Sunday, June 7, 2009

ที่ปรึกษาหรือที่สร้างปัญหา (Swiftlet House's Consultant)

การเริ่มต้นที่จะทำบ้านนกแอ่น สำหรับท่านที่ยังไม่มีข้อมูลใดๆเป็นเรื่องที่ยากมากๆสำหรับท่าน ไม่รู้จะเริ่มต้นนับหนึ่งอย่างไรดี ข้อมูลที่ถูกต้องก็หายาก ถามคนนู้นถามคนนี้ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่เรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจบ้านนกแอ่นมันโน้มน้าวจิตใจให้อยากทำอยากมีบ้านนกแอ่น เมื่ออยากทำอยากมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเอง ก็เริ่มสอบถามค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ จนทำให้ได้เจอ "ที่ปรึกษา" จากเว็บต่างๆ หรือจากช่างที่เคยได้มีโอกาสทำบ้านนกแอ่นมาบ้างแล้ว ได้เห็นภายในบ้านนกแอ่นว่าเป็นอย่างไร ก็เลยเปลี่ยนตัวเองเป็น "ที่ปรึกษา" เสียเลย ถามว่า "ที่ปรึกษา" เหล่านี้ท่านได้รู้จักพื้นฐานความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นของเขาอย่างเพียงพอหรือไม่ เขาพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นให้ท่านได้หรือไม่ แนะนำการดูแลบ้านนกแอ่นให้ท่านเมื่อบ้านนกแอ่นสร้างเสร็จแล้วหรือไม่ ตอบได้เลยว่าท่านเองก็ไม่มีความมั่นใจใน "ที่ปรึกษา" เหล่านี้ แต่เมื่ออยากจะทำอยากจะมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเอง ท่านก็จำเป็นต้องจ้าง "ที่ปรึกษา" เหล่านี้

การเป็น "ที่ปรึกษา" นั้นรายได้ดีเงินดีมาก ปกติค่าปรึกษาจะอยู่ที่หลังละประมาณ 300,000 - 500,000 บาท แล้วแต่จะตกลงกัน "ที่ปรึกษา" จะมีทั้งที่เป็นคนไทย คนมาเลย์ และ คนอินโดฯ คนมาเลย์จะมากกว่าเพื่อนเพราะเข้ามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและสามารถมาทำมาหากินเป็น "ที่ปรึกษา" ได้ด้วย มีทั้งที่รู้จริงและรู้ไม่จริง ที่ผมกล้าพูดเช่นนี้เพราะตั้งแต่ผมทำ Blog Site แห่งนี้ ผมได้ข้อมูลจากท่านผู้อ่านที่เล่าปัญหาต่างๆไปให้ผมได้รับฟังรับรู้ ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้แก่กันและกัน ได้รับฟังถึงสภาพภายในบ้านนกแอ่นในที่ต่างๆหลายแห่งที่มีปัญหา ที่เกิดจากการจ้าง "ที่ปรึกษา" เหล่านี้ จะหาได้น้อยมากที่ติดตามผลอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่จะรับค่าปรึกษาแล้วก็หายไปเลย ถ้าจะให้ช่วยดูแลติดตามผลให้ก็ต้องมีสัญญาที่จะต้องให้ส่วนแบ่ง จะต้องมีเอี่ยวในการเก็บรังนกทุกครั้ง 30 % และมักจะอ้างเหตุผลว่าการดูแลมีค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าฮอร์โมนต่างๆที่ต้องมาฉีดให้ สารพัดข้ออ้างที่เจ้าของบ้านนกแอ่นใหม่ต้องยอมเขา เพราะเราไม่มีข้อมูลความรู้ มีหลายรายที่ยอมรับเงื่อนไขกลายเป็นสัญญาที่จำยอม(สัญญาทาส) 30 ปี เมื่อไม่สบายใจและสอบถามมาที่ผม ผมก็แนะนำให้เลิกสัญญา ไม่ต้องมาดูแลติดตามผลให้แล้วจะดูแลเอง ผมพร้อมจะให้ข้อมูลทุกอย่างที่ผมรู้แก่เขาแทน "ที่ปรึกษา" การบอกเลิกสัญญาไม่ต้องไปเกรงใจเขาหรอกเพราะเขาเอาเปรียบเรา เราลงทุนทุกบาททุกสตางค์ ยังต้องให้เขามามีเอี่ยวกับการเก็บรังนกทุกครั้ง มันเกินไปจริงๆ นี่คือจุดอ่อนที่ผู้ที่อยากทำอยากมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเองแต่ไม่มีความรู้ ระยะหลังๆนี้ Blog Site ของผมได้ช่วยให้ผู้ที่อยากทำอยากมีบ้านนกแอ่นเป็นของตนเองได้มีความรู้เพิ่มขึ้นเยอะ จะจ้าง "ที่ปรึกษา" ก็คุยได้ง่ายขึ้น มีชั้นมีเชิงไม่ถูกเอาเปรียบได้ง่ายๆ มีความรู้ที่ "ที่ปรึกษา" ไม่สามารถหลอกได้

ผมเองไม่เคยทำตัวเป็น "ที่ปรึกษา" เพราะผมไม่เคยคิดค่าปรึกษา ผมใช้คำว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้แก่กันและกัน ผมเองยังค้นหาข้อมูลความรู้เรื่องบ้านนกแอ่นอยู่ตลอดเวลา ยังสนุกกับการได้ข้อมูลใหม่ๆตลอดเวลา ปัญหาของบ้านนกแอ่นแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน การแก้ไขก็ต่างกัน จึงมีอะไรที่ใหม่ๆให้เรียนรู้ตลอดไป ผมอยากเป็น "ผู้เชี่ยวชาญ" มากกว่าเป็น "ที่ปรึกษา" อยากเป็น "ผู้ให้ความรู้" มากกว่าเป็นผู้ "รับค่าปรึกษา"

ผมคงไม่เป็นผู้ที่สร้างปัญหาให้แก่ท่าน และไม่เป็น "ที่ปรึกษา" ที่รับค่าปรึกษาจากท่าน แต่ผมจะเป็นเพื่อนคุยของท่านในยามที่ท่านมีปัญหาเรื่องบ้านนกแอ่น ขอให้ท่านเจอ "ที่ปรึกษา" ที่ดีๆมีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบท่าน ขอให้ทุกท่านโชคดี

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์





No comments:

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
ยะลา หรือ ยะลอ แปลว่า "แห" เดิมเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองตอนใต้ ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมาได้ประกาศเป็นจังหวัด ตามระเบียบบริหารการปกครองใหม่เมื่อปี 2476 ปัจจุบันจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.077 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 376 หมู่บ้าน มีอำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลาตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศไทย ดั่งคำขวัญที่ว่า "ยะลา : ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน" อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถไฟประมาณ 1,039 กิโลเมตร หรือโดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษมประมาณ 1,440 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีผังเมืองสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

หลักเมืองยะลา

หลักเมืองยะลา
หลักเมืองยะลาสร้างขึ้นจากแนวความคิดของ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาร่วมกับบรรดาข้าราชการซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าเดิมจังหวัดยะลาเป็นอาณาเขตหนึ่งในบริเวณ 7 หัวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เพิ่งแยกออกเป็นเมืองหนึ่งต่างหากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2335) ที่ตั้งตัวเมืองยะลาเดิมมิได้อยู่ในที่ปัจจุบัน แต่ได้โยกย้ายมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดยะลาได้พร้อมใจกันสร้างหลักเมืองขึ้นที่บริเวณศูนย์วงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดโดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เวลา 10.30 น. ปัจจุบันหลักเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางของเมืองยะลา ทั้งนี้เนื่องจากผังเมืองยะลาได้ออกแบบไว้เหมาะเจาะกันพอดีรอบๆวงเวียนหลักเมือง อันเป็นวงเวียนชั้นในสุดเป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธร สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตร สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา บรรดาถนนทุกสายที่มาจากอำเภอต่างๆของจังหวัดจะมารวมกันที่หลักเมือง

วัดคูหาภิมุข

วัดคูหาภิมุข
ถ้ำคูหาภิมุขตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางยะลา-หาดใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอีก 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ สร้างสมัยศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปีเศษ ภายในมีถ้ำต่างๆเช่น ถ้ำมืด ถ้ำ ภปร. มีหินงอกหินย้อย และหยดน้ำไหลรินจากโขดหินสวยงามยิ่งนัก หยดเกร็ดเพชรระยิบระยับตา ซึ่งในปี 2539 ถ้ำคูหาภิมุขได้รับรางวัลการประกวดแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พระมหากัจจายนะ

พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเมืองยะลา อยู่กลางแจ้งภายในวัด องค์ใหญ่สวยงาม หากหมั่นทำความดีเมื่อมาขอพรจากท่านมักจะประสบความสำเร็จ อยู่ห่างจากศาลากลางไปทางถนนสุขยางค์ทางออกมุ่งสู่อำเภอเบตงประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโรงเรียนตำรวจภูธร 9 (กองบัญชาการส่วนหน้า)

วัดพุทธาธิวาส

วัดพุทธาธิวาส
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่ ณ วัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ในตัวเมืองเบตง โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขามีขนาดความกว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูงเทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ มหาเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฏีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง
เขื่อนบางลางในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์จากตัวเมืองยะลาสู่อำเภอเบตง บนเส้นทางหลวงสายยะลา-เบตง สามารถแวะชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลางได้ที่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งห่างจากตัวเมืองยะลา 58 กิโลเมตร และเข้าไปในตัวเขื่อนอีกประมาณ 12.5 กิโลเมตร ตัวเขื่อนบางลางสร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาสันกาลาคีรี สันปันน้ำระหว่างไทยกับมาเลเซียในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด้วยฝีไม้ลายมือมนุษย์ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อน กลายสภาพเป็นทะเลสาปน้ำจืดกลางหุบเขาขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีจากพันธุ์พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดและภูเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนโอบล้อมอยู่ ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ มีอาคารบ้านพักตากอากาศ ห้องจัดประชุม ร้านอาหาร สนามเทนนิส สนามเปตอง สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล แพล่องชมทัศนียภาพ ไว้บริการให้ความสะดวกแก่ผู้มาเยือน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะเหมาะต่อการท่องเที่ยวแล้วเขื่อนบางลางยังคงคุณสมบัติของเขื่อนเอนกประสงค์ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกในภาคใต้ไว้ได้เช่นเดิมคือ ช่วยในการป้องกันอุทกภัย การชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าและการประมง (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม,ติดต่อบ้านพักโทรฯ 0-7329-9237-8, 0-7329-7099 ล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาปเหนือเขื่อน โทรฯ 0-7328-1063-66 ต่อ 2291)

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดำเนินตามรอยพระบาทชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีอาหารการกินที่หลากหลายทั้ง ไทย จีน มุสลิม ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดเป็นเพียงภาพลวงตา อีกไม่นานก็จะหายไป เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเพราะตั้งแต่วันแรกที่หลงผิดชีวิตยังหาความสุขไม่ได้ จะขอกลับมาเป็นคนดีของสังคมเร็วๆนี้

อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ

อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์