Wednesday, December 31, 2008

สวัสดีปีใหม่ 2552

ขอมอบกุหลาบแดงแด่ทุกท่านขอให้ทุกท่านร่ำรวยเงิน ขอให้ทุกท่านร่ำรวยทอง ขอให้ทุกท่านร่ำรวยความสุขเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2552
ผมในนามของ Swiftlet Lover Blog ขออราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้ทุกท่านประสพแต่ความสุข ความสำเร็จ และความสมหวังในทุกๆสิ่ง ปราศจากโรคภัยและภัยอันตรายใดๆทั้งปวง ที่สำคัญที่สุดขอให้ร่ำรวยเงินทองได้รังนกแอ่นมากมายดังใจ พรใดๆในโลกที่วิเศษและประเสริฐจงอยู่กับท่านตลอดกาล
เทพชัย อริยะพันธุ์



Saturday, December 27, 2008

เชื้อราบนไม้ตีรังกับการควบคุมความชื้น

ช่วงฤดูฝนที่อากาศมีความชื้นสูง บ้านนกแอ่นหลายๆแห่งที่ลืมปรับเครื่องตั้งเวลาเครื่องทำความชื้น คือลดระยะเวลาการทำงานของเครื่องทำความชื้นให้สั้นลง หรือปิดเครื่องทำความชื้นไปเลย การทำบ้านนกแอ่นคือการใส่ใจในเรื่องรายละเอียด การสนใจในเรื่องอุณหภูมิและความชื้นทั้งภายในและภายนอก เมื่อเกิดการละเลยจึงทำให้บ้านนกแอ่นหลายๆแห่งไม้ตีรังเกิดเชื้อราขึ้น มีคำถามมากมายเกี่ยวกับเรื่องเชื้อราที่เกิดขึ้นบนไม้ตีรัง ว่ามีผลกระทบต่อการทำรังของนกแอ่นหรือไม่?

การที่ไม้เกิดเชื้อราเนื่องมาจากความชื้นที่มากเกินไป ความชื้นที่เหมาะสมสำหรับบ้านนกแอ่นอยู่ที่ประมาณ 80 - 95 % ส่วนใหญ่บ้านนกแอ่นที่เราทำกันมักจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วนเพราะขาดอุปกรณ์บางตัวที่เราละเลย เช่น เครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ถ้าเราติดตั้งเครื่องควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ความเสี่ยงเรื่องเชื้อราก็จะหมดไป เพราะเครื่องควบคุมจะปิด-เปิดการทำงานของเครื่องทำความชื้นเมื่อความชื้นไม่อยู่ในระดับที่เราตั้งไว้

ความชื้นเป็นอะไรที่ควบคุมยาก บ้านนกแอ่นส่วนใหญ่จึงมีปัญหาเรื่องความชื้น เมื่อพยายามทำความชื้นให้ได้ระดับที่ต้องการ ก็ได้มาเกินความต้องการ ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องเชื้อราบนไม้ตีรังจึงต้องแก้ด้วยการควบคุมความชื้นให้อยู่ในระดับที่ต้องการ คือ ประมาณ 80 -95 % และห้ามเกินกว่าระดับนี้โดยเด็ดขาด การควบคุมความชื้นจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องควบคุมความชื้น (Hygrostat)
เชื้อราบนไม้ตีรังมีผลกระทบต่อการทำรังของนกแอ่น คือ ทำให้น้ำลายของนกแอ่นไม่สามารถซึมลงเกาะบนเนื้อไม้ได้ ทำให้การทำรังของนกแอ่นเป็นไปด้วยความยากลำบาก นกแอ่นจะไม่ทำรังตรงจุดที่ไม้ตีรังขึ้นเชื้อรา ถ้าหากเชื้อราเกิดขึ้นภายหลังจากนกแอ่นทำรังแล้วคือตรงจุดที่นกแอ่นทำรัง นกแอ่นก็จะย้ายที่ไปทำรังตรงจุดอื่น หรือไม่ก็ย้ายไปอยู่บ้านอื่นแทน ผิวของลูกนกแอ่นที่เกิดใหม่บอบบาง แม่นกแอ่นจึงต้องเลือกที่ทำรังที่สะอาดให้ลูกนกแอ่น เชื้อราบนไม้ตีรังจึงมีผลกระทบต่อบ้านนกแอ่นเป็นอย่างมาก

เครื่องควบคุมความชื้นมีหลายชนิด หลายขนาด หลายราคา สามารถเลือกซื้อใช้ได้ตามความต้องการ เป็นอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งที่ควรใช้เพื่อช่วยควบคุมความชื้นภายในบ้านนกแอ่น
การแก้ไขไม้ตีรังที่ขึ้นเชื้อรา การเข้าสำรวจดูแลบ้านนกแอ่นเป็นระยะๆ ก็เพื่อตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยของบ้านนกแอ่น การสังเกตุเห็นคราบขาวๆบนไม้ตีรังแต่เนิ่นๆ จะแก้ไขได้ง่าย ถ้าปล่อยให้ความชื้นเกินระดับเป็นเวลานานๆ และเชื้อราเกาะกินลึกถึงเนื้อไม้ การแก้ไขก็ทำได้ยากอาจถึงขั้นต้องเปลี่ยนไม้ตีรังใหม่ การแก้ไขเบื้องต้นถ้าพบว่าไม้ตีรังเริ่มเป็นเชื้อรา ให้หยุดระบบทำความชื้นทั้งหมดเพื่อให้ไม้ตีรังได้แห้ง เมื่อไม้ตีรังแห้งให้ใช้แปรงลวดทองเหลืองขัดถูเอาเชื้อราออก ถูหลายๆครั้งจนมองไม่เห็นเชื้อรา ส่วนไม้ตีรังแผ่นไหนที่ไม่สามารถขัดถูเชื้อราออกได้จนหมด หากไม่เปลี่ยนออกนกแอ่นก็จะไม่ยอมทำรังตรงจุดนั้น จึงควรเปลี่ยนไม้ตีรังใหม่ เพื่อให้ได้พื้นที่ทำรังของนกแอ่นเพิ่มขึ้น
การควบคุมความชื้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ไม้ตีรังไม่เกิดเชื้อรา
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์


















Friday, December 12, 2008

ฤดูฝน(ฤดูรัก)มีอะไรผูกพันกับบ้านนกแอ่น

ช่วงฤดูฝนบ้านนกแอ่นจะได้นกแอ่นใหม่เพิ่มขึ้น เจ้าของบ้านนกแอ่นจะมีความสุขในช่วงนี้ บ้านนกแอ่นใหม่ที่สร้างเสร็จก่อนฤดูฝนจะมาถึงสัก 2 เดือน สามารถที่จะดึงดูดนกแอ่นใหม่ให้เข้าอยู่อาศัยได้ในเวลาอันสั้นและรวดเร็ว ถึงแม้เงื่อนไขบางอย่างภายในบ้านจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ก็สามารถดึงดูดนกแอ่นใหม่ได้ ช่วงฤดูฝนอุณหภูมิและความชื้นในบ้านนกแอ่นจะดีกว่าช่วงฤดูแล้งหรือหน้าร้อน นกแอ่นจึงตัดสินใจเข้าอยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น

เราจะเตรียมตัวอย่างไรเมื่อฤดูฝนผ่านไป บ้านนกแอ่นใหม่ที่เคยดึงดูดนกแอ่นได้ดีจะดึงดูดนกแอ่นได้น้อยลง อุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านนกแอ่นจะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทางที่เป็นผลลบต่อนกแอ่น อุณหภูมิจะสูงขึ้น ความชื้นจะลดลง

บ้านนกแอ่นที่สร้างอย่างถูกเงื่อนไขจะสามารถดึงดูดนกแอ่นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นฤดูฝนหรือฤดูร้อน แต่จะมีกี่บ้านนกแอ่นที่เป็นเช่นนี้ มีแน่นอนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เราจึงเห็นบ้านนกแอ่นที่สำเร็จและล้มเหลวพร้อมๆกัน

ช่วงฤดูฝน(ฤดูรัก)เป็นช่วงที่อาหารของนกแอ่นสมบูรณ์ เป็นช่วงที่อัตราการขยายพันธุ์ของนกแอ่นสูงกว่าช่วงอื่นๆ การสร้างบ้านนกแอ่นใหม่จึงควรกำหนดเวลาการสร้างให้บ้านเสร็จก่อนฤดูฝนจะมาถึงสัก 2 เดือน ให้บ้านนกแอ่นใหม่ได้ปรับกลิ่น ได้ทดลองระบบต่างๆภายในบ้านว่ามีปัญหาตรงจุดใด ถ้ามีปัญหาจะได้รีบแก้ไข ถ้ารีบเปิดจนเกินไปเกิดมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นและต้องแก้ไขจะกระทบต่อนกแอ่นที่เริ่มเข้าสำรวจหรือเข้าอยู่อาศัยแล้วได้

การทำบ้านนกแอ่นนั้นไม่ยาก มีเงินลงทุนใครๆก็ทำได้ ที่ยากคือการทำให้นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยอย่างมากมายและเห็นรังนกแอ่นในเวลาที่รวดเร็ว ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ที่สนใจอยากจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น ให้ท่านศึกษาเรื่องการทำบ้านนกแอ่นอย่างเป็นผู้รู้เรื่องบ้านนกแอ่นที่แท้จริง ท่านจะทำบ้านนกแอ่นได้อย่างมีความสุขและสนุกมากๆ ขอให้ทุกท่านโชคดี

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์




Monday, November 24, 2008

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเสียงเรียกนกแอ่น 2

มีท่านผู้อ่านบทความหลายท่านสนใจสอบถามเรื่องเสียงเรียกนกแอ่น Swiftlet Sound, Swiftlet Chirp ว่ามีกี่ชนิด กี่แบบ มีความแตกต่างในการใช้งานอย่างไร เพราะได้ยินว่ามีทั้งเสียงเรียกนอก เสียงเรียกใน และเสียงสำหรับทดสอบหาจำนวนนก บทความนี้จึงขอเสนอเรื่องเสียงเรียกนกแอ่นอีกครั้ง เอาแบบให้ชัดเจน กระจ่างในใจไม่หงุดหงิด ดีมั๊ยครับ?

ในประเทศไทยเสียงเรียกนกแอ่นยังมีจำหน่ายไม่มาก ไม่มีการแข่งขันเหมือนในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย บางเจ้าหรือบางเว็บถึงกับประกาศว่าเขามีแผ่นซีดีเสียงเรียกนกแอ่นที่มากที่สุดในเอเซีย ผมเองก็ยังสงสัยเหมือนกันว่ามีมากแล้วจะเป็นอย่างไร ไปบันทึกเสียงนกแอ่นทุกแห่งทั่วประเทศมาเลเซียหรืออย่างไร เสียงนกแอ่นแต่ละแห่งไม่เหมือนกันหรือไง

มาทำความเข้าใจเรื่องเสียงเรียกนกแอ่นกันอีกสักครั้ง เสียงเรียกนกแอ่นแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ:-

1. เสียงเรียกนอก คือ เสียงเรียกที่ใช้เพื่อดึงดูดนกแอ่นที่บินผ่านไปมาเหนือบ้านนกแอ่นใหม่ของท่าน โดยนำลำโพง Tweeter ชนิดปากเป็ดไปติดตั้งตรงปากทางเข้าของช่องทางเข้า-ออกของบ้านนกแอ่น เสียงเรียกนอกเป็นเสียงที่จะประชาสัมพันธ์เชิญชวนนกแอ่นที่บินผ่านไปมาให้ได้ยิน ให้ได้รับรู้ว่า ณ ที่ตรงนี้มีกลุ่มเพื่อนนกแอ่นของเขาอาศัยอยู่ กลุ่มนกแอ่นที่บินผ่านไปมาจะได้แวะลงมาสำรวจ ทำให้ได้พบเห็นบ้านนกแอ่นใหม่ของท่าน

เสียงเรียกนอกยังสามารถนำไปใช้ได้อีก 2 ลักษณะ ดังนี้:-

1.1 เสียงดึง (Pooling Soung) ใช้กับลำโพง Hexagonal หรือ Long Range ที่ติดตั้งนอกตัวบ้านส่วนที่สูงที่สุด เพื่อดึงดูดนกแอ่นที่บินอยู่ไกลๆ หรือ ดึงดูดนกแอ่นจากบ้านนกแอ่นที่อยู่ห่างออกไป

1.2 เสียงเชิญชวนหรือเสียงนำทาง (Inviting or Guiding Sound) ใช้เป็นเสียงเชิญชวนและนำทางนกแอ่นใหม่ให้เข้าสู่ภายในบ้านสู่ส่วนที่ลึกที่สุด

2. เสียงเรียกใน คือ เสียงเรียกที่ใช้เปิดภายในบ้านนกแอ่น โดยติดตั้งลำโพง Tweeter ขนาดเล็กบริเวณส่วนของไม้ตีรัง ลำโพง Tweeter ขนาดเล็กควรติดตั้งให้ได้จำนวนมากตามที่เคยแนะนำไว้ในบทความเรื่องลำโพงเสียงเรียกใน เสียงเรียกในจะประกอบด้วยเสียงของลูกนกแอ่น เสียงของนกแอ่นตัวเมีย เสียงของคู่นกแอ่นตัวผู้ตัวเมียส่งเสียงตอบโต้กัน เสียงเรียกในเป็นเสียงของบรรยากาศการเชิญชวนให้อยู่อาศัย การสร้างครอบครัว การมีลูก

3. เสียงทดสอบ (Birds Test Sound) คือเสียงเรียกที่จัดทำเพื่อวัตถุประสงค์ในการทดสอบเรียกนกแอ่นโดยเฉพาะ เป็นเสียงเรียกนกแอ่นที่มีคลื่นความถี่สูงเพื่อให้นกแอ่นได้ยินในระยะไกล มักจะบันทึกจากเสียงนกแอ่นที่ถูกศัตรูทำร้าย นกแอ่นจะร้องเสียงดังเพื่อเรียกให้เพื่อนๆช่วย นกแอ่นเป็นนกกลุ่มนกสังคมใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนนกแอ่นถูกทำร้ายหรือโดนโจมตีจะรีบบินเข้าช่วยทันที เขาจึงใช้เสียงชนิดนี้เป็นเสียงทดสอบนกแอ่น เพราะนกแอ่นจะตอบสนองดีมาก แต่ไม่สามารถใช้เป็นเสียงเรียกนกแอ่นแบบปกติได้

ลักษณะของเสียงเรียกนกแอ่นที่ดี เสียงต้องใส ชัดเจน เคลียร์ ไม่มีเสียง Hiss และ เสียง Hum เสียง Back Ground ต้องมีแต่เสียงนกแอ่นเท่านั้น ห้ามมีเสียงชนิดอื่นแทรก ต้องบันทึกจากถ้ำนกแอ่นหรือบ้านนกแอ่นที่มีนกแอ่นมากที่สุดจริงๆ ถ้าท่านได้เสียงชนิดนี้แบบนี้ท่านก็สบายใจได้

เสียงเรียกนกแอ่นมีขายหลายแบบจากหลายแหล่ง บางเสียงราคาแพงมาก บางเสียงราคาถูก บางเสียงสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจากอินเตอร์เน็ต เสียงเรียกนกแอ่นที่ดีจะมีราคาแพงและหายาก ราคาจะอยู่ที่หลายๆพันจนถึงหมื่นบาท หากท่านสามารถหาซื้อเสียงเรียกนกแอ่นที่ดีได้ ถึงแม้ราคาจะแพงแต่ผลลัพธ์ที่ได้เกินคุ้ม

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเสียงเรียกนกแอ่นอันไหนดีอันไหนไม่ดี เสียงเรียกนกแอ่นทุกชนิดสามารถเรียกนกแอ่นให้เข้าอยู่อาศัยและทำรังในเวลาที่รวดเร็วเหมือนกันหมดหรือไม่ ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องเรียนรู้ในเรื่องของเสียงเรียกนกแอ่นว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร หากท่านเข้าใจเรื่องเสียงเรียกนกแอ่น การเลือกเสียงนกแอ่นให้ตรงกับความต้องการก็จะง่ายขึ้น ส่วนใหญ่ทุกท่านจะมองข้ามในเรื่องนี้ คิดว่าเป็นแค่เสียงเรียกนกแอ่นก็ใช้ได้แล้ว คุณภาพของเสียงไม่ได้คำนึงถึง อาจเป็นเพราะว่าหายากและไม่เคยได้ฟังเสียงมาก่อน หาซื้อต่อจากเขาได้ก็ดีใจแล้ว

ดังนั้นเรื่องเสียงเรียกนกแอ่น หากท่านมีโอกาสได้ฟังบ่อยๆ ได้ฟังจากหลายๆแผ่น จากหลายๆแหล่ง ท่านจะเห็นความแตกต่าง ท่านจะรู้ว่าแผ่นไหนเสียงดี แผ่นไหนเสียงไม่ดี ถ้าท่านฟังจากแผ่นเดียว ท่านจะไม่มีตัวเปรียบเทียบ ท่านจึงแยกแยะไม่ออก แต่ท่านไม่จำเป็นต้องซื้อทุกแผ่นจากทุกแห่งที่มีขาย เลือกจากแหล่งที่เชื่อถือได้สัก 2 - 3 แห่งก็พอ จากนั้นก็เริ่มสอบถามจากผู้ทำบ้านนกแอ่นท่านอื่นๆ ขอแลกเสียงเรียกนกแอ่นกับเขา ท่านทำเช่นนี้ท่านจะได้เสียงเรียกนกแอ่นหลายชุดหลายแบบ จากนั้นจึงลองเปิดฟังบ่อยๆเพื่อคัดเลือกเสียงแล้วนำไปทดลองเปิดทดสอบเสียงดู แผ่นไหนนกแอ่นตอบสนองต่อเสียงเรียกมาก ท่านก็ทำเครื่องหมายไว้ ทำเช่นนี้ท่านจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสียงเรียกนกแอ่น และท่านจะมีเสียงเรียกนกแอ่นชุดที่ดีที่สุดไว้ใช้เองตลอดไป

สนใจเสียงเรียกนกแอ่นของ Swiftlet Lover ติดต่อได้ที่ 081-8965555

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, November 15, 2008

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

สิ้น "เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา"
ปวงข้าขอตั้งจิตอธิษฐาน
ส่งเสด็จสู่สวรรค์ชั้นวิมาน
ธ จะคงยืนนานในใจไทย
ควรมิควรแล้วแต่จะทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า

นายเทพชัย อริยะพันธุ์ และกลุ่มผู้รักนกแอ่นจังหวัดยะลา

Tuesday, November 11, 2008

ความมืดภายในบ้านนกแอ่น : ควรมืดขนาดไหนดี?

การทำบ้านนกแอ่น ความมืดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่มีผลต่อความรู้สึกของนกแอ่น นกแอ่นรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในที่มืด เพราะความมืดทำให้ศัตรูมองไม่เห็นรังที่อยู่ของเขา การทำบ้านนกแอ่นคือการเรียนแบบจากสภาพของถ้ำนกแอ่น บ้านนกแอ่นควรมีความมืดใกล้เคียงกับถ้ำนกแอ่น เรามักจะได้ยินการพูดถึงค่าความมืดเป็นหน่วย "ลักซ์" (Lux) ตำราเกี่ยวกับบ้านนกแอ่นหลายเล่มมักกล่าวถึงค่าความมืดที่บ้านนกแอ่นควรจะทำให้ได้ คือ ประมาณ 2 - 3 ลักซ์

ค่าความมืดประมาณ 2 - 3 ลักซ์ ถ้าท่านไม่มีเครื่องวัดแสงท่านจะประมาณได้อย่างไร? เอาง่ายๆแบบประหยัดแบบไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องวัดแสงมาวัด เพราะซื้อมาแล้วก็เอามาเก็บ ไม่ได้วัดทุกวัน ใช้ไม่คุ้มค่าเกินความจำเป็น ให้ท่านทำดังนี้ ท่านวางกระดาษขาวขนาด A4 ลงบนพื้นห้องของบ้านนกแอ่นที่ท่านจะวัดความมืด หากมองไม่เห็นกระดาษขาวA4 ก็แสดงว่า บ้านนกแอ่นของท่านมืดสนิท หากเห็นเพียงรางๆก็แสดงว่าบ้านนกแอ่นของท่านมีค่าของความมืดประมาณ 2 - 6 ลักซ์ จะมืดหรือสว่างก็อยู่ที่การปิดกั้นแสงของท่านว่าทำได้ดีขนาดไหน

สำหรับท่านที่มีโอกาสได้เข้าเยี่ยมชมบ้านนกแอ่นหลายๆแห่งถือเป็นผู้ที่มีโอกาสดีเยี่ยม การเข้าดูภายในบ้านนกแอ่นหลายๆแห่ง คือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ท่านสามารถเห็นความแตกต่างของบ้านนกแอ่นแต่ละหลัง บางบ้านความมืดไม่มากแต่นกแอ่นอยู่อาศัยและทำรังมากมาย บางบ้านความมืดดีมาก 2 - 3 ลักซ์พอดี แต่มีนกอยู่อาศัยและทำรังน้อย อะไรคือความถูกต้องในเรื่องของแสงสว่างและความมืด

การทำบ้านนกแอ่นให้ได้ความมืดที่เหมาะสม จึงขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ ขึ้นอยู่กับบ้านนกแอ่นหลังแรกๆในพื้นที่นั้นว่ามีสภาพความมืดภายในบ้านเป็นอย่างไร หากเราจะแบ่งลูกนกแอ่นจากเขา เราก็ควรทำบ้านนกแอ่นของเราให้มีความมืดเหมือนเขา ถ้าทำไม่ได้ก็ยากที่จะได้ลูกนกแอ่นจากเขา เราจึงเห็นว่าบางบ้านนกแอ่นสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว บางบ้านนกแอ่นใช้เวลาเป็นปีๆกว่าจะสำเร็จ นี่เพียงแค่ปัญหาเรื่องแสงสว่างและความมืดเท่านั้น หากนำเรื่องอื่นๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น ช่องทางเข้า-ออก วงบิน เสียงเรียกนก ฯลฯ มาหาข้อยุติทีละเรื่อง ก็มีให้คิดอีกมากมาย ผู้ที่ทำบ้านนกแอ่นใหม่ๆยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอ ย่อมมีโอกาสที่จะล้มเหลวได้ง่าย การหาข้อมูลอย่างรอบคอบรอบด้านของแต่ละพื้นที่จึงสำคัญยิ่ง เป็นข้อมูลของความสำเร็จของท่านเอง

เราจะเห็นว่าผู้ที่เคยทำบ้านนกแอ่นสำเร็จสูงสุดแล้วในพื้นที่หนึ่ง พอไปทำบ้านนกแอ่นในอีกพื้นที่หนึ่ง โดยลอกแบบ 100% จากบ้านนกแอ่นหลังเดิมไปทำ กลับพบกับความล้มเหลว

คนหรือนกแอ่นก็เหมือนกัน หากอยู่ในสภาพเดิมที่เคยชินเป็นเวลานาน อยู่ๆให้ท่านต้องมาเปลี่ยนความคุ้นเคยเดิมๆ ท่านก็ไม่ชอบแน่นอน นกแอ่นก็เช่นกัน ชอบความคุ้นเคยแบบเดิมๆ ดังนั้นการทำบ้านนกแอ่นให้ประสบความสำเร็จ เรื่องแสงสว่างและความมืดภายในบ้านนกแอ่น จึงควรทำแบบผสมไว้ คือส่วนที่มืดที่สุดก็มี อยู่ลึกเข้าไปในสุดของตัวบ้านหรือบินมุดลงชั้นล่างๆ ส่วนที่สว่างก็มีอยู่ใกล้ๆช่องทางเข้า-ออก ส่วนที่สลัวๆก็มีอยู่กลางๆห้องถัดจากช่องทางเข้า-ออก หากท่านทำได้ดังนี้ท่านจะผิดพลาดน้อย นกแอ่นชอบแบบไหนเขาจะได้เลือกจุดทำรังตามใจเขา

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Friday, November 7, 2008

การเลี้ยงลูกนกแอ่นที่หล่นจากรัง

การเข้าสำรวจบ้านนกแอ่นของท่าน หรือการเข้าบ้านนกแอ่นหลังการเก็บรังนกแอ่น บางครั้งท่านจะพบลูกนกแอ่นหล่นจากรังนอนนิ่งอยู่บนพื้น หากท่านไม่ได้เข้าสำรวจ โอกาสที่ลูกนกแอ่นจะรอดชีวิตไม่มีแน่นอน ลูกนกแอ่นจะไม่ได้รับการป้อนอาหารจากพ่อแม่ พ่อแม่นกแอ่นไม่สามารถลงไปป้อนอาหารบนพื้นได้ ท่านมีทางเลือก 2 ทาง คือ หนึ่ง ท่านสามารถจับลูกนกแอ่นกลับคืนสู่รังเดิมของมันเองได้ หมายถึงรังที่มันหล่นมาจริงๆ สอง ท่านต้องเป็นพ่อแม่บุญธรรมของลูกนกแอ่นเสียเอง ด้วยการเอาลูกนกแอ่นมาเลี้ยงมาอนุบาล

ท่านจะเลี้ยงและอนุบาลลูกนกแอ่นได้อย่างไร?

คำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์เคยเลี้ยงและอนุบาลลูกนกแอ่นที่หล่นจากรังมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนมีดังนี้

1. นำลูกนกแอ่นวางลงในกล่องขนาดเล็กที่สะอาดและอบอุ่น แต่ถ้าให้ดีที่สุดวางลงในรังนกแอ่นเทียมถ้าท่านสามารถทำได้

2. อย่าวางลูกนกแอ่นหลายตัวรวมกันในกล่องเดียว หากบังเอิญท่านเจอลูกนกแอ่นหลายตัวหล่นอยู่บนพื้น ให้แยกกล่องกัน ลูกนกแอ่นจะกัดกันทำให้เกิดบาดแผลได้

3. ให้อาหารลูกนกแอ่นวันละ 3 เวลา

4. อาหารที่ดีที่สุดคือแมลงเม่าที่บินออกจากรังหลังฝนตก ลูกนกแอ่นชอบมากพอดีคำ ท่านหาวิธีจับแมลงเม่าให้ได้มากที่สุด เพื่อเก็บไว้เป็นอาหารให้ลูกนกแอ่น แมลงเม่าที่ยังไม่ได้ใช้เป็นอาหารลูกนกแอ่น เก็บใส่กล่องพลาสติกแช่ตู้เย็นไว้ป้อนมื้อต่อๆไปได้

5. หากไม่มีแมลงเม่า ตัวเลือกอื่นคือ หนอนตัวเล็กๆ สำหรับเลี้ยงนก ซึ่งมีขายตามร้านขายสัตว์เลี้ยง หรือ ร้านขายนก หนอนไม่ไผ่ ท่านต้องตัดตัวหนอนเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อป้อนลูกนกแอ่น

6. ตอนป้อนอาหารให้ลูกนกแอ่นท่านต้องระมัดระวัง อย่าใช้ที่คีบตัวหนอนที่ทำจากเหล็กหรือสแตนเลส ให้ใช้ที่คีบแบบพลาสติก ปลายไม่แหลม ลูกนกแอ่นเวลาหิวจะรีบกิน ปลายแหลมของที่คีบอาจทำให้ปากของลูกนกแอ่นเป็นแผลได้ หากลูกนกแอ่นเจ็บปากจะไม่ยอมกินอาหาร ทำให้ลูกนกแอ่นตายได้

7. ลูกนกแอ่นจะสามารถบินได้ภายใน 30 - 40 วัน หลังออกจากไข่ ดังนั้นช่วงเวลาที่ท่านต้องให้อาหารลูกนกแอ่นที่หล่นจากรังประมาณ 15 - 20 วัน เพราะลูกนกแอ่นที่หล่นจากรังส่วนมากจะเริ่มมีขนเต็มตัวแล้ว แต่ขนยังอ่อนอยู่ เมื่อลูกนกแอ่นเริ่มบินได้ ท่านต้องขังให้อยู่ในห้องที่มิดชิด ห้ามเปิดหน้าต่าง หากตีไม้ตีรังไว้บนฝาผนังให้ลูกนกแอ่นเกาะได้ยิ่งดีมาก

8. เมื่อลูกนกแอ่นถูกเลี้ยงจนโตเต็มที่ ลูกนกแอ่นจะหยุดกินอาหารประมาณ 2 วัน เพื่อพร้อมที่จะบินออกสู่โลกภายนอก ลูกนกแอ่นจะลดน้ำหนักตัวเองเพื่อให้บินได้คล่องแคล่ว

9. อาหารอื่นๆที่ท่านสามารถป้อนให้ลูกนกแอ่นที่ใกล้โตเต็มที่กิน คือ จิ้งหรีด แมลงวันทอง ตั๊กแตน แต่ท่านต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้ลูกนกแอ่นสามารถกลืนได้

10. ลูกนกแอ่นไม่ชอบให้ลมพัดถูกตัว ดังนั้นท่านจึงต้องระวังเรื่องแรงลม ไม่ควรเปิดพัดลมหรือเปิดหน้าต่าง

11. ท่านอาจเปิดเสียงเรียกในให้ลูกนกแอ่นฟัง เพื่อลูกนกแอ่นจะได้รู้สึกว่ามีเพื่อน

12. หากท่านอยากให้ลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยงกลับมาอยู่ที่บ้านนกแอ่นของท่าน ตอนปล่อยลูกนกแอ่นที่บินได้ก็ให้นำไปปล่อยออกจากบ้านนกแอ่นของท่านเอง ลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยงจะกลับมาที่บ้านกแอ่นของท่าน

13. ท่านอาจอยากทำเครื่องหมายบนขาของลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยง เพื่อจะได้สำรวจดูว่าลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยงกลับมาหรือไม่ แต่คงดูลำบากเพราะขาของนกแอ่นเล็ก เวลานกแอ่นเกาะบนไม้ตีรังแล้วจะมองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำเครื่องหมาย นึกว่าเขาต้องกลับมาก็พอ และนึกว่าเราทำให้เขารอดชีวิตได้ เท่านี้ท่านก็น่าจะมีความสุขความสบายใจ

บทความบทนี้จึงเป็นเพียงแนวทางสำหรับท่านให้ลองนำไปทดลองเลี้ยงดู หากว่าบังเอิญท่านไปเจอลูกนกแอ่นหล่นอยู่บนพื้นและยังไม่ตาย ท่านจะช่วยเหลือเจ้าตัวน้อยให้รอดชีวิตได้หรือไม่ หากท่านจะผ่านเลยไปไม่สนใจ ก็สุดแต่ใจของท่าน ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แหละ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ย่อมมีกับทุกสรรพสัตว์ในโลกนี้

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Wednesday, October 29, 2008

ช่องระบายอากาศ : กี่ช่องถึงจะดีที่สุด?

เวลาที่ท่านเห็นบ้านนกแอ่น ท่านจะเห็นบางบ้านมีช่องระบายอากาศมาก บางบ้านมีช่องระบายอากาศน้อย หรือบางบ้านไม่มีช่องระบายอากาศเลย อะไรคือจุดประสงค์ของการมีช่องระบายอากาศ ในทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวการไหลเวียนของอากาศภายในบ้านนกแอ่น อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า อุณหภูมิและความชื้นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการทำบ้านนกแอ่น

ปกติช่องระบายอากาศในบ้านนกแอ่นมักจะใช้ท่อ PVC ขนาด 4 นิ้ว สวมข้องอ 90 องศา หันหัวข้องอลงกับพื้นเพื่อป้องกันแสงสว่าง จำนวนของช่องระบายอากาศมีความสำคัญมาก หากมีช่องระบายน้อยเกินไป อุณหภูมิภายในบ้านนกแอ่นจะเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม หากมีช่องระบายอากาศมากเกินไป ความชื้นก็จะลดลง ลักษณะแบบนี้จึงเหมือนการเล่นกระดานหก จำนวนช่องระบายอากาศที่เหมาะสมควรจะมีจำนวนเท่าไหร่ และควรติดตั้งตรงจุดไหนบ้าง หากท่านสามารถติดตั้งช่องระบายอากาศได้สมบูรณ์ มีการเคลื่อนไหวการไหลเวียนของอากาศที่ดี จะทำให้ท่านไม่จำเป็นต้องติดตั้งระบบอื่นๆมากมายนัก เช่น สปริงเกอร์น้ำ พัดลมดูดอากาศ ปั๊มน้ำไหลเวียน ฯลฯ ท่านคงเคยได้ยินการกล่าวถึงบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ได้ผลผลิตรังนกแอ่นมากมายโดยไม่มีเครื่องช่วยใดๆ นอกจากมีสระน้ำ รางน้ำเพียงอย่างเดียว

หากการออกแบบหรือดัดแปลงบ้านนกแอ่นโดยคำนึงถึงจำนวนช่องระบายและจุดที่ติดตั้งช่องระบายอากาศเป็นไปอย่างดีเยี่ยม จะช่วยลดความกังวลความปวดหัวของท่าน ลดขั้นตอนที่จุกจิกของระบบระบายความร้อนระบบความชื้นภายในบ้านนกแอ่น การเคลื่อนไหวการไหลเวียนของอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จและความล้มเหลวของบ้านนกแอ่น

การที่ท่านต้องเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆเพื่อช่วยให้อุณหภูมิและความชื้นในบ้านนกแอ่นสมบูรณ์ขึ้น ยิ่งมากชิ้นก็ยิ่งเพิ่มการบำรุงรักษาเพิ่มค่าใช้จ่าย อุปกรณ์ทุกตัวที่ใช้ย่อมมีการสึกหรอตามการเวลา ท่านลดอุปกรณ์ได้มากเท่าไหร่ท่านก็ประหยัดได้มากขึ้น

ช่องระบายอากาศช่วยดึงอากาศที่สดชื่นจากภายนอกเข้าสู่ภายในบ้านนกแอ่น ขณะเดียวกันก็ช่วยระบายกลิ่นเหม็น กลิ่นฉุน กลิ่นอับของขี้นกบางส่วนภายในบ้านนกแอ่นออกไป ถ้าระบบช่องระบายอากาศภายในบ้านนกแอ่นดี อากาศภายนอกสามารถเข้ามาได้ อากาศภายในก็สามารถระบายออกได้ บ้านนกแอ่นที่ดีคือบ้านนกแอ่นที่มีระบบไหลเวียนของอากาศที่ดีนั่นเอง

ในทางปฏิบัติช่องระบายอากาศควรติดตั้งระดับไหน ต่ำจากเพดานลงมาเท่าไหร่ ควรมีจำนวนกี่ช่อง ด้านขวาและด้านซ้ายของตัวบ้านควรมีกี่ช่อง กรณีของบ้านนกแอ่นแบบโดดเดี่ยว ด้านหน้าและด้านหลังควรมีกี่ช่อง กรณีของบ้านนกแอ่นแบบตึกแถวดัดแปลงปรับปรุง สำหรับท่านที่มีบ้านนกแอ่นอยู่แล้ว ลองไปสำรวจดูว่าบ้านนกแอ่นของท่านมีช่องระบายอากาศอย่างเพียงพอหรือไม่ ถ้าอุณหภูมิภายในบ้านนกแอ่นของท่านยังสูงอยู่ การเพิ่มช่องระบายอากาศจะช่วยลดอุณหภูมิลงได้อย่างแน่นอน ท่านลองไปทำการบ้านดู ว่าจะเพิ่มช่องระบายอากาศอย่างไรโดยไม่รบกวนนกแอ่นมากนัก หากท่านไม่สามารถแก้ไขได้จริงด้วยการเพิ่มช่องระบายอากาศ ระบบต่อไปที่ท่านต้องพึ่งพาก็คือ พัดลมดูดอากาศ เครื่องทำความชื้น สปริงเกอร์น้ำ ฯลฯ

การติดตั้งช่องระบายอากาศให้ติดตั้งมากเข้าไว้ดีกว่า ถ้าความชื้นภายในบ้านนกแอ่นลดลง เราสามารถที่จะอุดหรือปิดช่องระบายอากาศทีละช่องเพื่อควบคุมความชื้นได้ หากติดตั้งช่องระบายอากาศน้อยเกินไป อุณหภูมิภายในบ้านนกแอ่นเพิ่มขึ้น การจะเพิ่มช่องระบายอีกในตอนหลังจึงยุ่งยากกว่าการทำไว้ตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนจำนวนช่องระบายอากาศนั้น ให้คำนวณแบบง่ายๆ 1 เมตร ต่อ 1 ช่องระบายอากาศ แถวบนให้ต่ำลงมาจากเพดานประมาณ 50 เซนติเมตร แถวล่างให้สูงจากพื้นขึ้นมาประมาณ 100 เซนติเมตร

จากภาพข้างบนเป็นเพียงตัวอย่างให้ท่านนำไปดัดแปลงประยุกต์ใช้ตามความถนัดและทักษะที่ท่านมีอยู่ เป็นภาพจากบ้านนกแอ่นของผมที่ทำอยู่บนดาดฟ้าชั้นที่ 8 ของตึกโรงแรม ดาดฟ้าถือเป็นส่วนที่รับความร้อนมากที่สุด ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นยากที่สุด ช่องระบายอากาศจึงช่วยได้มากที่สุด นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยเกินเป้าที่วางไว้อย่างเหลือเชื่อในปีแรก

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Monday, October 27, 2008

Update ข้อมูลเรื่องเศร้าจาก Mukah, Sarawak, Malaysia

จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านนกแอ่นที่เมือง Mukah รัฐ Sarawak ประเทศมาเลเซีย เกิดจากการที่ความต้องการของผู้ซื้อที่มีต่อรังนกแอ่นบ้านมากกว่ารังนกแอ่นถ้ำ ทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่เคยได้รับผลประโยชน์จากการเก็บเกี่ยวรังนกแอ่นถ้ำ ได้รับค่าน้ำร้อนน้ำชาลดลง ดังนั้นเจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงหาทางที่จะทำให้เจ้าของบ้านนกแอ่นทั้งหมดได้รับผลกระทบ เพื่อให้เห็นบทบาท อำนาจ และหน้าที่ของพวกเขา จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์ในครั้งนี้ จากแหล่งข่าวอันเดียวกันบอกเป็นนัยๆ ว่า เรื่องนี้แก้ไม่ยากหากมีการเสนอค่าน้ำร้อนน้ำชาให้กับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบ้าง

จากอุทาหรณ์ในเรื่องนี้ทำให้มองเห็นว่า ผู้บริโภคเริ่มเข้าใจในความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ว่าคุณภาพและสรรพคุณของรังนกแอ่นบ้านไม่ได้ด้อยไปกว่ารังนกแอ่นถ้ำเลย ในความเป็นจริงลึกๆ อาจจะมีคุณภาพที่ดีกว่าอีกด้วย ที่สำคัญราคาถูกกว่าแน่นอน แล้วจะไปจ่ายแพงกว่าทำไม นี่แหละ! ผลดีที่จะเกิดขึ้นกับพวกเราชาวบ้านนกแอ่นทั้งหลาย ช่วยกันพูดช่วยกันเชียร์ว่ากินรังนกแอ่นบ้านดีกว่า สารปนเปื้อนจากผนังถ้ำไม่มีแน่นอน ต้มหรือตุ๋นก็ใช้เวลาน้อยกว่า

หวังว่าเหตุการณ์ที่เมือง Mukah รัฐ Sarawak ประเทศมาเลเซีย คงมีทางออกที่ดีอย่าถึงกับต้องกับทำร้ายลูกนกแอ่นที่ไม่ได้เป็นผู้ก่อกรรมทำเข็ญกับใครต้องมาถูกทำร้าย หากยังคงมีเหตุการณ์เช่นนี้ ขอให้นกแอ่นทั้งหมดที่ Mukah จงบินอพยพมาอยู่ที่ยะลา บ้านนกแอ่นของผมยินดีต้อนรับเสมอ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, October 21, 2008

บ้านนกแอ่นควรมีความสวยงามเป็นระเบียบหรือไม่?

การทำบ้านนกแอ่นในปัจจุบันส่วนใหญ่จะดัดแปลงอาคารที่อยู่อาศัยให้เป็นบ้านนกแอ่น โดยต่อเติมส่วนบนของบ้านที่เป็นดาดฟ้า ขึ้นโครงหลังคาเพื่อป้องกันความร้อน ก่ออิฐปิดช่องต่างๆที่แสงเข้าได้ ตีแผ่นเรียบอีกชั้นป้องกันความร้อน เจาะช่องใส่ท่อระบายความร้อน ระบายอากาศ ฯลฯ การทำบ้านนกแอ่นลักษณะนี้จะเป็นการประหยัด ใช้อาคารส่วนบนที่ปกติปล่อยทิ้งว่างไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ให้เกิดประโยชน์

การทำบ้านนกแอ่นลักษณะดังกล่าวจึงทำให้บ้านที่ปกติเคยดูดี อาจมีรูปร่างหน้าตาแปลกไป กลายเป็นจุดเด่นที่ผู้คนผ่านไปผ่านมาต้องมองด้วยความสนใจ ยิ่งได้ยินเสียงเรียกนกแอ่นที่บางบ้านนกแอ่นเปิดเสียงดังแบบไม่เกรงใจเพื่อนบ้าน ก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้น ยิ่งเห็นฝูงนกแอ่นบินวนเวียนรอบๆบ้านยิ่งงุนงงสงสัย ยิ่งบางพื้นที่ขึ้นบ้านนกแอ่นพร้อมๆกันหลายหลังและต่างเปิดเสียงเรียกนกแอ่นแข่งกัน อะไรจะเกิดขึ้นกับเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงนั้น ท่านช่วยนึกดูหน่อย

บทความนี้จึงอยากจะเริ่มกับพวกเราชาวบ้านนกแอ่นทั้งหลาย หากเป็นไปได้ ต่อไปนี้บ้านนกแอ่นของพวกเราจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความสวยงามและเป็นระเบียบ ซ่อนความเป็นบ้านนกแอ่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะซ่อนได้ เราอยากทำบ้านนกแอ่น ไม่อยากโชว์บ้านนกแอ่น เสียงเรียกนกแอ่นจะต้องไม่รบกวนเพื่อนบ้านมากนัก รบกวนพองามๆกราบครั้งเดียวจบ "เออ! เสียงมันเพราะดีหวะไอ้น้อง!" เราอยากดึงดูดนกแอ่นให้เข้าอยู่อาศัย ไม่อยากดึงดูดเพื่อนบ้านมาเป็นศัตรู ไม่อยากทะเลาะกับใคร ไม่อยากให้เขาไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่ เราอยากนั่งดูนกแอ่นของเราแบบ Bird Bird สบาย สบาย

ความหวังของเราอยู่ที่การเก็บเกี่ยวรังนกแอ่นจำนวนมากๆ การเริ่มต้นที่ดีมีความราบรื่นในทุกๆเรื่องจึงต้องเริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน การทำบ้านนกแอ่นให้ดูสวยงามเป็นระเบียบ ทำให้ทัศนียภาพของเมืองดูสวยงาม จึงเป็นเรื่องที่พวกเราควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากธรรมชาติ เช่น นกแอ่นจริง แต่เราไม่ทำลายสังคม

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Sunday, October 19, 2008

ความลับเรื่องขี้นกแอ่น Swiftlet Shits

ขี้นกแอ่น: ความเหม็น ความฉุน ที่มีมนต์ขลังต่อบ้านนกแอ่น บทความนี้ขอกล่าวถึงเรื่องขี้ๆอีกสักครั้ง เป็นขี้ที่มีคุณประโยชน์ต่อบ้านนกแอ่นเป็นอย่างยิ่ง เป็นขี้ที่เจ้าของบ้านนกแอ่นผู้รู้จริงจะไม่ยอมให้ใครง่ายๆ ผมเคยกล่าวถึงมาครั้งหนึ่งแล้วว่าลูกนกแอ่นที่เพิ่งฟักออกจากไข่ ขณะที่ตัวยังแดงๆ ขนยังไม่มี ตาทั้งสองข้างยังปิดสนิท มีเพียงจมูกเท่านั้นที่สามารถรับรู้สัมผัสได้ กลิ่นแรกที่ลูกนกแอ่นสัมผัสและคุ้นเคยคือกลิ่นขี้นกแอ่นในบ้านนกแอ่นนั่นเอง

การให้ขี้นกแอ่นหรือขายขี้นกแอ่นให้กับผู้ทำบ้านนกแอ่นคนอื่นๆ ก็เหมือนกับการมอบลูกนกของเราให้กับเขาไปด้วย การเอาขี้นกแอ่นที่เราโกยเก็บออกจากบ้านนกแอ่นที่มีปริมาณขี้นกแอ่นมากเพื่อให้บ้านนกแอ่นดูสะอาด โดยเอาไปทิ้งจึงต้องระวังอย่าให้ใครรู้ ผู้รู้จริงเรื่องนกแอ่นอย่าง Mr. Harry Kok ของมาเลเซียกล่าวไว้ว่า "ลูกนกของเรามีแนวโน้มจะย้ายไปอยู่ที่บ้านใหม่ของคนอื่นที่มีกลิ่นขี้เหมือนบ้านนกแอ่นของเรา"

การใช้ขี้นกแอ่นของเราเองเพื่อบ้านนกแอ่นของเราเองจึงเกิดประโยชน์กว่า เช่น บ้านนกแอ่นของท่านมีหลายชั้น แต่นกแอ่นมักจะอยู่เป็นจุดๆไม่กระจายลงไปทุกชั้น ชั้นที่นกแอ่นไม่ค่อยลงหรือไม่ยอมลงไปอยู่ ท่านก็โกยขี้นกแอ่นจากชั้นที่นกแอ่นอยู่เป็นจำนวนมากไปโรยในชั้นที่นกแอ่นยังไม่ยอมลงไป โรยจนให้เกิดกลิ่นเหม็นกลิ่นฉุนขี้นกแอ่น แล้วท่านรอดูผลลัพธ์ จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากท่านทำบ้านนกแอ่นหลังใหม่ใกล้ๆหลังเดิม ท่านก็นำขี้นกแอ่นจากบ้านเดิมไปโรย ท่านจะได้ลูกนกแอ่นจากบ้านเดิมมาสู่บ้านใหม่เร็วขึ้น ลูกนกแอ่นของท่านจะชอบบ้านใหม่ของท่านมากกว่าบ้านของคนอื่น เพราะท่านได้กลิ่นที่ลูกนกแอ่นคุ้นเคยอยู่แล้ว

ท่านอาจทำความรู้จักหรือสร้างความคุ้นเคยกับเจ้าของบ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุดแล้ว แต่เป็นเจ้าของบ้านนกแอ่นที่ไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียดมากนัก แกล้งขอหรือขอซื้อขี้นกแอ่นที่เขาไม่เอาแล้วหรือจะทิ้ง ผมคงไม่ต้องบอกท่านนะว่าท่านเอาขี้นกแอ่นนี้ไปทำอะไร ถ้าเจ้าของบ้านนกแอ่นไม่อยู่ ก็คุยกับคนที่ดูแลบ้านดีๆ ขอซื้อขี้นกแอ่นที่เขาจะต้องตักไปทิ้ง หรือถ้าไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับเขา ก็สืบเอาว่าเขาเอาขี้นกแอ่นไปทิ้งตรงไหนก็แอบไปตักเอาตอนเผลอๆคน ถ้าเขาเอาไปขายให้ชาวสวนคนไหนก็ค่อยตามไปแบ่งขอซื้อต่ออีกทีก็ได้ การได้ขี้นกแอ่นของเขาก็เหมือนกับการได้ลูกนกแอ่นของเขาด้วย

เรื่องการใช้ขี้นกแอ่นเพื่อดึงดูดให้นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยในบ้านนกแอ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว เป็นที่ยอมรับของผู้ทำบ้านนกแอ่นที่มีประสบการณ์มานาน จนเป็นหนึ่งในทฤษฎีการทำบ้านนกแอ่น เป็นความลับที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด ท่านไม่ชอบกลิ่นเหม็นกลิ่นฉุนของขี้นกแอ่น แต่นกแอ่นชื่นชอบ เชื่อผมเถอะ! อีกหน่อยท่านจะชอบกลิ่นขี้นกแอ่นแน่นอน เพราะรังนกแอ่นกลิ่นของมันช่างหอมหวลเสียเหลือเกิน มีรังนกแอ่นมากๆ แลกเป็นเงินก็ได้หลายอยู่เหมือนกัน ขอให้ท่านชอบกลิ่นขี้นกแอ่นเหมือนผม Love me love my shits.

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, October 18, 2008

เรื่องเศร้าจากเพื่อนบ้าน MUKAH, SARAWAK

เมื่อ 2 - 3 วันที่ผ่านมามีข่าวใหญ่ที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศมาเลเซีย เป็นข่าวร้าย เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นกับผู้ทำบ้านนกแอ่นที่เมือง Mukah รัฐ Sarawak ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ผ่านวาระที่ซ่อนเร้นโดยไม่ทราบเหตุผล ให้ทำลายบ้านนกแอ่นทั้ง 300 หลังในพื้นที่เมือง Mukah ทั้งหมด เจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธได้บังคับให้เจ้าของบ้านนกแอ่นเปิดประตูบ้านนกแอ่น เจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บรังนกแอ่นทั้งหมดในบ้าน ลูกนกแอ่นถูกทิ้งลงบนพื้นโดยไม่สนใจใยดี เจ้าหน้าที่ได้กระทำการดังกล่าวกับบ้านนกแอ่น 2 หลัง และกำลังจะทำการเก็บรังนกแอ่นกับบ้านนกแอ่นหลังที่ 3 ข่าวดังกล่าวได้สร้างความขวัญเสียกับเจ้าของบ้านนกแอ่นทั้งหมดในเมือง Mukah ได้มีการรวมตัวเพื่อประท้วง แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจในเมือง Mukah แจ้งว่าไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่มีอำนาจในเรื่องนี้

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการตื่นตัวของผู้ทำบ้านนกแอ่นทั่วประเทศมาเลเซีย ด้วยเหตุผลอันใดจึงต้องกระทำการดังกล่าว การจะให้เลิกการทำบ้านนกแอ่นก็เพียงมีหนังสือแจ้งเป็นทางการให้เหตุผลที่ชัดเจนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกระทำการดังกล่าวจนลูกนกแอ่นต้องตายเป็นจำนวนมาก มันเหมือนกับเป็นการปล้นรังนกแอ่น กลุ่มผู้เลี้ยงนกแอ่นทั่วประเทศได้ช่วยกันแพร่กระจายข่าวและพยายามหาหนทางช่วยเหลือ

กลุ่มผู้ทำบ้านนกแอ่นในเมือง Mukah ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน ซึ่งถือเป็นชนกลุ่มน้อย เมื่อเป็นชนกลุ่มน้อยจึงไม่ค่อยได้รับการดูแล แต่เนื่องจากธุรกิจบ้านนกแอ่นสร้างรายได้ให้กับกลุ่มคนจีนเป็นกอบเป็นกำ มูลค่าการค้ารังนกแอ่นมีตัวเลขที่สูง ไม่ทราบว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่

สำหรับประเทศไทยของเรากลุ่มผู้ทำบ้านนกแอ่นทุกท่าน เราควรจะเกาะกันไว้อย่างเหนียวแน่น มีความรู้ควรแบ่งปัน พยายามมองไปข้างหน้าเพื่อว่าวันใดที่กฏระเบียบเรื่องบ้านนกแอ่นออกมา จะได้อยู่บนพื้นฐานที่สมเหตุสมผลที่กลุ่มผู้ทำบ้านนกแอ่นพวกเราได้มองเห็นได้นึกวางแผนไว้แล้วล่วงหน้า ขอความสามัคคีจงมีในกลุ่มผู้ทำบ้านนกแอ่นทุกๆท่านในทุกๆจังหวัด

นำเสนอแบบเศร้าๆเพราะสงสารลูกนกแอ่นโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Thursday, October 9, 2008

วงจรชีวิตของนกแอ่น (Live Cycle Of Swiftlet)

วงจรชีวิตของนกแอ่น: วงจรชีวิตของนกแอ่นเริ่มต้นเมื่อนกแอ่นมีอายุครบ 8 เดือน เป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มที่ พร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ นกแอ่นตัวผู้จะเริ่มจีบนกแอ่นตัวเมียเพื่อจับคู่เป็นสามีภรรยา ส่งเสียง"จวี๊ดๆ จวี๊ดๆ"ทักทาย บินไล่ บินตาม หยอกเย้า หยอกล้อ จนนกแอ่นตัวเมียใจอ่อนยอมรับเป็นคู่รักแห่งท้องนภากว้าง เมื่อตกลงเป็นคู่ทุกข์คู่ยาก คู่นกใหม่จะเริ่มค้นหาที่ทำรังที่ถาวร ที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกน้อย ถ้าบ้านเดิมเงื่อนไขทุกอย่างสมบูรณ์และยังมีพื้นที่ว่างอีกมาก คู่นกใหม่ก็จะหาที่ทำรังในบ้านเดิม แต่ถ้าบ้านเดิมพื้นที่เต็ม นี่คือโอกาสของท่านที่จะได้คู่นกใหม่เช่นนี้ ระยะเวลาในการทำรังและวางไข่: คู่นกใหม่จะใช้เวลาในตอนกลางคืนประมาณ 30 - 40 วัน ในการทำรัง ส่วนใหญ่จะประมาณ 40 วัน เพราะเป็นรังแรกยังไม่มีความชำนาญมากนัก หลังจากทำรังเสร็จแล้วประมาณ 7 - 10 วัน จะวางไข่ฟองแรก อีกประมาณ 2 - 3 วัน จะวางไข่ฟองที่สอง (มีท่านผู้อ่านหลายท่านสนใจถามมาว่า นกแอ่นผสมพันธุ์กันบนท้องฟ้าจริงหรือ ผมว่าจะตอบไปว่าจริงก็กลัวว่าจะผิด จะตอบว่าไม่จริงก็กลัวว่าจะถูก เพราะจากแหล่งอ้างอิงต่างๆให้ไว้ไม่เหมือนกัน บ้างก็บอกว่าผสมพันธุ์กันบนท้องฟ้าจริง บ้างก็บอกว่าหลังจากทำรังเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวเมียจะขึ้นนั่งบนรังแล้วตัวผู้จะขึ้นนั่งทับตัวเมีย หัวต่อหัวคลุกเคล้ากัน ปีกต่อปีกกางประกบกัน อุ้ย! บรรยายไม่ได้นะ นี่มันเร็ต x ชัดๆเลย)ระยะเวลาที่กกและฟักไข่: คู่นกใช้เวลากกและฟักไข่ประมาณ 26 - 28 วัน ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกัน เมื่อลูกนกออกจากไข่ ลำตัวจะมีสีแดงเรื่อๆ ไม่มีขน ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท คู่นกจะแบ่งหน้าที่ในการออกหาอาหารกลับมาป้อนให้ลูกน้อย วันละ 2 เวลา ระยะเวลาตั้งแต่ออกจากไข่จนบินได้: คู่นกจะออกหาอาหารมาป้อนลูกนกตลอดระยะเวลาประมาณ 49 - 52 วัน จนลูกนกขนเต็มตัว ช่วงนี้ลูกนกจะหัดบินอยู่ภายในบ้าน ระยะที่ยังเป็นลูกนกใหม่: หลังจากที่หัดบินอยู่ภายในบ้านจนชำนาญ คล่องแคล่ว ลูกนกใหม่ก็ได้เวลาบินสู่โลกภายนอก บินตามไปกับฝูงพ่อแม่นกและลูกนกตัวอื่นๆที่เกิดพร้อมๆกัน ดำเนินชีวิตเช่นนี้วันแล้ววันเล่าจนครบอายุ 8 เดือน เป็นหนุ่มเป็นสาวเต็มที่ พร้อมที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ ส่วนพ่อแม่นก หลังจากที่ลูกนกบินได้แล้วก็หมดภาระในรอบนั้น ผ่านไปอีกระยะหนึ่งก็จะถึงเวลาผสมพันธุ์เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ต่อๆไป เฉลี่ยใน 1 ปี ผสมพันธุ์ 3 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 120 วัน (4 เดือน) ดังนั้นบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จจึงมีประชากรนกแอ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์




Thursday, October 2, 2008

บ้านนกแอ่น-ลงทุนขนาดไหนดีที่สุด?

การลงทุนทำบ้านนกแอ่นสำหรับท่านที่มีข้อมูลดี ศึกษารายละเอียดมาครบถ้วน มีเงินทุนพร้อม มักจะลงทุนทำบ้านนกแอ่นขนาดใหญ่ สำหรับท่านที่มีข้อมูลไม่ค่อยดี ความรู้เรื่องการทำบ้านนกแอ่นก็ไม่มี แต่มีเงินทุนที่จะทำ มักจะลังเลว่าลงทุนขนาดไหนถึงจะดีและไม่เสี่ยงจนเกินไป เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องของการค้นหาความคุ้มค่าจากจำนวนเงินที่ลงทุน การลงทุนต้องมีกำไร ขนาดของการลงทุนจึงเป็นสิ่งที่ท่านต้องคำนึง

การลงทุนทำบ้านนกแอ่นขนาดใหญ่ ถามว่าทำไม "ต้องใหญ่" เป็นการฉลาดไหมที่ลงทุนขนาดใหญ่เพียงแห่งเดียวในสถานที่เดียว ทำไมไม่กระจาย ลดขนาดความใหญ่ของบ้านนกแอ่นลงแล้วลงทุนทำบ้านนกแอ่นกระจายมากกว่า 1 แห่ง ในหลายๆพื้นที่ที่มีโอกาสสูง เช่น ท่านตั้งใจจะลงทุน 10 ล้านกับบ้านนกแอ่นหลังใหญ่เพียงหลังเดียวในพื้นที่เดียว เป็นบ้านนกแอ่นขนาดเล็กลง 3 หลังๆละประมาณ 3 ล้านเศษ ในพื้นที่ที่มีโอกาสสูง 3 แห่ง นี้เป็นเพียงแนวคิด ท่านไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ท่านนำไปคิดต่อเล่นๆได้

แนวคิดเรื่องการกระจายการลงทุนในหลายพื้นที่ที่มีโอกาสสูง เป็นการกระจายไข่ของท่านไม่ให้มารวมอยู่ในตะกร้าเพียงใบเดียว สมมุติท่านได้กระจายการลงทุนเป็น 3 แห่งตามแนวคิดที่ว่า ปรากฏว่ามีเพียงแห่งเดียวที่ประสบความสำเร็จ อีก 2 แห่งล้มเหลว การทำบ้านนกแอ่นนั้นขอให้บ้านนกแอ่นเพียงหลังเดียวประสบความสำเร็จก็เกินพอแล้ว รายได้จากหลังที่สำเร็จจะช่วยดูแลหลังที่ล้มเหลว ช่วยปรับปรุงส่วนที่ผิดเงื่อนไขให้ถูกต้อง ในทางตรงกันข้าม หากท่านลงทุนทำบ้านนกแอ่น โดยลงทุนทำบ้านนกแอ่นหลังใหญ่เพียงหลังเดียว ปรากฏว่าทนทำอยู่หลายปี ปรับปรุงทุกอย่างตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ท่านจะทำอย่างไร?

บ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จเพียงหลังเดียวของท่าน ท่านก็เพียงแต่ดูแลให้ดี ใส่ใจในรายละเอียดต่างๆให้สม่ำเสมอ เตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อการขยายเพิ่มพื้นที่หรือสร้างบ้านนกแอ่นหลังใหม่เพิ่มขึ้นอีก ส่วนหลังที่ล้มเหลว หลังจากปรับปรุงแล้วถ้ายังไม่ดีขึ้นก็อาจจะขายออกไป

หากท่านเป็นคนที่โชคดี การกระจายไปทำบ้านนกแอ่นในหลายพื้นที่ที่มีโอกาสสูง ปรากฏว่าทุกหลังล้วนประสบความสำเร็จ อะไรจะเกิดขึ้นกับท่าน ท่านลองนึกดู ท่านจะเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องการเลือกทำเลที่ตั้งของบ้านนกแอ่น เลือกพื้นที่ที่มีนกแอ่นมากเพียงพอที่จะทำบ้านนกแอ่นได้

บทความนี้จึงเป็นเพียงแนวคิดสำหรับท่านที่จะลงทุนทำบ้านนกแอ่น ท่านควรจะลงทุนขนาดไหนจึงจะดีที่สุดสำหรับท่าน

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Saturday, September 27, 2008

บ้านนกแอ่นของท่านรองรับนกแอ่นได้กี่ตัว?

ท่านจะทราบได้อย่างไรว่าบ้านนกแอ่นของท่านรองรับนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยได้เต็มที่จำนวนเท่าไหร่? ท่านอาจจะยังไม่เคยคิดในเรื่องนี้ เพราะแค่ลุ้นให้นกแอ่นเข้าอยู่อาศัยก็เหนื่อยแล้วเหนื่อยอีกหลายยก แต่สำหรับท่านที่บ้านนกแอ่นของท่านเริ่มขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น จำนวนนกแอ่นเพิ่มขึ้นทุกๆเดือน ท่านคงอยากทราบวิธีคำนวณคร่าวๆว่าบ้านนกแอ่นของท่านจะรองรับจำนวนนกแอ่นได้อีกเท่าไหร่ เพื่อว่าท่านจะได้เตรียมขยับขยายเพิ่มพื้นที่การรองรับจำนวนนกแอ่นที่จะเพิ่มมากขึ้น อาจขยายพื้นที่ข้างๆถ้ายังมีที่ว่างอยู่ หรือสร้างขึ้นใหม่อีกหลังใกล้ๆเพื่อรองรับ

วิธีที่ดีที่สุดในการคำนวณคือ ยึดถือหลักการคำนวณต่อ 1 ตารางเมตร ของไม้ตีรังแบบกล่อง ขนาด 40 ซม. x 100 ซม. เมื่อมีนกแอ่นทำรังเต็มมีรังนกแอ่นขนาดเฉลี่ย 10 ซม. จำนวน 100 รัง

ตัวอย่าง: หากเนื้อที่พื้นที่ทั้งหมดของบ้านนกแอ่นของท่านเท่ากับ 280 ตารางเมตร หักพื้นที่ส่วนที่เป็นบันได ช่องทางลงของนก ห้องควบคุมเสียงและเก็บของ และพื้นที่บริเวณช่องทางเข้า-ออก ตีเป็นพื้นที่ที่ต้องเสียไปประมาณ 10% ดังนั้นท่านจะเหลือพื้นที่จริงๆประมาณ 250 ตารางเมตร

พื้นที่ 250 ตร.ม. x จำนวนรังนกแอ่น 100 รัง/1 ตร.ม.= 250 x 100 = 25,000 รัง/1 ช่วงการเก็บเกี่ยว

ดังนั้นจำนวนนกแอ่นที่ท่านบ้านนกแอ่นของท่านสามารถรองรับ = 25,000 x 2 = 50,000 ตัว (2 คือ นก 2 ตัว ช่วยกันทำรัง 1 รัง)

เมื่อท่านทราบจำนวนนกแอ่นที่บ้านนกแอ่นของท่านสามารถรองรับได้ ท่านก็สามารถตรวจสอบขีดความสามารถในการเพิ่มขึ้นของจำนวนรังนกแอ่นในแต่ละเดือน เพิ่มขึ้นเฉลี่ยกี่ % ต่อเดือน ทำให้ท่านสามารถคำนวณได้ว่าจำนวนนกแอ่นจะถึง 50,000 ตัว หรือได้รังนกแอ่นถึง 25,000 รัง ในอีกกี่ปี การที่ท่านสามารถทราบจำนวนนกแอ่นที่บ้านนกแอ่นของท่านสามารถรองรับได้ ทำให้ท่านสามารถวางแผนอนาคตของบ้านนกแอ่นของท่านได้ การรู้อะไรล่วงหน้าบ้างย่อมดีกว่าการรอให้ถึงเวลาแล้วค่อยมาคิดมาทำต่ออย่างแน่นอน

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Tuesday, September 23, 2008

อะไรคือความตื่นเต้นที่สุดในการทำบ้านนกแอ่น

ในการทำบ้านนกแอ่นนั้น หลังจากได้ศึกษาข้อมูล ได้เรียนรู้วิธีการทำบ้านนกแอ่น ได้ลงมือทำบ้านนกแอ่น จนสำเร็จมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเอง บางท่านอาจจะรู้สึกว่ามันง่ายๆแค่นี้เอง บางท่านอาจจะบอกว่ามันยากจริงๆกว่าจะทำได้สำเร็จ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละท่าน บางท่านจ้างที่ปรึกษามาจัดการให้ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างนี้จึงดูเหมือนง่าย บางท่านมีทุนน้อยไม่อยากจ้างที่ปรึกษา จึงต้องค้นหาด้วยตนเองทุกอย่าง แค่เริ่มต้นจึงรู้สึกเหมือนยากจริงๆ แต่ในที่สุดก็มีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเองได้เหมือนๆกัน และขอให้เป็นบ้านนกแอ่นที่มีเงื่อนไขสมบูรณ์ตามที่นกแอ่นชื่นชอบจริงๆ

จากวันแรกที่เปิดเสียงเรียกเป็นปฐมฤกษ์ การเฝ้ารอดูผลของความสำเร็จเป็นอะไรที่หลากหลายของความรู้สึก มีคำถามที่อยากถามว่า "อะไรคือความตื่นเต้นที่สุดในการทำบ้านนกแอ่น?" คำตอบคือการได้เห็นรอยตั้งคิ้วของรังนกแอ่นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆบนไม้ตีรัง ยิ่งได้เห็นรอยตั้งคิ้วเยอะๆยิ่งตื่นเต้น ยิ่งตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นรังนกแอ่นเสร็จสมบูรณ์เป็นรูปครึ่งถ้วยสวยงาม เมื่อเห็นลูกนกแอ่นยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก เมื่อเห็นรังนกแอ่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งตอนที่ลุ้นให้รังนกแอ่นถึงหลัก 100 รัง ยิ่งเป็นอะไรที่ท้าทายเร้าใจความตื่นเต้น ถ้าท่านได้ความรู้สึกตื่นเต้นเช่นนี้ก็แสดงว่า บ้านนกแอ่นของท่านได้มาถูกทางแล้ว บ้านนกแอ่นของท่านได้ทำตรงตามเงื่อนไขที่นกแอ่นชื่นชอบได้สมบูรณ์

สำหรับท่านที่โชคดีบ้านนกแอ่นของท่านสามารถมีรังนกแอ่นถึงหลัก 100 รัง ภายในเวลา 6 เดือน ผมคิดว่าการเป็นผู้มีอิสระทางการเงิน(เศรษฐีตัวจริง)กำลังรอท่านอยู่ใกล้ๆ เมื่อรังนกแอ่นถึง 100 รัง การที่จะขยับขึ้นแบบทวีคูณเป็น 400 รัง ภายใน 1 ปี จึงเป็นเรื่องง่าย หากท่านยังโชคดีต่อเนื่อง จำนวนรังนกแอ่นจะขยับขึ้นเป็น 500 รัง ภายในเวลาน้อยกว่า 2 ปี อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากจำนวนรังนกแอ่นถึง 500 รัง ผมคิดว่าบ้านนกแอ่นของท่านกำลังเข้าสู่ระบบเดินทางแบบอัตโนมัติ ท่านไม่ต้องทำอะไรอีกแล้วแค่ดูแลอุณหภูมิและความชื้นให้คงที่สม่ำเสมอตลอดไป ที่ต้องทำคืออย่าให้โจรรังนกแอ่นเข้าปล้นอย่างเดียว

ขณะนี้บ้านนกแอ่นของท่านมีจำนวนฝูงนกแอ่นมากพอที่จะทวีคูณอย่างต่อเนื่อง ท่านไม่จำเป็นต้องปรับกลิ่นด้วยขี้นกแอ่นบนพื้นทุกๆ 6 เดือนอีกต่อไป ท่านอาจจะลดเสียงลำโพงเสียงเรียกนอกให้เบาลง ท่านอาจต้องเพิ่มระบบระบายอากาศหากจำนวนนกแอ่นเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องระวังอย่าให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้น ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นจริง ท่านจะเห็นรังนกแอ่นใหม่เพิ่มทวีคูณขึ้นทุกๆเดือน ท่านไม่ต้องทำอะไรเพิ่มขึ้น หมั่นดูแลศัตรูที่จะมารบกวนนกแอ่นของท่าน อย่าให้มีเด็ดขาด ต่อจากนี้ไปท่านก็เพียงแต่นั่งดูจากมุมไกล ดูจำนวนนกแอ่นของท่านที่เพิ่มขึ้น บินกลับเข้าสู่บ้านนกแอ่นของท่านอย่างภาคภูมิใจ ท่านเป็นเจ้าของบ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุด

ถึงตอนนี้ บางทีท่านอาจต้องนึกทบทวน นึกถึงที่มาของความสำเร็จ อาจต้องขอบคุณผู้ที่ให้ความรู้แก่ท่าน ที่มาของความรู้ที่หลากหลายที่ท่านได้รับ และขณะเดียวอาจถึงเวลาที่ท่านต้องนำความรู้เหล่านี้ที่ท่านเคยได้รับแบ่งปันสู่ท่านอื่นๆที่ท่านรักและอยากให้เขาประสบความสำเร็จเหมือนท่าน โลกนี้อยู่ได้ด้วยการแบ่งปัน ยิ่งเป็นความรู้ยิ่งต้องแบ่งปันเป็นอย่างยิ่ง ขอให้ทุกท่านสำเร็จดังใจหวัง

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Wednesday, September 17, 2008

การทำความชื้นระบบรังผึ้ง (Cooling Pad System)

Cooling Pad System: การทำความชื้นระบบคูลลิ่งแพ๊ด คือ การใช้ระบบรังผึ้งแบบกระดาษหรือใยสังเคราะห์ที่สามารถดูดซับน้ำได้ดี ต่อท่อน้ำเข้าสู่แผ่นรังผึ้งให้รังผึ้งเปียกชื้น ฝั่งตรงกันข้ามกับที่ติดตั้งรังผึ้งจะติดตั้งพัดลมขนาดใหญ่ เมื่อเปิดพัดลมเพื่อดึงอากาศร้อนภายในออก แรงดึงของพัดลมจะดึงอากาศจากฝั่งตรงกันข้ามผ่านแผ่นรังผึ้งที่เปียกชื้น ทำให้อากาศที่ผ่านเข้ามามีความชื้นความเย็น ดูภาพประกอบ
ภาพการติดตั้งแผ่นรังผึ้งและจุดติดตั้งพัดลมผังการไหลของอากาศลักษณะการติดตั้งแผ่นรังผึ้งและพัดลมการติดตั้งแผ่นรังผึ้ง (Cooling Pad)แผ่นรังผึ้ง (Cooling Pad) แผ่นรังผึ้ง (Cooling Pad) พัดลมที่ใช้ดึงอากาศ
ระบบคูลลิ่งแพ๊ดเหมาะกับอาคารขนาดใหญ่ ได้เริ่มมีผู้นำมาใช้กับบ้านนกแอ่นยังไม่ทราบผลของการใช้ว่าดีอย่างไร

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

Sunday, September 14, 2008

ความในใจของนกแอ่น

เราคือนกแอ่นตัวหนึ่งที่ถูกท่านเข้าใจและเห็นว่าเราผสมพันธุ์กันขณะบินบนท้องฟ้า เราไม่ว่าท่านหรอก เพราะว่าท่านคือมนุษย์ มนุษย์ที่สามารถเอาชนะนกตัวเล็กๆอย่างเราได้ ท่านสร้างบ้านให้พวกเราอยู่อาศัยเราก็ดีใจแล้ว ท่านเอารังของเราไปขายเราก็ไม่ว่าท่านหรอกขอให้เราได้ใช้เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ของเราก่อน ลูกของเราบินได้แล้วท่านเก็บรังไปก็ยุติธรรมดี แต่ต่อไปนี้คือความในใจของเราที่อยากบอกให้ท่านได้รับรู้ การที่ท่านจะสร้างบ้านให้เราอยู่อาศัย ท่านควรเข้าใจความต้องการของเราอย่างถูกต้อง ท่านจึงจะประสบความสำเร็จอย่างสูงสุด

กลิ่นภายในบ้าน เราออกจากไข่วันแรก หลังจากแม่และพ่อของเราใช้เวลาช่วยกันกกไข่ประมาณ 22-28 วัน กลิ่นแรกที่เราได้สัมผัสคือกลิ่นขี้ของเราเอง เราจึงคุ้นเคยกับกลิ่นนี้มาก กลิ่นของถิ่นที่อยู่อาศัยของเรา กลิ่นนี้ฉุนมาก ดังนั้นหากท่านทำบ้านใหม่เพื่อให้เราเข้าอยู่อาศัย โปรดทำให้บ้านใหม่มีกลิ่นเหมือนกับบ้านเกิดที่เราจากมา แต่ถ้าบ้านเกิดของเรายังมีที่ว่างให้เราอยู่เราก็จะไม่มาอยู่บ้านใหม่ของท่าน เพราะเราอยากอยู่ใกล้พ่อแม่และกลุ่มของเรา เรารู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าบ้านเกิดของเราพื้นที่เต็มเราอาจจะมาอยู่บ้านใหม่ของท่าน ที่บอกว่า "อาจจะมาอยู่" ก็เพราะว่าเรายังต้องตรวจสอบเงื่อนไขอื่นๆอีกหลายอย่าง แต่เรื่องกลิ่นถ้าท่านสามารถทำให้เหมือนบ้านเกิดเราได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 1

ช่องทางเข้า-ออกเป็นสิ่งที่เราอยากบอกท่านมาก ใหญ่หรือเล็กไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้พอเข้าได้สะดวก ที่สำคัญคือท่านพยายามที่จะทำให้ภายในบ้านมืด จึงพยายามทำพนังเพื่อบังแสง บางครั้งพนังชิดช่องทางเข้า-ออกจนเกินไปทำให้เราบินเข้า-ออกลำบาก บางบ้านทำแบบกล่องคอกสุนัข เจาะช่องให้เราต้องบินแบบมุดหัวลง ถ้ากว้างๆก็บินมุดลงสะดวก ถ้าแคบๆเราอยากให้ท่านมาเป็นนกแอ่นแบบเราดูบ้าง ไม่หัวก็ต้องปีกที่จะชนขอบ นกแอ่นอย่างเราไม่มีเบรคคอยช่วย หัวเกือบน๊อกปีกเกือบหักไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นช่องทางเข้า-ออกท่านต้องทำให้ได้ขนาดที่พอเหมาะพอดี ให้เราบินเข้า-ออกได้อย่างสบายโดยไม่ต้องเจ็บตัว ตำแหน่งของช่องเข้า-ออกก็สำคัญ ต้องอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอดี ถ้าคิดไม่ออกว่าขนาดไหน แบบไหน หรือตำแหน่งไหนดี เราขอแนะนำให้ไปถามคุณเทพชัย Swiftlet Lover ดู ถ้าท่านทำได้ตามที่คุณเทพชัย Swiftlet Lover แนะนำ ท่านสอบผ่านข้อที่ 2

เสียงเรียกนกแอ่น พวกเราเป็นนกกลุ่มนกสังคมใหญ่ มีความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้นเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกในที่ท่านใช้เรียกเพื่อดึงดูดพวกเรา ต้องเป็นเสียงที่ใสชัดเจนบ่งบอกได้ถึงจำนวนนกที่มากมายอยู่ตรงนี้ เรารู้ว่าท่านหลอกเรา แต่หลอกแล้วต้องทำให้เราสบายใจเราถึงจะยอม ลำโพงเสียงเรียกในติดตั้งมากๆพวกเราชอบ พวกเราชอบทำรังใกล้ลำโพง อยากจะบอกความจริงกับท่านเรื่องเสียงเรียก เราไม่หลอกท่านแน่นอน แต่พวกท่านจะหลอกกันเอง ต่างอวดอ้างว่าเสียงเรียกของข้าดีกว่าคนอื่นๆ อันที่จริงเสียงเรียกเป็นเพียงตัวบ่งบอกให้พวกเราได้รู้ว่า ตรงนี้มีพวกของเราอยู่ซึ่งอันที่จริงไม่มีเลย เป็นเพียงเสียงเรียกเพื่อให้เราได้พบบ้านใหม่ ได้เข้าสำรวจบ้านใหม่ ถ้าเงื่อนไขบ้านใหม่ดีมากๆเราก็จะเข้าอยู่อาศัย ขอให้เสียงเรียกมาถึงหูของเราโดยไม่เพี้ยน ไม่แปลกแยก เป็นเสียงของพวกเราจริงๆ เพียวๆ ไม่ต้องJazz ไม่ต้องClassic ไม่ต้องRock ไม่ต้องมีEcho ถ้าท่านเลือกเสียงเรียกได้ตามนี้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 3

ไม้ตีรัง เราชอบไม้ตีรังที่ไม่แข็งมากนัก แข็งกลางๆ ไม่มีกลิ่น มีใยบ้างเล็กน้อย กบไสพอขุยไม้ออกหมดไม่ต้องลื่นมากนัก เซาะร่องหลายๆร่องให้เราเกาะได้ง่าย ขนาดไม้กว้าง 6 - 8 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ไม้สยาหินที่ท่านคิดว่าพวกเราชอบมากๆ ท่านไม่ต้องกังวล เดิมๆบรรพบุรุษของเราเกาะพนังหินปูนในถ้ำ เราเกาะและทำรังได้ทุกที่ ขอให้เกาะได้ง่ายรู้สึกปลอดภัยและมีที่เกาะมากๆพอที่จะให้เพื่อนๆของเราได้เกาะด้วยมากๆ ถ้าท่านทำได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 4

อุณหภูมิ ท่านรู้หรือไม่ เวลาเราบินอยู่บนท้องฟ้านั้น ถ้าวันที่อากาศร้อนเราก็จะร้อนเหมือนกับที่ท่านร้อน เราก็ถูกแดดส่องเหมือนกัน ดีว่าเรายังมีขนช่วยบังแดด ไม่งั้นหนังของเราคงเป็นนกปิ้งแน่ๆ เวลาเรากลับมาที่บ้านเราก็อยากให้บ้านที่เราอยู่อาศัยเย็นสบาย ไม่ร้อนและไม่เย็น ไม่ใช่กลับเข้ามาในบ้านแล้วยังกลับอยู่ในเตาไมโครเว็ป ข้างนอกแดดก็จะปิ้งเราอยู่แล้วกลับมาบ้านท่านก็จะปิ้งเราอีก ตกลงท่านอยากจะให้เราอยู่อาศัยที่บ้านของท่านหรือเปล่า ถ้าอยากให้เราอยู่อาศัย ช่วยทำอุณหภูมิให้ได้ระดับ 27 - 29 องศาฯ เราจะชอบมากๆ ขณะที่เราทำรัง รังของเราจะสวยงาม ขนของเราไม่หลุดร่วงง่าย รังของเราจะสะอาด ถ้าท่านทำได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 5

ความชื้น เราต้องการความชื้นที่ประมาณ 80 - 85 % ความชื้นทำให้ลูกของเราสบาย ลำตัวของลูกเราไม่แห้งจนเกินไป ไม่กระหายน้ำมาก มีเวลาพอให้เราออกไปหาอาหารและน้ำกลับมาให้ลูกของเราทัน ความชื้นทำให้รังของเราไม่กรอบ และยังช่วยลดอุณหภูมิได้ด้วย ถ้าท่านทำได้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 6

ความมืด ความมืดทำให้เรารู้สึกปลอดภัย ท่านทำให้มืดที่สุดเท่าที่ท่านทำได้ มีแสงสว่างบ้างตรงช่องทางเข้า-ออก ไม่เป็นไร ตราบใดที่เรารู้สึกว่าปลอดภัย แสงสว่างที่พอมีบ้างเรายังพอรับได้ ขอให้มีส่วนที่มืดมากๆกว่าส่วนที่สว่างก็เป็นอันใช้ได้ ทำได้แค่นี้ก็ถือว่าท่านสอบผ่านข้อที่ 7

ศัตรูรบกวนทุกชนิด เราเป็นนกตัวเล็กๆไม่ชอบถูกใครรังแก เรารักลูกของเรามาก ท่านรักลูกของท่านอย่างไร เราก็รักลูกของเราอย่างนั้น เราจะโกรธมากถ้าใครมาทำร้ายลูกของเรา เราจะไม่อยู่อาศัยที่บ้านของท่าน ถ้าเราค้นพบว่ามีศัตรูที่จะรบกวนเรา เราจะหันหลังให้กับบ้านของท่านตลอดกาล ถ้าท่านจัดการศัตรูที่ชอบรบกวนเราได้ทั้งหมด ท่านสอบผ่านข้อที่ 8

ทำเลที่ตั้งของบ้าน เราชอบพื้นที่ที่ใกล้แหล่งอาหารของเรา ป่าที่สมบูรณ์ต้องไม่ไกลจากบ้านที่จะให้เราอยู่อาศัยมากนัก มีพืชสวนพืชไร่ มีแม่น้ำลำคลอง มีแหล่งน้ำสะอาดให้เราได้โฉบเล่น อาบ กิน และล้างตัวไร พื้นที่เหล่านี้พวกเราจะบินมาบ่อยๆ ท่านจะหลอกจะเรียกพวกเราได้ง่าย ถ้าท่านทำบ้านให้เราอยู่ในพื้นที่แบบนี้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 9

ขนาดของตัวบ้าน เราไม่เกี่ยงว่าบ้านเล็กบ้านใหญ่ อยู่ที่ตัวท่าน ขอเพียงแต่ท่านต้องนำสิ่งที่ท่านสอบผ่านทั้ง 9 ข้อ ให้มารวมอยู่ในบ้านที่ท่านอยากจะให้พวกเราเข้าอยู่อาศัยอย่างลงตัวทุกเงื่อนไข ที่สำคัญคือภายในตัวบ้านต้องกว้างพอให้เราทำวงบินได้สะดวก จะวนซ้ายวนขวาล้วนมีอิสระตามใจของเรา จะมุดจะเหินล้วนกว้างขวางดังใจ จะเข้าจะออกล้วนทำได้ตามใจนึกของเรา ถ้าท่านทำได้ดังนี้ ท่านสอบผ่านข้อที่ 10

เราได้บอกความในใจของเราแล้ว หากท่านสอบผ่านทั้ง 10 ข้อ ท่านคงสบายใจ เปิดบ้านวันไหนคงใจจดใจจ่อนั่งรอดูว่าเราจะมาวนเวียนมาตอมลำโพงเสียงเรียกนอกหรือไม่ พวกเรามามากๆท่านดีใจสุดๆ วันไหนพวกเรามาน้อยๆหรือไม่มาเลย ท่านจะหงอยไปเลย แต่ท่านไม่ต้องตกใจหรอก ท่านสอบผ่านทั้ง 10 ข้อ โอกาสที่พวกเราจะเข้าอยู่อาศัยนั้นมีสูง ขอเพียงแต่ให้พวกเราได้มีโอกาสสำรวจดูเงื่อนไขต่างๆ และให้เวลาแก่พวกเราบ้าง จะช้าจะเร็วอยู่ที่ท่านทำบ้านได้สมบูรณ์ระดับไหน การทำบ้านให้พวกเราอยู่ท่านต้องอดทน ใช่ว่าจะสำเร็จในวันสองวัน ถ้าพวกเราตัดสินใจเข้าอยู่แล้วจริงๆ ไม่กี่วันท่านจะเห็นรอยตั้งคิ้วของพวกเรา แค่เห็นรอยตั้งคิ้วท่านก็จะยิ้มออก ผ่านไปอีกระยะรังก็สมบูรณ์พร้อมวางไข่ และดำเนินไปตามระยะของการขยายเผ่าพันธุ์ต่อๆไป ประชาการของเราก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนท่านพึงพอใจ

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีสองด้านเสมอ มีสำเร็จก็มีล้มเหลว ท่านสอบผ่านทั้ง 10 ข้อ มีทั้งผู้ที่ประสบความสำเร็จและผู้ที่ล้มเหลว อะไรคือข้อแตกต่างระหว่างผู้ที่ประสบความสำเร็จและผู้ที่ล้มเหลว โชคเป็นส่วนหนึ่งหรือไม่? ความเป็นคนใจบุญสุนทานมีส่วนหรื่อไม่? ความเป็นคนเห็นแก่ตัวจิตใจคับแคบมีส่วนหรือไม่? ฯลฯ และ ??????? เราไม่สามารถบอกท่านได้ในข้อนี้ ท่านต้องบอกตัวท่านเองว่าท่านเป็นคนแบบไหน ท่านย่อมรู้จักตัวท่านเองดีกว่าใครๆ ขอให้ท่านโชคดี

นกแอ่นบอกให้เขียน นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
ยะลา หรือ ยะลอ แปลว่า "แห" เดิมเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองตอนใต้ ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมาได้ประกาศเป็นจังหวัด ตามระเบียบบริหารการปกครองใหม่เมื่อปี 2476 ปัจจุบันจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.077 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 376 หมู่บ้าน มีอำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลาตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศไทย ดั่งคำขวัญที่ว่า "ยะลา : ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน" อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถไฟประมาณ 1,039 กิโลเมตร หรือโดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษมประมาณ 1,440 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีผังเมืองสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

หลักเมืองยะลา

หลักเมืองยะลา
หลักเมืองยะลาสร้างขึ้นจากแนวความคิดของ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาร่วมกับบรรดาข้าราชการซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าเดิมจังหวัดยะลาเป็นอาณาเขตหนึ่งในบริเวณ 7 หัวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เพิ่งแยกออกเป็นเมืองหนึ่งต่างหากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2335) ที่ตั้งตัวเมืองยะลาเดิมมิได้อยู่ในที่ปัจจุบัน แต่ได้โยกย้ายมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดยะลาได้พร้อมใจกันสร้างหลักเมืองขึ้นที่บริเวณศูนย์วงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดโดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เวลา 10.30 น. ปัจจุบันหลักเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางของเมืองยะลา ทั้งนี้เนื่องจากผังเมืองยะลาได้ออกแบบไว้เหมาะเจาะกันพอดีรอบๆวงเวียนหลักเมือง อันเป็นวงเวียนชั้นในสุดเป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธร สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตร สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา บรรดาถนนทุกสายที่มาจากอำเภอต่างๆของจังหวัดจะมารวมกันที่หลักเมือง

วัดคูหาภิมุข

วัดคูหาภิมุข
ถ้ำคูหาภิมุขตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางยะลา-หาดใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอีก 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ สร้างสมัยศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปีเศษ ภายในมีถ้ำต่างๆเช่น ถ้ำมืด ถ้ำ ภปร. มีหินงอกหินย้อย และหยดน้ำไหลรินจากโขดหินสวยงามยิ่งนัก หยดเกร็ดเพชรระยิบระยับตา ซึ่งในปี 2539 ถ้ำคูหาภิมุขได้รับรางวัลการประกวดแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พระมหากัจจายนะ

พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเมืองยะลา อยู่กลางแจ้งภายในวัด องค์ใหญ่สวยงาม หากหมั่นทำความดีเมื่อมาขอพรจากท่านมักจะประสบความสำเร็จ อยู่ห่างจากศาลากลางไปทางถนนสุขยางค์ทางออกมุ่งสู่อำเภอเบตงประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโรงเรียนตำรวจภูธร 9 (กองบัญชาการส่วนหน้า)

วัดพุทธาธิวาส

วัดพุทธาธิวาส
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่ ณ วัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ในตัวเมืองเบตง โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขามีขนาดความกว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูงเทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ มหาเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฏีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง
เขื่อนบางลางในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์จากตัวเมืองยะลาสู่อำเภอเบตง บนเส้นทางหลวงสายยะลา-เบตง สามารถแวะชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลางได้ที่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งห่างจากตัวเมืองยะลา 58 กิโลเมตร และเข้าไปในตัวเขื่อนอีกประมาณ 12.5 กิโลเมตร ตัวเขื่อนบางลางสร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาสันกาลาคีรี สันปันน้ำระหว่างไทยกับมาเลเซียในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด้วยฝีไม้ลายมือมนุษย์ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อน กลายสภาพเป็นทะเลสาปน้ำจืดกลางหุบเขาขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีจากพันธุ์พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดและภูเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนโอบล้อมอยู่ ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ มีอาคารบ้านพักตากอากาศ ห้องจัดประชุม ร้านอาหาร สนามเทนนิส สนามเปตอง สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล แพล่องชมทัศนียภาพ ไว้บริการให้ความสะดวกแก่ผู้มาเยือน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะเหมาะต่อการท่องเที่ยวแล้วเขื่อนบางลางยังคงคุณสมบัติของเขื่อนเอนกประสงค์ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกในภาคใต้ไว้ได้เช่นเดิมคือ ช่วยในการป้องกันอุทกภัย การชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าและการประมง (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม,ติดต่อบ้านพักโทรฯ 0-7329-9237-8, 0-7329-7099 ล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาปเหนือเขื่อน โทรฯ 0-7328-1063-66 ต่อ 2291)

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดำเนินตามรอยพระบาทชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีอาหารการกินที่หลากหลายทั้ง ไทย จีน มุสลิม ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดเป็นเพียงภาพลวงตา อีกไม่นานก็จะหายไป เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเพราะตั้งแต่วันแรกที่หลงผิดชีวิตยังหาความสุขไม่ได้ จะขอกลับมาเป็นคนดีของสังคมเร็วๆนี้

อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ

อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์