อาจมีหลายลักษณะ แต่ลักษณะหนึ่งที่นิยมใช้จะเป็นลักษณะที่มีจำนวนโอห์มมาให้เลือกต่อ เพื่อความเหมาะสมระหว่างตัวลำโพงกับเครื่องขยายเสียง การต่อลำโพงอาจแบ่งเป็น 2 วิธี คือ การต่อลำโพงตัวเดียว และการต่อลำโพงหลายตัว

การต่อลำโพงตัวเดียว

การต่อลำโพงตัวเดียวเป็นการต่อตรง เช่น ลำโพงมีค่าความต้านทาน 8 โอห์ม ก็ให้ต่อสายเส้นหนึ่งของลำโพงเข้ากับ 0 โอห์ม อีกเส้นต่อที่ 8 โอห์ม

การต่อลำโพงหลายตัว

การต่อลำโพงหลายตัวกับเครื่องขยายเสียงอาจกระทำได้ 3 วิธี คือ การต่อแบบอนุกรม การต่อแบบขนาน และการต่อแบบผสม ซึ่งการต่อแต่ละแบบมีความจำเป็นต้องรู้จักคิดคำนวณค่าความต้านทานกับพลังงานไฟฟ้าความถี่เสียงที่ออกมาจากเครื่องขยายเสียง

การต่อแบบอนุกรม

เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่หากมีลำโพงตัวหนึ่ง ตัวใด ชำรุด จะทำให้ลำโพงทุกตัวเงียบหมด เนื่องจากการตัดตัวเชื่อมต่อของวงอนุกรมนั่นเอง

การต่อแบบขนาน

เป็นวิธีการต่อที่นิยมมาก เนื่องจากหากลำโพงตัวใดตัวหนึ่งชำรุด ตัวที่เหลือยังคงใช้งานได้ตามปกติ

การต่อแบบผสม

เป็นการใช้การต่อลำโพงแบบอนุกรมและแบบขนานร่วมกัน

เรื่องเครื่องขยายเสียงยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่นำมาเสนอเพื่อให้ท่านได้มีข้อมูล ได้เข้าใจพื้นฐานของเรื่องเครื่องขยายเสียง เวลาไปเลือกซื้อจะได้จะได้มีข้อมูลอยู่บ้าง ราคาที่มีขายอยู่ในท้องตลาด ราคาที่เหมาะสม คุณภาพดี ทนทาน มีหลายยี่ห้อ ราคาเครื่องละตั้งแต่ประมาณ 2,500 - 6,500 บาท แพงกว่านี้ไม่ต้องซื้อ ใครบอกว่าของเขาดีอย่างไรไม่ต้องเชื่อ ชุดละ 60,000 - 80,000 บาท อย่าซื้อเด็ดขาด แพงเกินไปกำไรเกินควร

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, July 1, 2008

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลำโพง(Speaker)

ลำโพง(Speaker)

ลำโพงมีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานเสียงที่หูเราสามารถรับรู้ได้ยินในย่านความถี่ 20Hz - 20Kz โครงสร้างของลำโพงทั่วๆไปประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร(Magnet) ขดลวดเสียง(Voice Coil) และแผ่นไดอะเฟรม(Diaphragm) มีลักษณะภายนอกที่แตกต่างกันมากมายหลายแบบ ลำโพงที่ใช้กันทั่วๆไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. ลำโพงฮอร์น(Horn Speaker)
2. ลำโพงไดนามิค(Dynamic Speaker)

ลำโพงฮอร์น(Horn Speaker)

ลำโพงฮอร์น เป็นลำโพงที่มีขนาดใหญ่ใช้ในการกระจายเสียงทั่วไป มีโครงสร้างเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหน้าเรียกว่า ฮอร์น(Horn) มีลักษณะเป็นกรวยโลหะปากกว้าง หรือเรียกกันทั่วๆไปว่า ดอกลำโพง ส่วนหลังเรียกว่า ไดรเวอร์ยูนิต(Driver Unit) เป็นส่วนที่ประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร และขดลวดเสียง ซึ่งพันอยู่บนแผ่นไดอะเฟรม มีขนาดอิมพิแดนซ์ 8 โอห์ม และ 16 โอห์ม ลำโพงฮอร์นให้เสียงในระดับปานกลางแต่สามารถไปได้ไกล จึงเหมาะสำหรับการติดตั้งนอกสถานที่

ลำโพงไดนามิค(Dynamic Speaker)

ลำโพงไดนามิค ส่วนมากจะเป็นลำโพงชนิดกรวยกระดาษ ให้เสียงได้หลายระดับ เป็นลำโพงที่ใช้กับวิทยุ เทป โทรทัศน์ และ เครื่องเสียงทั่วๆไป มีขนาดตั้งแต่ 1 นิ้ว ถึง 32 นิ้ว ประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร กรวยกระดาษ และขดลวดเสียง

การทำงานของลำโพง

เมื่อป้อนสัญญาณไฟฟ้าให้กับขดลวดเสียงของลำโพง จะเกิดเส้นแรงแม่เหล็กขึ้นโดยรอบ อำนาจของเส้นแรงแม่เหล็กจะดูดและผลักกับเส้นแรงของแม่เหล็กถาวร ตามสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากความถี่เสียง ซึ่งมีช่วงความถี่ตั้งแต่ 20Hz - 20KHz ที่มีการเปลี่ยนแปลงเฟสตลอดเวลา ทำให้กรวยกระดาษที่ยึดติดกับขดลวดเสียงเกิดการเคลื่อนที่ดูดและผลักอากาศ เกิดเป็นคลื่นเสียงขึ้นเช่นเดียวกับสัญญาณเสียงที่ป้อนเข้ามา

ขดลวดเสียง ที่ต่อออกมาใช้งานมีขั้วบวกและขั้วลบ จะมีเครื่องหมายไว้ที่ขั้วต่อของลำโพงเสมอ แต่ถ้าไม่รู้ขั้วก็สามารถหาได้โดยใช้เซลล์ไฟฟ้าขนาด 1.5 โวลต์ 1 ก้อน ต่อเข้ากับขั้วลำโพงแล้วสังเกตการเคลื่อนที่ของกรวยกระดาษ ถ้าขั้วต่อของลำโพงกับขั้วของเซลล์ไฟฟ้าตรงกัน กรวยกระดาษจะดันออก แต่ถ้าต่อขั้วกลับกันกรวยกระดาษจะยุบเข้า

ประเภทของลำโพงไดนามิค

ลำโพงไดนามิคถูกสร้างขึ้นมาให้มีหลายชนิดเพื่อให้เหมาะสมกับงานที่ใช้ มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รูปร่างแตกต่างกันออกไป ลำโพงแต่ละชนิดสามารถตอบสนองต่อความถี่ของสัญญาณเสียงได้ดี ในย่านความถี่แตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด คือ

1. ลำโพงเสียงรวม(Full Range Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่สัญญาณเสียงได้ทุกย่านความถี่อย่างกว้างๆ แต่ไม่สมบูรณ์ เป็นลำโพงที่ใช้กันทั่วๆไป สำหรับเครื่องรับวิทยุเทปขนาดเล็ก เครื่องรับโทรทัศน์ทั่วๆไป
2. ลำโพงเสียงทุ้ม(Woofer Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่ต่ำ ได้แก่ เสียงเบส เสียงกลอง
3. ลำโพงเสียงกลาง(Midrange Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่ปานกลาง เช่น เสียงพูด
4. ลำโพงเสียงแหลม(Tweeter Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่สูง หรือเสียงแหลม ส่วนใหญ่จะเป็นลำโพงขนาดเล็กมีทั้งแบบกรวย กระดาษ โลหะ และ แบบฮอร์น

ลำโพงแต่ละชนิดที่ผลิตออกมาสามารถตอบสนองความถี่ต่างๆ ของสัญญาณเสียงได้ในแต่ละย่านความถี่ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับโรงงานผู้ผลิต และ ความเหมาะสมสำหรับการใช้งาน เช่น เครื่องเสียงในรถยนต์ต้องการเสียงทุ้มหนักแน่น ความถี่ต่ำกว่า 100 Hz ก็จะใช้ลำโพง ซับวูฟเฟอร์(Sub-Woofer) หรือ ต้องการเสียงแหลมที่คมชัด ต้องใช้ลำโพงเสียงแหลมที่ตอบสนองต่อความถี่ได้เกินกว่า 10 KHz ขึ้นไป ด้วยลำโพง ซุปเปอร์ทวิตเตอร์(Super-Tweeter) นอกจากลำโพงที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีลำโพงอีกชนิดหนึ่งซึ่งมักจะพบในสัญญาณเสียงที่ใช้ดิจิตอล หรือเสียงที่ใช้เตือนในเครื่องใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ลำโพงแบบนี้เรียกว่า ลำโพงเปียซโซ(Piezo) ลำโพงเปียซโซส่วนมากจะป้อนด้วยกระแสไฟฟ้าจึงจะเกิดเป็นเสียงขึ้นมาได้ เปียซโซจึงเป็นเพียงอุปกรณ์ที่กำเนิดเสียงเท่านั้น แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้

1. เปียซโซอิเล็กตริกไดอะแกรม ประกอบด้วย แผ่นทองเหลืองหรือสแตนเลสติดอยู่ด้านข้างของแผ่นอิเล็กตริก
2. เปียซโซอิเล็กตริกซาวเดอร์ ลักษณะเป็นพลาสติก มีแผ่นเปียซโซไดอะเฟรมอยู่ข้างใน เปียซโซชนิดนี้การที่จะทำให้มีเสียงจะต้องมีวงจรสร้างสัญญาณจากภายนอก
3. เปียซโซอิเล็กตริกบัซเซอร์ หรือ บัซเซอร์ เป็นเปียซโซชนิดอิเล็กตริกซาวเดอร์ชนิดที่มีวงจรต่ออยู่ภายในแล้ว เพียงแต่ป้อนแรงไฟให้ก็เกิดเสียงได้
4. ลำโพงเปียซโซ ลักษณะเหมือนกับเปียซโซอิเล็กตริกซาวเดอร์ แต่ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับลำโพง

การต่อลำโพงระยะไกล

ในการที่จะต่อลำโพงเพื่อกระจายเสียงนั้น จำเป็นจะต้องเดินสายลำโพงเป็นระยะไกลๆ ถ้าสายลำโพงมีความยาวเกินกว่า 50 ฟุต จะทำให้เกิดการสูญเสียสัญญาณขึ้นในสาย การสูญเสียที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของสาย ถ้าสายมีขนาดเล็กเมื่อสายยาวมากความต้านทานจะมากขึ้น การลดความต้านทานในสายลำโพงทำได้โดยการใช้สายที่ใหญ่ขึ้น การต่อลำโพงระยะไกลโดยการใช้สายนั้นไม่นิยมต่อกัน เนื่องจากมีการสูญเสียในสายมาก แต่ นิยมใช้วิธีการต่อโดยการใช้ Matching Transformer ช่วย

การต่อลำโพงระยะไกลด้วย Matching Transformer

Matching Transformer คือ ทรานส์ฟอร์เมอร์ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่แก้ไขในการสูญเสียที่เกิดจากการเดินสายไกลๆ มีการต่อได้หลายแบบทั้งแบบอนุกรมและแบบขนาน แต่ที่นิยมใช้มากที่สุดเป็นแบบขนานโดยใช้ลำโพงที่มีขนาดเดียวกันหมด

เสียงของลำโพงออกมาได้อย่างไร?

เสียงเป็นคลื่นตามยาว เสียงแหลมและทุ้มขึ้นกับความถี่ ส่วนเสียงดังหรือค่อยขึ้นอยู่กับขนาดแอมพลิจูดของคลื่นนั้น เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไมโครโฟนมีหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และนำสัญญาณที่ได้ไปบันทึกลงบนเทปคาสเซ็ท แผ่น CD หรือเครื่องเล่น MP3 ซึ่งกำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเราต้องการจะนำเสียงที่บันทึกกลับออกมา ภายในเครื่องเล่นเหล่านี้จะมีหัวอ่านคอยอ่านสัญญาณทางไฟฟ้าที่บันทึกอยู่ในเนื้อเทป หรือแผ่น CD ซึ่งในขณะที่อ่านยังเป็นสัญญาณที่อ่อนมาก จึงต้องนำเข้าเครื่องขยายสัญญาณก่อน เมื่อได้สัญญาณที่แรงพอแล้วจึงขับออกทางลำโพง กลายเป็นเสียงออกมา

ส่วนสำคัญที่สุดของเครื่องเล่นเหล่านี้ก็คือลำโพง โดยหน้าที่สำคัญสุดของลำโพงคือ เปลี่ยนสัญญาณทางไฟฟ้าที่ได้มาจากเครื่องขยายเป็นสัญญาณเสียง ลำโพงที่ดีจะต้องสร้างเสียงให้เหมือนกับต้นฉบับเดิมมากที่สุด โดยมีการผิดเพี้ยนน้อยที่สุด

การทำบ้านนกแอ่นเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกในเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ การเลือกใช้ลำโพงให้เหมาะกับความต้องการคือลำโพงที่มีความถี่เสียงสูง ดังนั้นลำโพงทวีทเตอร์(Tweeter Speaker) จึงเป็นลำโพงหลักที่ใช้คู่กับเครื่องขยายเสียงเพื่อเปิดเสียงเรียกนกแอ่นทั้งเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกใน ราคาลำโพงทวีทเตอร์สำหรับเสียงเรียกในที่ใช้กันส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณตัวละ 35 - 75 บาท ลำโพงทวีทเตอร์เสียงเรียกนอกจะอยู่ที่ประมาณตัวละ 350 -750 บาท ส่วน Condenser ที่ติดลำโพงราคาประมาณตัวละ 5 - 35 บาท จะเลือกใช้แบบไหน ยี่ห้อใด ราคาเท่าไหร่ ก็อยู่ที่ท่าน เชื่อหูของท่านเอง ลองฟังเสียงดู ตัวไหนเสียงดีท่านชอบเลือกตัวนั้น ความแตกต่างไม่เกิน 5% นกแอ่นรับได้ ขอให้ท่านโชคดี ได้ลำโพงดีๆ ราคาเบาๆไปใช้

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
ยะลา หรือ ยะลอ แปลว่า "แห" เดิมเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองตอนใต้ ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมาได้ประกาศเป็นจังหวัด ตามระเบียบบริหารการปกครองใหม่เมื่อปี 2476 ปัจจุบันจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.077 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 376 หมู่บ้าน มีอำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลาตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศไทย ดั่งคำขวัญที่ว่า "ยะลา : ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน" อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถไฟประมาณ 1,039 กิโลเมตร หรือโดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษมประมาณ 1,440 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีผังเมืองสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

หลักเมืองยะลา

หลักเมืองยะลา
หลักเมืองยะลาสร้างขึ้นจากแนวความคิดของ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาร่วมกับบรรดาข้าราชการซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าเดิมจังหวัดยะลาเป็นอาณาเขตหนึ่งในบริเวณ 7 หัวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เพิ่งแยกออกเป็นเมืองหนึ่งต่างหากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2335) ที่ตั้งตัวเมืองยะลาเดิมมิได้อยู่ในที่ปัจจุบัน แต่ได้โยกย้ายมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดยะลาได้พร้อมใจกันสร้างหลักเมืองขึ้นที่บริเวณศูนย์วงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดโดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เวลา 10.30 น. ปัจจุบันหลักเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางของเมืองยะลา ทั้งนี้เนื่องจากผังเมืองยะลาได้ออกแบบไว้เหมาะเจาะกันพอดีรอบๆวงเวียนหลักเมือง อันเป็นวงเวียนชั้นในสุดเป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธร สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตร สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา บรรดาถนนทุกสายที่มาจากอำเภอต่างๆของจังหวัดจะมารวมกันที่หลักเมือง

วัดคูหาภิมุข

วัดคูหาภิมุข
ถ้ำคูหาภิมุขตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางยะลา-หาดใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอีก 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ สร้างสมัยศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปีเศษ ภายในมีถ้ำต่างๆเช่น ถ้ำมืด ถ้ำ ภปร. มีหินงอกหินย้อย และหยดน้ำไหลรินจากโขดหินสวยงามยิ่งนัก หยดเกร็ดเพชรระยิบระยับตา ซึ่งในปี 2539 ถ้ำคูหาภิมุขได้รับรางวัลการประกวดแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พระมหากัจจายนะ

พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเมืองยะลา อยู่กลางแจ้งภายในวัด องค์ใหญ่สวยงาม หากหมั่นทำความดีเมื่อมาขอพรจากท่านมักจะประสบความสำเร็จ อยู่ห่างจากศาลากลางไปทางถนนสุขยางค์ทางออกมุ่งสู่อำเภอเบตงประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโรงเรียนตำรวจภูธร 9 (กองบัญชาการส่วนหน้า)

วัดพุทธาธิวาส

วัดพุทธาธิวาส
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่ ณ วัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ในตัวเมืองเบตง โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขามีขนาดความกว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูงเทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ มหาเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฏีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง
เขื่อนบางลางในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์จากตัวเมืองยะลาสู่อำเภอเบตง บนเส้นทางหลวงสายยะลา-เบตง สามารถแวะชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลางได้ที่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งห่างจากตัวเมืองยะลา 58 กิโลเมตร และเข้าไปในตัวเขื่อนอีกประมาณ 12.5 กิโลเมตร ตัวเขื่อนบางลางสร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาสันกาลาคีรี สันปันน้ำระหว่างไทยกับมาเลเซียในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด้วยฝีไม้ลายมือมนุษย์ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อน กลายสภาพเป็นทะเลสาปน้ำจืดกลางหุบเขาขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีจากพันธุ์พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดและภูเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนโอบล้อมอยู่ ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ มีอาคารบ้านพักตากอากาศ ห้องจัดประชุม ร้านอาหาร สนามเทนนิส สนามเปตอง สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล แพล่องชมทัศนียภาพ ไว้บริการให้ความสะดวกแก่ผู้มาเยือน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะเหมาะต่อการท่องเที่ยวแล้วเขื่อนบางลางยังคงคุณสมบัติของเขื่อนเอนกประสงค์ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกในภาคใต้ไว้ได้เช่นเดิมคือ ช่วยในการป้องกันอุทกภัย การชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าและการประมง (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม,ติดต่อบ้านพักโทรฯ 0-7329-9237-8, 0-7329-7099 ล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาปเหนือเขื่อน โทรฯ 0-7328-1063-66 ต่อ 2291)

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดำเนินตามรอยพระบาทชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีอาหารการกินที่หลากหลายทั้ง ไทย จีน มุสลิม ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดเป็นเพียงภาพลวงตา อีกไม่นานก็จะหายไป เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเพราะตั้งแต่วันแรกที่หลงผิดชีวิตยังหาความสุขไม่ได้ จะขอกลับมาเป็นคนดีของสังคมเร็วๆนี้

อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ

อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์