Saturday, May 31, 2008

ท่านจะมีรายได้เท่าไร?จากการลงทุนหากบ้านนกแอ่นของท่านประสบความสำเร็จ

เจ้าของบ้านนกแอ่นจะร่ำรวยจากการขายรังนกแอ่น หรือจากการขายบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้วโดยได้ราคาดีมากๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปหากท่านฝึกปรือจนเชี่ยวชาญ สามารถทำบ้านนกแอ่นให้สำเร็จเป็นของตัวเองส่วนหนึ่ง และทำบ้านนกแอ่นให้สำเร็จแล้วขายได้ราคาดีๆอีกส่วนหนึ่ง ผมจะให้ข้อมูลโดยการประมาณว่าธุรกิจบ้านนกแอ่นให้รายได้ตอบแทนท่านอย่างไร?

-1. ความมั่งคั่งจากการขายรังนกแอ่น

-รังนกแอ่นประมาณ 110 รัง = 1 กิโลกรัม
-รังนกแอ่น 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ = 45,000 บาท

สำหรับบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้วทุกๆพื้นที่ 1 ตารางฟุต (30.48 ตารางเซนติเมตร) สามารถให้ผลผลิตรังนกแอ่น 1 รัง ทุกๆ 4 เดือน (แบบสบายๆจำนวนนกแอ่นยังไม่แออัด)

แบบบ้านมาตรฐาน 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ 5 x 25 เมตร ให้พื้นที่ทั้งหมด = 5 x 25 x 2 = 250 ตารางเมตร

-ทำ 1 ตารางฟุตให้เป็นตารางเซนติเมตร = 30.48 x 30.48 = 929.03 ตารางเซนติเมตร

-ทำ 1 ตารางเมตรให้เป็นจำนวนรังนกแอ่น = 100 x 100 = 10,000 หารด้วย 929.03 = 10.76 รัง

-ทุกๆ 1 ตารางเมตร ได้รังนกแอ่น 10.76 รัง ถ้า 250 ตารางเมตร จะได้รังนกแอ่น = 250 x 10.76 = 2,690 รัง

-ทุกๆ 4 เดือน ได้รังนกแอ่น 2,690 รัง ดังนั้น 1 ปี จะได้รังนกแอ่น = 2,690 x 3 = 8,070 รัง

-ทำให้เป็นจำนวนกิโลกรัม = 8,070 รัง หารด้วย 110 รัง = 73.36 กิโลกรัม

-ทำให้เป็นจำนวนตัวเงินรายได้ที่รับ = 45,000 x 73.36 = 3,301,200 บาท/ปี

จะเห็นว่าขนาดพื้นที่ 1 ตารางฟุต ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 1 รัง แบบสบายๆไม่แออัดยังมีรายถึง 3.3 ล้านบาท ถ้าหาก 1 ตารางฟุต ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 5 รัง แบบแออัดนกแอ่นขยายประชากรเพิ่ม ท่านรองคำนวณดูอีกที :-

-1 ตารางฟุต ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 5 รัง = เพิ่มขึ้น 5 เท่า = 10.76 x 5 = 53.8 รัง

-1 ตารางเมตร ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 53.8 รัง ถ้า 250 ตารางเมตร = 250 x 53.8 = 13,450 รัง

-ทุกๆ 4 เดือน ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 13,450 รัง ดังนั้น 1 ปี จะได้รังนกแอ่น = 13,450 x 3 = 40,350 รัง

-ทำให้เป็นจำนวนกิโลกรัม = 40,350 รัง หารด้วย 110 รัง = 366.81 กิโลกรัม

-ทำให้เป็นจำนวนเงินรายได้ที่รับ = 45,000 x 366.81 = 16,506,450 บาท

จะเห็นว่าถ้าบ้านนกแอ่นของท่านประสบความสำเร็จสูงสุด มีนกแอ่นเข้าอาศัยจำนวนมาก มีพื้นที่ให้เกาะพักและทำรังมาก ท่านจะยิ่งได้ผลผลิตรังนกแอ่นมาก การประมาณการรายได้ที่ผมนำเสนอนี้เพียงเพื่อให้ท่านนำไปคิดเล่นๆเพลินๆยามว่าง อย่าฝันหวานจนตาโตหล่ะ! ขยันทำการบ้านเรื่องอุณหภูมิและความชื้นให้มากๆหน่อย แล้วท่านจะยิ้มหวานๆได้ ตัวเลขรายได้ประมาณ 16 ล้าน/ปี นั้นต้องตั้งใจและทุ่มเทจริงๆครับ

-2. ความมั่งคั่งจากการขายบ้านนกแอ่น

หลังจากท่านทำบ้านนกแอ่นไปได้สักระยะหรือประมาณ 2 ปี บ้านนกแอ่นของท่านประสบความสำเร็จ ได้รังนกแอ่นประมาณ 500 รัง จะมีผู้สนใจที่อยากจะซื้อ ท่านเองก็อยากจะขาย เพราะจะได้เงินก้อนใหญ่ และท่านเองก็มีความเชี่ยวชาญในการทำบ้านนกแอ่นแล้ว ก็สามารถนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งไปลงทุนใหม่ได้

ราคาการขายบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้วพอจะประเมินได้ดังนี้ :-

-1. ราคาบ้านพร้อมที่ดินที่ท่านซื้อมาทำบ้านนกแอ่น

-2. ราคาค่าดัดแปลงบ้าน พร้อมอุปกรณ์ทุกอย่าง

-3. ราคาค่ารังนกแอ่นที่มีอยู่ ประมาณ 10,000 บาท/ 1 รังนกแอ่น

ดังนั้นหากท่านซื้อบ้านพร้อมที่ดินมาราคา 2,500,000 บาท ค่าดัดแปลงบ้านพร้อมอุปกรณ์ทุกอย่าง 750,000 บาท บ้านนกแอ่นของท่านสามารถเก็บรังนกแอ่นได้ 500 รัง เท่ากับจำนวนรังนกแอ่น 500 รัง x คูณด้วย 10,000 บาท = 5,000,000 บาท

จำนวนเงินที่ได้รับจากการขายบ้านนกแอ่นของท่าน เท่ากับ 2,500,000 + 750,000 + 5,000,000 = 8,250,000 บาท

โอ้ย! ผมชักจะมึนๆกับตัวเลขเสียแล้ว ผิดถูกอย่างไรท่านไปคิดต่อนะครับ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Thursday, May 29, 2008

เคล็ดลับการติดตั้งลำโพงเสียงเรียกใน


การติดตั้งลำโพง Tweeter เสียงเรียกในเป็นคำถามที่ถามกับมากที่สุดว่าควรติดตั้งจำนวนกี่ตัว? ติดตั้งอย่างไร? ติดตั้งตรงจุดไหน? ลักษณะของลำโพง Tweeter เสียงเรียกในเป็นอย่างไร? ภาพข้างบนทั้งหมดคือลักษณะของลำโพง Tweeter เสียงเรียกใน Tweeter ทุกตัวควรติด Condenser ด้วย ช่วยให้ Tweeter ไม่เสียง่ายและเสียงใสขึ้น
จำนวนลำโพง Tweeter เสียงเรียกในควรติดตั้งให้มาก หากคิดเป็นพื้นที่ควรติดตั้งลำโพง Tweeter 1 ตัว ต่อพื้นที่ 2 ตารางเมตร ถ้าพื้นที่ของบ้านนกแอ่นท่าน สมมุติว่าบริเวณภายในของพื้นที่ไม้ตีรังทั้งหมดเท่ากับ 200 ตารางเมตร ดังนั้นท่านจึงควรติดตั้งลำโพง Tweeter 100 ตัว ท่านอาจจะรู้สึกว่ามากเกินไป ไม่น่าจะต้องติดตั้งมากขนาดนี้ ถ้าท่านไม่เชื่อ ท่านก็ติดตั้งตามจำนวนที่ท่านต้องการก็ได้ แต่นี่คือเคล็ดลับ! (ข้าฯได้บอกเจ้าแล้ว ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ฮา ฮา ฮา ฮา)
การติดตั้งก็ติดตั้งดังตัวอย่างในภาพข้างบน ใช้ตะปูเกลียวตัวเล็กขันจับเพียงมุมเดียวก็พอ ติดตั้งกระจายให้ทั่วพื้นที่ตามจำนวนที่คำนวณได้ เท่านี้ก็สามารถมั่นใจได้ว่าระบบเสียงเรียกในของบ้านนกแอ่นท่านสมบูรณ์
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์





Wednesday, May 28, 2008

เครื่องเสียงสำหรับบ้านนกแอ่น

การทำบ้านนกแอ่นเสียงเรียกนกแอ่นทั้งเสียงเรียกนอก(Swiftlet External Chirp) และ เสียงเรียกใน(Swiftlet Internal Chirp) เป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ เมื่อสร้างบ้านนกแอ่นหรือดัดแปลงอาคารบ้านเรือนเป็นบ้านนกแอ่นเสร็จเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องมีเสียงเรียกนกแอ่นเพื่อดึงดูดให้นกแอ่นเข้ามาสำรวจและเข้าอยู่อาศัย เครื่องเสียงจึงเข้ามามีบทบาทในการทำหน้าที่เปิดเสียงเรียกนกแอ่น เครื่องเสียงมีหลากหลายจะเลือกซื้ออย่างไรจึงประหยัดได้คุณภาพ และ ทนทาน

เครื่องเสียงประกอบด้วยเครื่องแอมป์(Amplifier) และเครื่องเล่นCD หรือ DVD หรือ เครื่องเล่นที่สามารถอ่าน Multimedia Card (MMC) หรือ MP3 หรือเครื่องเล่นที่อ่าน Hard Disc ได้ เครื่องแอมป์(Amplifier) ควรเลือกซื้อตัวที่ Watts สูงๆเพราะต้องใช้ขับลำโพง Tweeter จำนวนมาก เลือกซื้อเครื่องที่ใช้งานหนักได้ ซื้อเครื่องที่ผลิตในเมืองไทยดีที่สุด ไม่แพง อะหลั่ยหาง่าย ส่วนเครื่องเสียงควรเลือกซื้อรุ่นใหม่ๆที่มีช่องเสียบ USB (USB Port) การเปิดเสียงเรียกนกแอ่นด้วยแผ่น CD นั้น เครื่องจะร้อนง่ายเพราะต้องใช้จานหมุนแผ่น และต้องใช้สายพาน สายพานเสื่อมเร็ว ทำให้เสียงที่ออกไม่เสถียร สู้อ่านจาก Card หรือ Thumb Drive รุ่นใหม่ๆไม่ได้ ท่านลองตรวจสอบราคาดูและคุยกับเจ้าของร้านที่สนิทสนม หรือสอบถามจากเพื่อนๆที่มีความรู้เรื่องเครื่องเสียง
การใช้งานเครื่องเสียงควรแยกเป็น 2 ชุด เสียงเรียกนอก 1 ชุด เสียงเรียกใน 1 ชุด และเนื่องจากบ้านนกแอ่นจะเปิดเสียงเรียกนอกตั้งแต่เช้า 6.00 น. จนถึงค่ำ 19.30 น. ส่วนเสียงเรียกในจะเปิดตลอด 24 ชั่งโมง เครื่องเสียงจึงทำงานหนักมาก คำแนะนำคือ ควรมีเครื่องเสียง 2 ชุด สำหรับเสียงเรียกนอก และ 2 ชุด สำหรับเสียงเรียกใน ใช้สลับกันเครื่องละ 2 ชั่วโมง โดยใช้ Digital Timer เป็นตัวปิด-เปิด
ภาพข้างบนทั้ง 3 ภาพ คือตัวอย่างของชุดเครื่องเสียงที่ราคาประหยัด ให้คุณภาพของเสียงที่ดี สามารถเรียกนกแอ่นเข้าอาศัยนับพันตัวใน 6 เดือน ผมใช้อยู่ที่บ้านนกแอ่นของผม ภาพบนสุดจะเห็นช่องเสียบ Thumb Drive (USB Port) มี Thumb Drive สีเขียวเสียบอยู่ ไฟล์เสียงใน Thumb Drive จะเป็นไฟล์ MP3 ทำให้สามารถบันทึกไฟล์เสียงเรียกนกแอ่นได้ครบ 24 ไฟล์ เปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไฟล์ในแผ่น CD จะมีข้อมูลประมาณ 650 MB เปิดได้ 1 ชั่วโมงพอดี เมื่อแปลงเป็นไฟล์ MP3 จะเหลือประมาณ 53 MB เปิดได้ 1 ชั่วโมงเช่นกัน ดังนั้น Thumb Drive 1 GB จึงบันทึกได้ครบ 24 ไฟล์
นกแอ่นเป็นนกที่หูดีมาก ดังนั้นท่านจึงต้องให้เกียรติกับหูนกแอ่นด้วย นกแอ่น 1 คู่ มีมูลค่ามากสำหรับท่าน ให้ผลผลิตรังนกแอ่นกับท่านตลอดเวลาที่อยู่ในบ้านนกแอ่นของท่าน ใช้เครื่องเสียงที่ไม่รื่นหูเลย ไม่ดูถูกน้ำใจกันไปหน่อยหรือ ประหยัดอย่างไรก็ต้องให้เสียงออกมาเยี่ยม ขอให้ทุกท่านโชคดีในการเลือกซื้อเครื่องเสียง
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์






Sunday, May 25, 2008

การเซาะร่องบนไม้ตีรัง


มีผู้สนใจการทำบ้านนกแอ่นหลายๆท่านถามเรื่องการเซาะร่องบนไม้ตีรังว่าเซาะร่องอย่างไร? เซาะร่องขนาดไหน? เซาะกี่ร่องถึงจะดี? ร่องห่างเท่าไร? ก็เป็นธรรมดาสำหรับท่านที่ไม่ใช่ช่าง ยิ่งไม่เคยเห็นสภาพภายในบ้านนกแอ่นยิ่งคิดไม่ออก การเซาะร่องบนไม้ตีรังก็เพื่อให้นกแอ่นสามารถใช้อุ้งเล็บเกาะได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้กำลังมากเหมือนการใช้ปลายเล็บแหลมกดเกาะลงบนแผ่นไม้ตีรังเรียบๆ ทำให้นกแอ่นตั้งคิ้วทำรังได้สะดวกและเร็วขึ้น

การเซาะร่องที่ง่ายและเร็วคือการใช้เลื่อยตัดไม้ไฟฟ้าที่ใช้ใบตัดแบบแผ่นกลม ใช้แผ่นเลื่อยหนา 2 มิลฯก็พอ ร่องจะได้ไม่ใหญ่มาก ตั้งความลึกของร่อง 2 มิลฯ จะเซาะกี่ร่องก็ได้ตามใจชอบ 3 ร่อง 5 ร่อง 7 ร่อง หรือ 10 ร่อง ความห่างของร่อง 1 นิ้ว หรือครึ่งนิ้วก็ขึ้นอยู่กับจำนวนร่องที่ท่านจะเซาะ และความกว้างของไม้ตีรังที่ท่านเลือกใช้

ภาพข้างบนคือตัวอย่างของการเซาะร่องบนไม้ตีรังหน้ากว้าง 6 นิ้ว เซาะเพียง 3 ร่อง ห่างกันร่องละ 1 นิ้ว เซาะทั้ง 2 ด้าน

ยังไม่มีการยืนยันจากผู้มีประสบการณ์ในการทำบ้านนกแอ่นว่า การเซาะร่องบนไม้ตีรังนั้นเซาะกี่ร่องถึงจะดีที่สุด ในหนังสือหลายๆเล่มก็ไม่ให้รายละเอียดเรื่องการเซาะร่องบนไม่ตีรัง มีให้เห็นบ้างจากภาพตามเว็บนกแอ่นต่างๆ แต่ละบ้านก็เซาะร่องไม่เหมือนกัน ถ้ายึดตามหนังสือ "Make Millions From Swiftlet Farming" ของ Dr. Christopher Lim เซาะร่องหลายๆร่องไว้ก่อนดีกว่า บ้านนกแอ่นของท่านใช้ไม้หน้ากว้าง 8 นิ้ว เซาะร่อง 15 ร่อง(ภาพบนที่มีนกแอ่น)

การเซาะร่องบนไม้ตีรังก็ขอให้ท่านที่กำลังจะทำบ้านนกแอ่นคิดเอาเองว่าจะเซาะกี่ร่อง ถ้าคิดไม่ออกก็เลือกเลขที่ท่านชอบ เลขที่ท่านคิดว่าสวยก็ได้

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, May 24, 2008

การตีไม้รัง

บ้านนกแอ่นที่มีการจัดการที่ดี จะมีรูปแบบการตีไม้รังมากกว่า 1 แบบ หรือหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดช่องทางเข้า-ออกของบ้านนกแอ่น ช่องทางเข้า-ออกของบ้านนกแอ่นจะมีทั้งแสงสว่างและลมซึ่งสามารถเข้าสู่ภายในบ้านนกแอ่นได้ ช่องทางเข้า-ออกของบ้านนกแอ่น ก็จะเป็นตัวกำหนดเส้นทางการบินของนกแอ่นเข้าสู่ภายในบ้านนกแอ่น

การตีไม้รังให้ได้ผลหรือมีประสิทธิภาพ จะใช้ไม้แผ่นหนา 1 - 1.5 นิ้ว กว้าง 6 -8 นิ้ว โดยการตีไม้รังจะมี 2 ลักษณะคือ:-
-1. การตีไม้รังขนานไปกับทิศทางของแสงสว่างที่เข้าสู่ภายในบ้านนกแอ่น ขอเรียกว่า "ไม้แนว" หรือไม้รังที่ตีตามแนวบินของนกแอ่น
-2. การตีไม้รังขวางทิศทางของแสงสว่างที่เข้าสู่ภายในบ้านนกแอ่น ขอเรียกว่า "ไม้ขวาง" หรือไม้รังที่ตีตามแนวขวาง ขวางแนวบินของนกแอ่น

ระยะห่างของ "ไม้แนว" ไม่ควรต่ำกว่า 50 เซนติเมตร และไม่ควรเกิน 100 เซนติเมตร
ระยะห่างของ "ไม้ขวาง" ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร

การตีไม้รังที่ถูกต้องจึงออกมาในรูปของกล่องหรือตาราง โดยมีขนาด 30 x 50 เซนติเมตร หรือ ขนาด 30 x 100 เซนติเมตรให้เลือกใช้ ขนาด 30 x 50 เซนติเมตรป้องกันแสงสว่างและลมได้ดีแต่นกแอ่นบินเข้าเกาะยาก ขนาด 30 x 100 เซนติเมตร นกแอ่นบินเข้าเกาะได้ง่าย บ้านนกแอ่นส่วนใหญ่จึงใช้ขนาด 30 x 100 เซนติเมตร การตีไม้รังที่ดีและถูกต้องจึงควรตี "ไม้ขวาง" มากกว่า "ไม้แนว" (ดูตารางการตีไม้รังจากภาพข้างบนประกอบเพื่อความเข้าใจ)

การตีไม้รังจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับท่านหากท่านเข้าใจเรื่องวงบินของนกแอ่น การจะกำหนดให้บริเวณใดควรมี "ไม้แนว" หรือ "ไม้ขวาง" จึงขึ้นอยู่กับความเข้าใจของท่านในเรื่องวงบินของนกแอ่น แต่ท่านไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้จนเกินไป นกแอ่นจะพยายามปรับตัวเข้ากับสภาพภายในบ้านนกแอ่น ขอเพียงให้ท่านเน้นเรื่องการมีพื้นที่เกาะและทำรังอย่างเพียงพอ ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสม ใช้เสียงเรียกที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, May 20, 2008

ประวัติการพัฒนาการไม้ตีรังในบ้านนกแอ่น

ไม้ตีรังที่ติดอยู่บนเพดานในบ้านนกแอ่นปัจจุบันมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับไม้ที่นกแอ่นเกาะและทำรังในบ้านเรือนของชาวบ้านยุคก่อนๆ ความแตกต่างมีทั้งจากชนิดของไม้และขนาดของไม้ที่ใช้ เพื่อความเข้าใจเรื่องไม้ตีรัง จึงควรศึกษาประวัติการพัฒนาการของไม้ตีรังว่ามีความเป็นมาอย่างไร

บ้านนกแอ่นยุคแรกๆได้ถูกพบพ้องกันหรือตรงกันกับการที่เราได้รับรู้ว่า นกแอ่นเป็นนกป่านกทะเลอาศัยอยู่ในถ้ำธรรมชาติตามเกาะแก่งต่างๆกลางทะเล หรือถ้ำบนผืนป่า หน้าผาใกล้ชายฝั่งทะเล ทำรังกระจัดกระจายบนผนังถ้ำ เพราะผนังถ้ำมีความแข็ง นกแอ่นจึงไม่สามารถเกาะได้ง่ายๆเพื่อทำรังทั่วทุกพื้นที่บนผนังถ้ำ ไม่มีส่วนที่เป็นไม้ภายในถ้ำซึ่งนกแอ่นสามารถเกาะและทำรังได้ง่ายกว่า เมื่อภายในถ้ำเกิดความแออัดจากการเพิ่มของประชากรนกแอ่น
หรืออุปสรรคอื่นๆ ทำให้นกแอ่นกลุ่มแรกๆได้อพยพจากถ้ำนกแอ่นสู่บ้านเรือนของชาวบ้านเพื่อทำรัง

อุปสรรคและเงื่อนไขต่างๆที่ทำให้นกแอ่นบางส่วนอพยพจากถ้ำสู่บ้านเรือนของชาวบ้านมีดังนี้:-
-1. ภัยพิบัติ น้ำท่วม ดินถล่ม และสิ่งอื่นๆ เช่น ปากถ้ำถูกพืชไม้เลื้อยเจริญงอกงามปกคลุม ทำให้ถ้ำนกแอ่นเกิดความไม่สะดวกสบายที่จะอยู่ต่อไป
-2. มีศัตรูรบกวนจำนวนมาก เช่น หนู งู แมลงสาป ตัวไร นกเหยี่ยว นกแสก พวกเก็บรังนก
-3. ถ้ำนกแอ่นเริ่มห่างจากแหล่งอาหารเกินไป นกแอ่นจะอพยพไปอยู่ใกล้แหล่งอาหาร ปกตินกแอ่นจะออกหากินในรัศมี 25 กิโลเมตรจากถิ่นที่อยู่อาศัย ถ้าหากต้องบินไกลกว่า 25 กิโลเมตรจากถิ่นที่อยู่อาศัย นกแอ่นจะอพยพไปหาที่อยู่ใหม่ใกล้แหล่งอาหาร เช่น นาข้าว ทุ่งหญ้า แม่น้ำ พื้นที่เพราะปลูก ป่าไม้ สุมทุมพุ่มไม้ ป่าชายเลน
-4. ภายในถ้ำนกแอ่นเกิดความแออัด ทำให้ลูกนกแอ่นที่เกิดใหม่ไม่สามารถหาที่ทำรังได้

ด้วยอุปสรรคและเงื่อนไขต่างๆดังกล่าว และเพราะว่ามีบ้านเรือนของชาวบ้านที่มีความเหมาะสมทั้งอุณหภูมิ ความชื้น ความมืด และความปลอดภัย นกแอ่นอพยพเหล่านี้จึงเริ่มทำรังในบ้านเรือนของชาวบ้าน เช่น บ้านร้าง โรงงานร้าง โกดังเก็บของร้าง

บ้านเรือนและตึกที่นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยคือบ้านเรือนและตึกที่มีเงื่อนไขคล้ายกับถ้ำนกแอ่น เช่น ตึกเก่าที่ก่อด้วยอิฐ ประตูและหน้าต่างถูกปิดทิ้งร้างเป็นเวลานาน ทำให้อุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านคงที่ ตรงกันข้าม บางบ้านเรือนและบางตึกที่ทิ้งร้างมานาน แต่อุณหภูมิและความชื้นไม่เหมาะสม นกแอ่นก็ไม่เข้าอยู่อาศัย เราจึงเห็นนกแอ่นเลือกเข้าเป็นบางบ้านบางตึกเท่านั้น จึงเป็นที่มาของเรื่องความเชื่อเรื่องบุญวาสนา

การพัฒนาการของไม้ตีรัง:-

-1. แรกๆนกแอ่นจะทำรังบนกำแพงก่อน ซึ่งมีความคล้ายผนังถ้ำมากกว่าบนไม้
-2. บ้านเรือนเก่ามีมุมที่ซ้อนเร้น มีไม้ระแนงใต้หลังคา มีโครงไม้เพดาน นกแอ่นใช้อุ้งเล็บเกาะบนไม้ได้ง่ายกว่าบนกำแพง รังนกเกาะบนไม้ได้ดีกว่าบนกำแพง บ้านเรือนเก่าส่วนใหญ่ใช้ไม้สัก ดังนั้นผู้คนในยุคนั้นจึงเชื่อว่านกแอ่นชอบทำรังบนไม้สัก
-3. บ้านนกแอ่นในยุคนั้นผลิตรังนกแอ่นได้เท่าที่มีพื้นที่ของไม้ระแนง ไม้โครงพื้นโครงเพดานให้เกาะทำรัง รวมทั้งฝาผนังกำแพง เจ้าของบ้านยังไม่เคยคิดจะจัดการหรือทำพื้นที่เกาะทำรังเพิ่ม รู้จักแต่เก็บรังนกแอ่นขายอย่างเดียว
-4. บ้านเรือนเก่าบางหลังปล่อยทิ้งร้างจนไม้พุ ไม่ได้ซ่อมแซม จึงได้รังนกแอ่นน้อย
-5. เจ้าของบ้านเรือนเก่าเริ่มตระหนัก อยากได้รังนกแอ่นเพิ่มมากขึ้น เริ่มสังเกตุการใช้ไม้ชนิดต่างๆแทนไม้ที่พุ ใช้ไม้แผ่นแทนไม้ระแนง ปรากฎว่านกแอ่นทำรังบนไม้ที่ตีให้ใหม่ ไม้สักก็ยังคงใช้อยู่บ้างเพราะทนทานดีไม่พุง่าย แต่เจ้าของบ้านไม่ค่อยชอบใจ ไม้สักราคาแพงและหายาก
-6. หลังจากให้ความสนใจเรื่องไม้ตีรังจนพบว่า นกแอ่นชอบไม้ที่มีใย ไม่มีกลิ่น ไม่สกปรก ไม่ขึ้นรา กบบางๆพอขุยไม้ออกไม่ต้องให้เรียบจนลื่นมือ ไม่จำเป็นต้องไม้สักอีกต่อไป ไม้อื่นๆก็ได้ ให้เป็นไม้ที่แข็งกลาง ไม่มีกลิ่น มีใยบ้างยิ่งดี
-7. โดยการทดสอบเพื่อเพิ่มผลผลิตรังนกแอ่นและคุณภาพของรังนกแอ่น พบว่านกแอ่นชอบไม้ชนิดใหม่ ไม้ชนิดนี้สามารถดึงดูดให้นกแอ่นทำรังภายใน 4-5 สัปดาห์ และรังนกแอ่นสามารถเก็บเกี่ยวได้ง่าย ไม้ชนิดนี้คือ SWO-2 หรือไม้ "สยาหิน" นั่นเอง ไม้ชนิดนี้ไม่มีกลิ่น เบา และแข็งกลาง มีการเซาะร่องหลายๆร่องบนแผ่นไม้ เพื่อให้นกแอ่นเกาะและตั้งคิ้วทำรังได้ง่ายขึ้น
-8. ไม้ SWO-2 หรือ ไม้สยาหิน หลายๆขนาด ทั้งความกว้าง ความหนา ได้ถูกทดลองใช้เพื่อให้สามารถผลิตรังนกแอ่นเพิ่มขึ้น
-8.1. ไม้หนา 2-3 เซนติเมตร สามารถตีตะปูได้ง่าย ยึดกับเพดานได้มั่นคง นกแอ่นรู้สึกปลอดภัย
-8.2. ไม้กว้าง 15, 20, 30 เซนติเมตร สามารถบังแสงและลมได้ดี

จากการประมวลการพัฒนาการของไม้ตีรัง จนถึงการใช้ไม้ SWO-2 หรือไม้สยาหิน ทั้งความหนาและความกว้างของไม้ มีความเกี่ยวพัน 2 หน้าที่คือ
- ถ้าตีไม้รังขนาด 30 x 100 เซนติเมตร ควรใช้ไม้หน้ากว้าง 15-20 เซนติเมตร
- ถ้าตีไม้รังขนาดใหญ่กว่า 30 x 100 เซนติเมตร ควรใช้ไม้หน้ากว้าง 20-30 เซนติเมตร

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Sunday, May 18, 2008

เปิดใจผู้เขียนอีกครั้ง

ผมทำBlog./Website นี้ ใช้ชื่อ Swiftlet Lover แปลว่า "ผู้รักนกแอ่น" เพราะอยากแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านอื่นๆด้วย ไม่ได้รู้ทั้งหมดทุกเรื่องเกี่ยวกับนกแอ่น แต่ตั้งใจที่จะค้นหาความรู้ อยากได้เพื่อนที่ชอบนกแอ่นเหมือนผม เราจะเลี้ยงนกแอ่นเราก็ต้องรักเขาด้วย รักด้วยใจที่ผูกพัน

เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ที่ Blog. ของผมทำให้ทั้งคุณBon และคุณKom ได้แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องตัวไรรบกวน ผมดีใจจริงๆที่เหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นที่ Blog. ของผม ผมอยากให้ท่านอื่นๆได้ใช้ประโยชน์จากBlog. ของผมด้วย ตั้งแต่ทำ Blog.มาผมไม่เหงาเลย เพราะมีเพื่อนใหม่โทรฯมาคุยเกือบทุกวัน ไม่ได้นั่งเหงาอยู่คนเดียวเหมือนรูปข้างบน ดีใจมากๆ

ขณะนี้ผมได้เพิ่มเรื่องท่องเที่ยวจังหวัดยะลาเข้ามาใน Blog. อยากให้ท่านได้รู้จักเมืองยะลาบ้าง ผมในฐานะคนยะลาและอดีตเคยเป็นนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดยะลา 3 สมัย(6 ปี) จึงขอใช้ Blog. นี้ประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลาด้วย หากท่านสนใจอยากมาเที่ยวยะลา ท่านอาจจะได้ดูบ้านนกแอ่นของผมเป็นของแถมด้วยก็ได้ มาคุยเรื่องนกแอ่นด้วยก็ได้

ส่วนเรื่องนกแอ่นจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้เขียน ผมเองมีเวลาว่างน้อยจริงๆ หากท่านสนใจเรื่องใดเกี่ยวกับนกแอ่นที่ยังไม่ได้เขียนถึงก็แจ้งเข้ามาได้ จะเขียนเรื่องที่ท่านอยากจะรู้ก่อนก็ได้ เอาใจผู้สนใจทุกท่านครับ โปรดอย่าได้เกรงใจขอให้โทรฯหรือ Post ใน C Box ช่องแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ! ก็ได้ ยินดีต้อนรับทุกท่านเสมอ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, May 17, 2008

ตัวไรในบ้านนกแอ่นกำจัดอย่างไร? (Bird Bug)

ธรรมชาติของสัตว์ทุกชนิดจะมีศัตรูคอยรบกวน นกแอ่นก็เหมือนนกชนิดอื่นๆที่มีตัวไร (Bird Bug) คอยรบกวน บ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุดแล้ว มีนกแอ่นเป็นจำนวนมาก ก็ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องประสบปัญหาเรื่องตัวไร เวลาท่านเข้าบ้านนกแอ่นเพื่อเก็บรังนกแอ่นก็อาจจะโดนตัวไรเกาะและกัดกินเลือดได้ ตัวไรจะซ่อนตัวอยู่ตามร่องไม้หรือร่องรอยแตกของไม้ จะออกมากัดกินเลือดลูกนกแอ่น ทำให้ลูกนกแอ่นไม่แข็งแรง ผอม และอาจตายได้ บางตัวอาจตายอยู่บนรัง บางตัวที่รอดแต่ไม่แข็งแรง เมื่อหัดบินก็ไม่คล่องแคล่วว่องไวอาจเป็นเหยื่อของศัตรู เช่น นกเหยี่ยว นกแสกได้

ถ้าหากบ้านนกแอ่นหลังใดประสบปัญหาเรื่องตัวไร มีตัวไรมาก นกแอ่นก็อยู่ไมมีความสุข มีผลต่อคุณภาพของรังนกแอ่น มีผลต่อการเพิ่มของประชากรนกแอ่น ดังนั้นตอนที่ท่านเริ่มทำบ้านนกแอ่น ตอนตีไม้รังท่านจึงควรให้ช่างตีไม้รังให้แนบสนิทกันมากที่สุด ถ้ามีร่องหรือรอยแตกก็ให้อุดให้ยาให้สนิทเพื่อไม่ให้ตัวไรมีที่หลบอาศัยมากนัก

การแก้ปัญหาเรื่องตัวไรก็ต้องใช้น้ำยาฉีดพ่นบริเวณไม้ตีรัง ตามร่องไม้รอยแตก ควรทำทุกๆ 3 เดือน หรือหลังเก็บรังนกแอ่นทุกครั้ง น้ำยามีขายหลายบริษัท แต่ควรเลือกจากแหล่งที่ทำน้ำยาฆ่าตัวไรสำหรับบ้านนกแอ่นโดยเฉพาะ เรื่องตัวไรฟังดูอาจน่ากลัว เหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ บางบ้านประสบปัญหาแล้วไม่แก้ไขจะมีผลกระทบต่อนกแอ่น

ตัวไรจะมีขนาดเล็กมาก ออกจากไข่ใหม่ๆจะมีสีขาว แก่ตัวหน่อยจะมีสีน้ำตาลอ่อนหรือสีส้ม เมื่อกัดและดูดเลือดลำตัวจะแดงขึ้น ขณะกัดจะไม่รู้สึกเจ็บ จะรู้สึกตอนเริ่มคัน แผลถูกกัดจะคล้ายแผลถูกยุงและแมลงอื่นๆกัด

มีปัญหาเรื่องตัวไรในบ้านนกแอ่น คิดไม่ออกไม่รู้จะถามใคร โทรฯมาคุยมาถามได้นะครับจะแนะนำแหล่งที่ซื้อน้ำยาให้

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Thursday, May 15, 2008

นกแสกเข้าบ้านนกแอ่นอะไรจะเกิดขึ้น?


การทำบ้านนกแอ่นนั้น นอกจากต้องดูแลระบบต่างๆภายในบ้านนกแอ่นแล้ว ยังต้องดูถึงสิ่งที่อยู่ภายนอกด้วย เนื่องจากบางพื้นที่มีนกนักล่าที่ชอบจับนกตัวเล็กกว่ากินเป็นอาหาร เช่น นกแสก นกเหยี่ยว หากบ้านนกแอ่นหลังใดถูกนกแสกรบกวน นกแอ่นก็อยู่ไม่สบาย อาจถึงต้องย้ายหนีไปหาที่อยู่ใหม่ได้ ดังนั้นท่านเจ้าของบ้านนกแอ่นจึงควรใส่ใจ หมั่นเฝ้าดูแลว่ามีนกแสกมารบกวนหรือไม่ นกแสกจะออกหากินตอนกลางคืน เสียงนกแอ่นเองจะเป็นตัวนำนกแสกมาถึงรัง เป็นไปตามวิถีธรรมชาติ
การป้องกันนกแสกโดยทั่วๆไปส่วนใหญ่จะใช้การติดไฟดวงใหญ่ตรงปากช่องทางเข้า-ออก เริ่มเปิดไฟตอนค่ำหลังจากนกแอ่นกลับเข้าบ้านนกแอ่นหมดแล้ว นกแสกไม่ชอบแสงสว่างจึงป้องกันได้ระดับหนึ่ง
ปัจจุบันมีบ้านนกแอ่นที่ถูกนกแสกรบกวน ได้ทดลองทำโครงเหล็กแบบในภาพข้างบน นกแอ่นสามารถบินผ่านเข้า-ออกได้ แต่นกแสกตัวใหญ่กว่าไม่สามารถบินเข้าได้ ท่านสามารถนำรูปแบบดังกล่าวไปดัดแปลงทำให้ดีกว่านี้ อาจจะมีระบบกลไกไฟฟ้าปิด-เปิดด้วยก็ได้ ขนาดความห่างของช่องแถว 15 เซนติเมตร นกแอ่นสามารถบินผ่านได้ ท่านรองทำใช้ดู ได้ผลอย่างไรแจ้งให้ทราบด้วย จะได้นำมาเสนอใน Blog. ต่อไป
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์



Tuesday, May 13, 2008

การใช้ขี้นกแอ่นโรยในบ้านนกแอ่นใหม่

การทำบ้านนกแอ่นใหม่มีหลายๆปัจจัยที่ท่านต้องพยายามทำให้ได้ตามเงื่อนไข หากท่านนึกถึงสภาพภายในถ้ำนกแอ่น หรือ บ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุด สิ่งแรกที่ท่านสามารถสัมผัสได้คือกลิ่นขี้นกแอ่น ความรู้สึกของท่านคือเหม็น สำหรับนกแอ่นกลิ่นขี้นกแอ่นคือกลิ่นของความคุ้นเคย คือกลิ่นของถิ่นที่อยู่อาศัย ลูกนกแอ่นฟักออกจากเปลือกไข่วันแรก ตายังปิดมองอะไรไม่เห็น แต่จมูกจะสามารถสัมผัสได้กับกลิ่น และกลิ่นแรกที่ลูกนกแอ่นสัมผัสได้คือกลิ่นขี้นกแอ่นภายในถิ่นที่อยู่อาศัย จะสัมผัสกับกลิ่นนี้ไปตลอดจนกว่าจะโตและบินได้ เมื่อบินออกสู่โลกภายนอกจึงจะสัมผัสกลิ่นอื่นๆ

การทำบ้านนกแอ่นใหม่ หากท่านสามารถหาขี้นกแอ่นมาโรยตามพื้นให้ทั่วภายในบ้านนกแอ่น จะเป็นการช่วยกลบกลิ่นของซีเมนท์ กลิ่นสี กลิ่นเชื่อมโลหะ ฯลฯ สร้างกลิ่นที่นกแอ่นคุ้นเคยที่สุดให้กับบ้านนกแอ่นใหม่ ทำให้นกแอ่นตัดสินใจเข้าอยู่อาศัยได้เร็วขึ้น

ผมเคยมีประสบการณ์เรื่องขอซื้อขี้นกแอ่นจากคนที่รู้จักซึ่งอยู่คนละจังหวัด เพื่อนำมาโรยในบ้านนกแอ่นของผม ก่อนเริ่มเปิดเสียงเรียกนกวันแรก ได้ถูกปฎิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย "โอ้ย! ไม่มีใครเขาขายให้หรอก เดียวมาทำแข่งกับเขา" จะสั่งซื้อจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ก็นึกอายเขา อะไรกัน ประเทศไทยมีบ้านนกแอ่นตั้งมากมาย หาซื้อขี้นกแอ่นยังต้องซื้อจากต่างประเทศ เลยตัดสินใจไม่โรยขี้นกแอ่น ทุกวันนี้นกแอ่นเข้าอยู่แล้วกว่าพันตัว ได้รังนกแอ่นกว่า 300 รัง ใน 6 เดือน โดยไม่ได้โรยขี้นกแอ่น

ที่เขียนเรื่องนี้ไม่ได้แนะนำให้ท่านทำตามผม แต่อยากแนะนำให้ท่านใช้ขี้นกแอ่นโรยตอนทำบ้านนกแอ่นใหม่ๆ เพื่อให้องค์ประกอบของการทำบ้านนกแอ่นใหม่ครบถ้วน เร่งให้นกแอ่นตัดสินใจเข้าอยู่อาศัยเร็วขึ้น หากท่านหาขี้นกแอ่นไม่ได้ให้บอกผม ผมจะรีบส่งไปให้ ให้ฟรี ไม่อยากให้ท่านเจอคนขี้เหนียวเหมือนที่ผมเจอ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, May 10, 2008

รังนกแอ่นแท้VS.รังนกแอ่นปลอม


เนื่องจากความต้องการบริโภครังนกแอ่นมีสูงมาก และราคารังนกแอ่นก็สูงมากตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้จึงมีรังนกแอ่นปลอมผลิตออกมาจำหน่าย ผู้บริโภคทั่วๆไปที่ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องความแตกต่างของรังนกแอ่นแท้และรังนกแอ่นปลอม ย่อมถูกหลอกได้ รังนกแอ่นปลอมมีความคล้ายคลึงรังนกแอ่นแท้มาก จนผู้บริโภคทั่วไปไม่สามารถแยกได้ว่า อันไหนรังนกแอ่นแท้ อันไหนรังนกแอ่นปลอม

รังนกแอ่นปลอมส่วนใหญ่ทำมาจากยาง "คารายา" เป็นยางจากต้นสุพรรณกา (Sterculia Urens) มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย โดยยาง "คารายา"มีสีขาว สีเหลืองอมชมพูจนถึงสีน้ำตาลเข้ม กลิ่นคล้ายน้ำส้มสายชู รูปร่างไม่แน่นอน ไม่ละลายน้ำ แต่ดูดซับน้ำและพองตัวคล้ายรังนก โดยยางชนิดนี้ใช้ในอาหารได้ปลอดภัย และยังใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น การทำฟัน ยา อาหาร สิ่งทอ และ กระดาษ

จากการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ โดยใช้วิธีการทางเคมีและเทคนิคอินฟราเรดสเปคโทรสโคปิ สามารถบอกได้ว่ารังนกแอ่นแท้ที่เก็บจากการทำรังของนกแอ่น มีส่วนประกอบหลักเป็นโปรตีนสูงกว่า 50% และมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 22% ขณะที่รังนกแอ่นปลอมจะมีโปรตีนเพียง 2% แต่จะมีคาร์โบไฮเดรตสูงกว่า 70% นอกจากนั้นรังนกแอ่นแท้ทุกชนิดจะมีรูปแบบลายพิมพ์อินฟราเรดสเปคตรัมและส่วนประกอบของกรดอะมิโน เอซิด ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากวัตถุชนิดอื่นชัดเจน โดยเฉพาะรังนกแอ่นปลอมที่ทำมาจากยาง "คารายา"

รังนกแอ่นแท้เมื่อเวลาตุ๋นจะมีกลิ่นคาวน้ำลายนกแอ่น แต่รังนกแอ่นปลอมที่ทำจากยาง"คารายา" เมื่อเวลาตุ๋นจะไม่ได้กลิ่นคาวน้ำลายนกแอ่น ความอร่อยก็ต่างกันมาก ความข้นก็จะต่างกัน รังนกแอ่นแท้จะมีความเป็นเส้นเห็นได้ชัดเจน ขณะที่รังนกแอ่นปลอมที่ทำจากยาง "คารายา" จะมีความเป็นก้อนเป็นแผ่นเล็กๆคล้ายวุ้น ถ้าท่านเคยทำความสะอาดรังนกแอ่นเอง ท่านจะสามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน
รังนกแอ่นปลอมที่ทำจากยาง "คารายา" มักจะทำเป็นรังนกแอ่นสำเร็จรูปพร้อมดื่ม ทำให้ผู้บริโภคไม่ได้ใส่ใจในเรื่องของแท้หรือของปลอม เห็นว่าสะดวกที่จะซื้อและราคาไม่แพง บรรจุในขวดเรียบร้อยดูสะอาด จึงมีผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ซื้อรับประทานอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ ดังนั้นก่อนซื้อจึงควรตรวจดูว่าบนขวดบรรจุภัณฑ์มีฉลากระบุผู้ผลิตผู้จำหน่ายและมีเครื่องหมาย "อย." หรือไม่
การซื้อรังนกแอ่นแห้งที่ทำความสะอาดแล้วควรซื้อจากร้านที่ค้าเป็นอาชีพเชื่อถือได้ หรือถ้าเป็นรังนกแอ่นที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด ขอแบ่งซื้อจากเจ้าของบ้านนกแอ่น ถ้าซื้อมาเพื่อรับประทานเองไม่จำเป็นต้องซื้อเกรด A ซื้อเกรดรองๆลงมาก็ได้ ราคาจะถูกกว่าคุณภาพเหมือนกัน
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์


Friday, May 9, 2008

ทำรายได้ 400 ล้าน/ปีที่สุราษฎร์ธานี

ประธานโครงการผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดย่อม(คพอ.) สุราษฎร์ธานี นายประชุม เจนเจริญวงศ์ เปิดเผยว่า มีคอนโดฯเลี้ยงนกแอ่นประมาณ 100 แห่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นของในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 30 แห่ง และในต่างอำเภออีกประมาณ 70 แห่ง ปัจจุบันรังนกแอ่นที่เก็บจากบ้านนกแอ่นแบบคอนโดฯสามารถทำรายได้ให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีถึงปีละ 400 ล้านบาท

นายประชุม เจนเจริญวงศ์ยังกล่าวว่า การเลี้ยงนกแอ่นเป็นธุรกิจที่ควรพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมท้องถิ่น และควรสร้างความไว้วางใจต่อผู้บริโภคเรื่องความสะอาด การดูแลนกแอ่น ให้เป็นระบบฟาร์มที่ถูกต้อง

ผมเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง อยากให้ทุกจังหวัดที่สามารถทำการเลี้ยงนกแอ่นในลักษณะบ้านนกแอ่นแบบฟาร์มส่งเสริมให้เป็นอุตสาหกรรมท้องถิ่น ให้มีรายได้เข้ามาในท้องถิ่นจำนวนมากๆ ส่วนข้อมูลความรู้ในเรื่องการทำบ้านนกแอ่นนั้น ผู้ที่มีประสบการณ์ควรถ่ายทอดความรู้เป็นวิทยาทานให้ผู้ที่สนใจการทำบ้านนกแอ่นได้รับรู้บ้าง ช่วยกันทำเพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรังนกแอ่นอันดับหนึ่งให้ได้

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Wednesday, May 7, 2008

โลกร้อนทำแมลงเขตร้อนสูญพันธุ์

ทีมนักวิทยาศาสตร์สหรัฐอเมริการะบุไว้ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ "โปรซีดิ่ง ออฟ เดอะ เนชั่นแนล อะคาเดมี ออฟ ไซน์ซ" ฉบับวันที่ 6 พฤษภาคม 2008 ว่า แมลงหลายชนิดในพื้นที่เขตร้อนอาจสูญพันธุ์ไปภายในศตวรรษนี้ เพราะไม่สามารถปรับเข้ากับอุณหภูมิที่สูงขึ้นสืบเนื่องจากภาวะโลกร้อนได้ ทั้งนี้เนื่องจากบรรดาแมลงในเขตร้อนนี้มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากกว่า เมื่อเทียบกับแมลงในภูมิภาคอื่นๆ ทั้งนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ดังกล่าวดำเนินการศึกษาวิจัยพบว่า ระหว่างปี 2490 ถึง 2543 สิ่งมีชีวิตที่เป็นสัตว์เลือดเย็นไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้เหมือนอย่างสัตว์จำพวกเดียวกันในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาว ที่สามารถสลัดขนหรือเพิ่มความหนาของขนไปตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมากๆได้

นายโจชัว ทิวก์สบิวรี หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอชิงตันผู้ดำเนินการวิจัยดังกล่าว กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแมลงจำพวกนี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในระดับที่อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น 5.4 องศาเซลเซียสจากระดับอุณหภูมิในปัจจุบันเท่านั้น ระดับดังกล่าวเป็นระดับอุณหภูมิที่คาดว่าภาวะโลกร้อนจะทำให้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2100 นี้ ผลวิจัยชิ้นนี้ระบุด้วยว่า เมื่ออุณหภูมิโลกร้อนขึ้น แมลงบางจำพวกในเขตร้อนอาจใช้วิธีการอพยพขึ้นไปอยู่ที่สูงขึ้นซึ่งอุณหภูมิต่ำกว่า ย้ายถิ่นขึ้นไปทางเหนือมากขึ้น หรือค่อยวิวัฒนาการปรับร่างกายเข้ากับอากาศที่ร้อนขึ้น แต่จะมีแมลงอีกไม่น้อยที่ต้องตายไปเพราะสภาพร่างกายอ่อนแอลงอย่างรวดเร็วและไม่สามารถปรับร่างกายให้ทนทานได้อีกต่อไป (BBC)

หวังว่าภาวะโลกร้อนคงไม่ทำให้นกแอ่นอพยพไปอยู่ที่อื่น และแมลงที่นกแอ่นกินเป็นอาหารสามารถปรับตัวสู้ภาวะโลกร้อนได้

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, May 6, 2008

โรคนกแอ่น (Swiftlet Disease)

อาการของโรคชนิดนี้คือเวลาไปไหนมักจะมองท้องฟ้า รู้สึกผูกพันกับท้องฟ้ามาก ได้ยินเสียง คลิ๊ก คลิ๊ก แล้วเพราะมาก รีบมองหาที่มาของเสียง เงินบินอยู่ในอากาศมากมาย อยากจับมาไว้ในบ้านนกแอ่นของเราจังเลย

นอนตอนกลางคืนก็คิดถึงแต่นกแอ่น อยากมีบ้านนกแอ่นหลายๆหลัง ฝันเห็นรังนกแอ่นเต็มไปหมด ทำให้เป็นคนตื่นเช้าเพราะอยากดูนกแอ่นบินออกจากบ้านนกแอ่น ตอนเย็นก็ไม่อยากมีนัดกับใคร อยากกลับบ้านไปดูนกแอ่นบินกลับบ้าน นั่งนับนกแอ่นเพลินใจ

โทรศัพท์มือถือเสียงเรียกเข้าก็ต้อง MP3 เสียงเรียกนกแอ่น ฟังแล้วชื่นใจ สะท้านใจจริงๆ

วันๆก็เอาแต่อยู่หน้าคอมฯ เข้าแต่เว็บนกแอ่นหาข้อมูลตลอด คุยกับใครเรื่องอื่นก็ไม่สนุกเท่าเรื่องนกแอ่น

กินรังนกแอ่นทุกวัน ฟิตเปรียะ รวยก็ไม่กล้าบอกใคร

ถ้าอาการของท่านเป็นดังนี้ ท่านเป็นโรคนกแอ่นแน่นอน

ฮา ฮา ฮา

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์ (เป็นโรคนี้แล้วจ้า!)

Monday, May 5, 2008

การสร้างบ้านนกแอ่น(Construction of Swiftlet House)

การสร้างบ้านนกแอ่นในปัจจุบันต้องออกแบบให้ดีให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่จริงของนกแอ่น ให้เหมือนถ้ำที่นกแอ่นอยู่ตามเกาะต่างๆ บ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดคือบ้านที่สามารถสร้างได้ใกล้เคียงสภาพถ้ำนกแอ่นมากที่สุด ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซีย เรียกบ้านนกแอ่นว่า "Swiftlet House" หรือ "Swiftlet Farming" ลักษณะจริงๆก็คือการทำฟาร์มนั่นเอง แต่เนื่องจากนกแอ่นเป็นนกที่แตกต่างจากนกอื่นๆ คือ ไม่ยอมให้จำกัดบริเวณหรือถูกกักขัง ไม่ต้องให้อาหาร นกแอ่นจะออกหากินเองตามลักษณะธรรมชาติของนกแอ่น การเลี้ยงนกแอ่นจึงถือเป็นลักษณะของการทำฟาร์มแบบพิเศษ ทำที่ให้นกแอ่นเกาะพักเพื่อทำรังโดยใช้ไม้ตีรัง(Nesting Plank) ทำอุณหภูมิและความชื้นให้เหมือนในถ้ำนกแอ่น ดูแลอย่าให้มีศัตรูของนกแอ่นมารบกวน ทำความมืดให้เหมาะสม เปิดเสียงเรียกนกแอ่นให้ฟังดูเหมือนมีนกแอ่นอาศัยอยู่มากมาย เท่านี้ก็เรียกนกแอ่นให้เข้าอยู่ได้แล้ว

ในช่วงเวลา 20 - 30 ปี ที่ผ่านมา คนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่สามารถที่จะทำบ้านให้นกแอ่นอยู่ได้ ทุกวันนี้คนไทยบางส่วนก็ยังคงเชื่อเช่นนี้ เชื่อว่าคนที่มีบ้านและมีนกแอ่นเข้าอยู่อาศัย คือคนที่มีโชคมีบุญวาสนา การจะทำบ้านและเรียกให้นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้(Impossible)

เจ้าของบ้านนกแอ่นหลายๆคนที่ผมรู้จักและได้พูดคุยด้วย เป็นบ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุด ก็ยังไม่เคยบอกรายละเอียดใดๆให้ผมทราบ เหตุผลของเขาคือ ข้อแรกเรื่องความปลอดภัย ข้อที่สองไม่อยากให้มีบ้านนกแอ่นใหม่เพิ่มขึ้น ข้อที่สามไม่อยากแบ่งบันข้อมูลความรู้เรื่องนี้กับใครๆ

การจะดูว่าบ้านนกแอ่นหลังใดประสบความสำเร็จหรือไม่ ดูไม่ยาก เพียงท่านตื่นแต่เช้าเวลา 6.00 น. - 8.00 น. ไปยืนดูนกแอ่นบินออกจากช่องทางเข้า-ออกของบ้านนกแอ่น หรือถ้าขี้เกียจตื่นเช้าก็ไปยืนดูตอนเย็นเวลา 18.15 น. - 19.00 น. ถ้าท่านเห็นนกแอ่นบินเข้าหรือบินออกเป็นร้อยๆตัวก็แสดงว่าบ้านนกแอ่นหลังนั้นประสบความสำเร็จ

คำแนะนำที่ผมอยากให้กับท่านที่คิดจะทำบ้านนกแอ่น ในการเลือกสถานที่หรือทำเล โปรดเลือกสถานที่หรือทำเลที่มีบ้านนกแอ่นจำนวนน้อย แต่ต้องมีบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้วอยู่บ้างเพื่อความมั่นใจ หรือจะทำเป็นหลังแรกๆยิ่งดี ถ้าพื้นที่ใดมีบ้านนกแอ่นที่ทำมานานแล้วเป็นจำนวนมาก คือเกิน 10 หลัง การเรียกนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยในบ้านนกแอ่นใหม่ของท่านจะค่อนข้างยากและใช้เวลานาน ที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีตึกนกแอ่นเป็นร้อยหลัง แต่ที่ประสบความสำเร็จจริงๆประมาณ 30% เท่านั้น ในประเทศไทยมีบ้านนกแอ่นประมาณ 73,000 หลัง ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดประสบความสำเร็จ เหตุผลของการไม่ประสบความสำเร็จคือ เจ้าของบ้านนกแอ่นส่วนใหญ่ขาดความรู้ ความเข้าใจที่แท้จริง ไม่สามารถทำเงื่อนไขให้ได้ตามมาตรฐานที่นกแอ่นต้องการ

จำนวนบ้านนกแอ่นในพื้นที่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia):-

- 1. ประเทศอินโดนีเซีย ประมาณ 165,000 หลัง
- 2. ประเทศไทย ประมาณ 73,000 หลัง
- 3. ประเทศมาเลเซีย ประมาณ 35,000 หลัง
- 4. ประเทศเวียตนาม ประมาณ 5,000 หลัง
- 5. ประเทศกัมพูชา ประมาณ 1,000 หลัง

ประชากรนกแอ่นเพิ่มขึ้นตลอดตั้งแต่เริ่มมีการทำบ้านนกแอ่น เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ยังเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุนทำบ้านนกแอ่น ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในภูมิภาคนี้ พื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยเกือบทุกจังหวัดสามารถทำบ้านนกแอ่นได้ แต่ยังไม่ได้มีการสำรวจพื้นที่โดยละเอียด ยังไม่มีการทำโซนนิ่งเหมือนประเทศมาเลเซีย

ตลาดรังนกแอ่นจะยังคงตื่นตัวตลอดไป เพราะความต้องการบริโภครังนกแอ่นยังมากเกินกว่าความสามารถในการผลิตรังนกแอ่นเพื่อสนองตอบความต้องการ ปี 2007 ประเทศไทยส่งออกรังนกแอ่น 19% ของความต้องการของตลาดโลก อินโดนีเซีย 62% มาเลเซีย 8% ประเทศจีนและฮ่องกงบริโภครังนกแอ่นมากกว่า 100 ตัน/ปี ใต้หวันและประเทศอื่นๆประมาณ 50 ตัน/ปี

จากบทความที่ประมวลมาจนถึงตัวเลขที่กล่าวถึง คิดว่าท่านคงเข้าใจถึงสภาพแวดล้อมของการทำบ้านนกแอ่น การทำบ้านนกแอ่นให้ประสบความสำเร็จนั้นยังมีโอกาส เพราะประชากรนกแอ่นเพิ่มขึ้นตลอด และกลุ่มผู้บริโภคก็ยังมีอยู่ตลอด การทำบ้านนกแอ่นที่ถูกหลักวิชาการและวิธีการย่อมประสบความสำเร็จได้ ขอให้ทุกท่านโชคดี

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, May 3, 2008

การทำความสะอาดรังนกแอ่น

การทำความสะอาดรังนกแอ่นเป็นงานที่ใช้เวลานาน เป็นงานที่น่าเบื่อ รังนกแอ่น 1 รัง อาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการทำความสะอาด แต่หลังจากทำความสะอาดแล้ว ราคาจะเพิ่มขึ้นอีกมาก โรงงานที่รับทำความสะอาดรังนกแอ่นจึงต้องใช้พนักงานจำนวนมาก

ขั้นแรก: ล้างรังนกแอ่นให้สะอาด ใช้น้ำธรรมดาไม่ควรใช้น้ำประปาเพราะจะมีกลิ่นคลอรีน เสร็จแล้วนำรังนกแอ่นแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 ชั่งโมง เพื่อให้รังนกแอ่นขยายตัวขึ้นประมาณ 3-4 เท่าตัวของรังปกติ จับดูด้วยนิ้วว่านิ่มพอที่จะสามารถเลือกขนนกและเศษขยะที่ปะปนออกได้ง่ายหรือยัง ถ้านิ่มแล้วตักลงใส่ถ้วยเปล่าที่แห้ง ใช้แหนบปลายแหลมค่อยๆคีบขนนกออกทีละชิ้น จนรังนกแอ่นสะอาด ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับรังนกแอ่นอื่นๆตามจำนวนที่ต้องการ ถ้าท่านทำความสะอาดเพื่อไว้รับประทานเอง ก็ใส่ลงหม้อตุ๋นได้เลย หากจะรับประทานวันหลังจากนี้ ก็ให้ผึ่งไว้ในร่มจนแห้งสนิท วิธีผึ่งลมให้แห้งสนิท ควรวางลงบนแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ ตัดแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ขนาด 5 x 5 เซนติเมตร นำรังนกแอ่นที่ทำความสะอาดแล้ว จัดวางลงบนแผ่นอลูมิเนียมฟอยล์ให้ดูสวยงาม เมื่อแห้งสนิทแล้ว เก็บไว้ให้ดีอย่าให้ถูกน้ำ จะได้ไม่ขึ้นรา

สำหรับโรงงานที่รับทำความสะอาดรังนกแอ่นที่ใช้พนักงานจำนวนมาก ก็จะใช้วิธีการเดียวกัน แต่เขาจะมีตัวแบบที่ทำสำเร็จรูป เพื่อจัดวางรังนกแอ่นที่ทำความสะอาดแล้วลงไป นำรังนกแอ่นที่จัดวางลงบนตัวแบบเข้าตู้อบจนแห้งสนิท เมื่อแกะรังนกแอ่นออกจากตัวแบบ รังนกแอ่นทุกอันจะมีรูปทรงที่เหมือนๆกัน เมื่อเรียงลงกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาสวยงาม ทำให้รังนกแอ่นดูดีมีราคาสมเป็นอาหารเสริมที่มีคุณค่าสูงที่สุด
ผมเคยเขียนแนะนำเรื่องราคารังนกแอ่นที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดว่า มักถูกผู้รับซื้อรังนกแอ่นกดราคา โดยอ้างเหตุผลต่างๆนาๆ รังเล็กบ้าง รังสกปรกบ้าง ขนนกเยอะบ้าง นั่นคือเทคนิคการรับซื้อรังนกแอ่นของเขา แต่จริงๆแล้วรังนกแอ่น เมื่อเข้าสู่กระบวนการของโรงงานรับทำความสะอาด จะรังเล็กรังใหญ่ ขนนกมากหรือน้อย ก็ออกมาสวย ดูดีเหมือนกันหมด การรับซื้อ ซื้อกันเป็นกิโลกรัม ไม่ขาดไม่เกิน ตอนล้างทำความสะอาดและลงตัวแบบจึงออกมาเหมือนกันหมด

ดังนั้นท่านจึงควรนำเหตุผลเหล่านี้ไปพูดคุยกับผู้รับซื้อรังนกแอ่น เพื่อจะได้ราคาที่ดีที่เป็นเหตุเป็นผล

ภาพถ่ายทั้งหมดจาก Tri-Swallow

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
ยะลา หรือ ยะลอ แปลว่า "แห" เดิมเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองตอนใต้ ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมาได้ประกาศเป็นจังหวัด ตามระเบียบบริหารการปกครองใหม่เมื่อปี 2476 ปัจจุบันจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.077 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 376 หมู่บ้าน มีอำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลาตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศไทย ดั่งคำขวัญที่ว่า "ยะลา : ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน" อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถไฟประมาณ 1,039 กิโลเมตร หรือโดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษมประมาณ 1,440 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีผังเมืองสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

หลักเมืองยะลา

หลักเมืองยะลา
หลักเมืองยะลาสร้างขึ้นจากแนวความคิดของ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาร่วมกับบรรดาข้าราชการซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าเดิมจังหวัดยะลาเป็นอาณาเขตหนึ่งในบริเวณ 7 หัวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เพิ่งแยกออกเป็นเมืองหนึ่งต่างหากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2335) ที่ตั้งตัวเมืองยะลาเดิมมิได้อยู่ในที่ปัจจุบัน แต่ได้โยกย้ายมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดยะลาได้พร้อมใจกันสร้างหลักเมืองขึ้นที่บริเวณศูนย์วงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดโดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เวลา 10.30 น. ปัจจุบันหลักเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางของเมืองยะลา ทั้งนี้เนื่องจากผังเมืองยะลาได้ออกแบบไว้เหมาะเจาะกันพอดีรอบๆวงเวียนหลักเมือง อันเป็นวงเวียนชั้นในสุดเป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธร สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตร สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา บรรดาถนนทุกสายที่มาจากอำเภอต่างๆของจังหวัดจะมารวมกันที่หลักเมือง

วัดคูหาภิมุข

วัดคูหาภิมุข
ถ้ำคูหาภิมุขตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางยะลา-หาดใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอีก 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ สร้างสมัยศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปีเศษ ภายในมีถ้ำต่างๆเช่น ถ้ำมืด ถ้ำ ภปร. มีหินงอกหินย้อย และหยดน้ำไหลรินจากโขดหินสวยงามยิ่งนัก หยดเกร็ดเพชรระยิบระยับตา ซึ่งในปี 2539 ถ้ำคูหาภิมุขได้รับรางวัลการประกวดแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พระมหากัจจายนะ

พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเมืองยะลา อยู่กลางแจ้งภายในวัด องค์ใหญ่สวยงาม หากหมั่นทำความดีเมื่อมาขอพรจากท่านมักจะประสบความสำเร็จ อยู่ห่างจากศาลากลางไปทางถนนสุขยางค์ทางออกมุ่งสู่อำเภอเบตงประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโรงเรียนตำรวจภูธร 9 (กองบัญชาการส่วนหน้า)

วัดพุทธาธิวาส

วัดพุทธาธิวาส
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่ ณ วัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ในตัวเมืองเบตง โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขามีขนาดความกว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูงเทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ มหาเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฏีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง
เขื่อนบางลางในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์จากตัวเมืองยะลาสู่อำเภอเบตง บนเส้นทางหลวงสายยะลา-เบตง สามารถแวะชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลางได้ที่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งห่างจากตัวเมืองยะลา 58 กิโลเมตร และเข้าไปในตัวเขื่อนอีกประมาณ 12.5 กิโลเมตร ตัวเขื่อนบางลางสร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาสันกาลาคีรี สันปันน้ำระหว่างไทยกับมาเลเซียในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด้วยฝีไม้ลายมือมนุษย์ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อน กลายสภาพเป็นทะเลสาปน้ำจืดกลางหุบเขาขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีจากพันธุ์พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดและภูเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนโอบล้อมอยู่ ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ มีอาคารบ้านพักตากอากาศ ห้องจัดประชุม ร้านอาหาร สนามเทนนิส สนามเปตอง สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล แพล่องชมทัศนียภาพ ไว้บริการให้ความสะดวกแก่ผู้มาเยือน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะเหมาะต่อการท่องเที่ยวแล้วเขื่อนบางลางยังคงคุณสมบัติของเขื่อนเอนกประสงค์ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกในภาคใต้ไว้ได้เช่นเดิมคือ ช่วยในการป้องกันอุทกภัย การชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าและการประมง (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม,ติดต่อบ้านพักโทรฯ 0-7329-9237-8, 0-7329-7099 ล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาปเหนือเขื่อน โทรฯ 0-7328-1063-66 ต่อ 2291)

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดำเนินตามรอยพระบาทชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีอาหารการกินที่หลากหลายทั้ง ไทย จีน มุสลิม ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดเป็นเพียงภาพลวงตา อีกไม่นานก็จะหายไป เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเพราะตั้งแต่วันแรกที่หลงผิดชีวิตยังหาความสุขไม่ได้ จะขอกลับมาเป็นคนดีของสังคมเร็วๆนี้

อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ

อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์