Friday, November 7, 2008

การเลี้ยงลูกนกแอ่นที่หล่นจากรัง

การเข้าสำรวจบ้านนกแอ่นของท่าน หรือการเข้าบ้านนกแอ่นหลังการเก็บรังนกแอ่น บางครั้งท่านจะพบลูกนกแอ่นหล่นจากรังนอนนิ่งอยู่บนพื้น หากท่านไม่ได้เข้าสำรวจ โอกาสที่ลูกนกแอ่นจะรอดชีวิตไม่มีแน่นอน ลูกนกแอ่นจะไม่ได้รับการป้อนอาหารจากพ่อแม่ พ่อแม่นกแอ่นไม่สามารถลงไปป้อนอาหารบนพื้นได้ ท่านมีทางเลือก 2 ทาง คือ หนึ่ง ท่านสามารถจับลูกนกแอ่นกลับคืนสู่รังเดิมของมันเองได้ หมายถึงรังที่มันหล่นมาจริงๆ สอง ท่านต้องเป็นพ่อแม่บุญธรรมของลูกนกแอ่นเสียเอง ด้วยการเอาลูกนกแอ่นมาเลี้ยงมาอนุบาล

ท่านจะเลี้ยงและอนุบาลลูกนกแอ่นได้อย่างไร?

คำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์เคยเลี้ยงและอนุบาลลูกนกแอ่นที่หล่นจากรังมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนมีดังนี้

1. นำลูกนกแอ่นวางลงในกล่องขนาดเล็กที่สะอาดและอบอุ่น แต่ถ้าให้ดีที่สุดวางลงในรังนกแอ่นเทียมถ้าท่านสามารถทำได้

2. อย่าวางลูกนกแอ่นหลายตัวรวมกันในกล่องเดียว หากบังเอิญท่านเจอลูกนกแอ่นหลายตัวหล่นอยู่บนพื้น ให้แยกกล่องกัน ลูกนกแอ่นจะกัดกันทำให้เกิดบาดแผลได้

3. ให้อาหารลูกนกแอ่นวันละ 3 เวลา

4. อาหารที่ดีที่สุดคือแมลงเม่าที่บินออกจากรังหลังฝนตก ลูกนกแอ่นชอบมากพอดีคำ ท่านหาวิธีจับแมลงเม่าให้ได้มากที่สุด เพื่อเก็บไว้เป็นอาหารให้ลูกนกแอ่น แมลงเม่าที่ยังไม่ได้ใช้เป็นอาหารลูกนกแอ่น เก็บใส่กล่องพลาสติกแช่ตู้เย็นไว้ป้อนมื้อต่อๆไปได้

5. หากไม่มีแมลงเม่า ตัวเลือกอื่นคือ หนอนตัวเล็กๆ สำหรับเลี้ยงนก ซึ่งมีขายตามร้านขายสัตว์เลี้ยง หรือ ร้านขายนก หนอนไม่ไผ่ ท่านต้องตัดตัวหนอนเป็นชิ้นเล็กๆเพื่อป้อนลูกนกแอ่น

6. ตอนป้อนอาหารให้ลูกนกแอ่นท่านต้องระมัดระวัง อย่าใช้ที่คีบตัวหนอนที่ทำจากเหล็กหรือสแตนเลส ให้ใช้ที่คีบแบบพลาสติก ปลายไม่แหลม ลูกนกแอ่นเวลาหิวจะรีบกิน ปลายแหลมของที่คีบอาจทำให้ปากของลูกนกแอ่นเป็นแผลได้ หากลูกนกแอ่นเจ็บปากจะไม่ยอมกินอาหาร ทำให้ลูกนกแอ่นตายได้

7. ลูกนกแอ่นจะสามารถบินได้ภายใน 30 - 40 วัน หลังออกจากไข่ ดังนั้นช่วงเวลาที่ท่านต้องให้อาหารลูกนกแอ่นที่หล่นจากรังประมาณ 15 - 20 วัน เพราะลูกนกแอ่นที่หล่นจากรังส่วนมากจะเริ่มมีขนเต็มตัวแล้ว แต่ขนยังอ่อนอยู่ เมื่อลูกนกแอ่นเริ่มบินได้ ท่านต้องขังให้อยู่ในห้องที่มิดชิด ห้ามเปิดหน้าต่าง หากตีไม้ตีรังไว้บนฝาผนังให้ลูกนกแอ่นเกาะได้ยิ่งดีมาก

8. เมื่อลูกนกแอ่นถูกเลี้ยงจนโตเต็มที่ ลูกนกแอ่นจะหยุดกินอาหารประมาณ 2 วัน เพื่อพร้อมที่จะบินออกสู่โลกภายนอก ลูกนกแอ่นจะลดน้ำหนักตัวเองเพื่อให้บินได้คล่องแคล่ว

9. อาหารอื่นๆที่ท่านสามารถป้อนให้ลูกนกแอ่นที่ใกล้โตเต็มที่กิน คือ จิ้งหรีด แมลงวันทอง ตั๊กแตน แต่ท่านต้องหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้ลูกนกแอ่นสามารถกลืนได้

10. ลูกนกแอ่นไม่ชอบให้ลมพัดถูกตัว ดังนั้นท่านจึงต้องระวังเรื่องแรงลม ไม่ควรเปิดพัดลมหรือเปิดหน้าต่าง

11. ท่านอาจเปิดเสียงเรียกในให้ลูกนกแอ่นฟัง เพื่อลูกนกแอ่นจะได้รู้สึกว่ามีเพื่อน

12. หากท่านอยากให้ลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยงกลับมาอยู่ที่บ้านนกแอ่นของท่าน ตอนปล่อยลูกนกแอ่นที่บินได้ก็ให้นำไปปล่อยออกจากบ้านนกแอ่นของท่านเอง ลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยงจะกลับมาที่บ้านกแอ่นของท่าน

13. ท่านอาจอยากทำเครื่องหมายบนขาของลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยง เพื่อจะได้สำรวจดูว่าลูกนกแอ่นที่ท่านเลี้ยงกลับมาหรือไม่ แต่คงดูลำบากเพราะขาของนกแอ่นเล็ก เวลานกแอ่นเกาะบนไม้ตีรังแล้วจะมองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำเครื่องหมาย นึกว่าเขาต้องกลับมาก็พอ และนึกว่าเราทำให้เขารอดชีวิตได้ เท่านี้ท่านก็น่าจะมีความสุขความสบายใจ

บทความบทนี้จึงเป็นเพียงแนวทางสำหรับท่านให้ลองนำไปทดลองเลี้ยงดู หากว่าบังเอิญท่านไปเจอลูกนกแอ่นหล่นอยู่บนพื้นและยังไม่ตาย ท่านจะช่วยเหลือเจ้าตัวน้อยให้รอดชีวิตได้หรือไม่ หากท่านจะผ่านเลยไปไม่สนใจ ก็สุดแต่ใจของท่าน ชีวิตก็เป็นเช่นนี้แหละ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ย่อมมีกับทุกสรรพสัตว์ในโลกนี้

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

1 comment:

Unknown said...

สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าจะเห็นข้อความรึเปล่า😆 พอดีเจอน้องนกแอ่นบ้าน น่าจะโตสักหน่อยแล้วค่ะ แต่ขนปีกข้างนึงหายไปเกือบครึ่งเลยค่ะตรงแผงขนยาวจากช่วงตัวถึงปลายปีก น้องบินไม่ได้ เวลายืน หน้าจะแอ่นลงไปจนติดพื้น อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นธรรมชาติของเขารึเปล่า ไม่ทราบว่า ขนปีกน้องเขาจะงอกมาเองอีกไหมคะ ตอนนี้ ดูแลน้องมาประมาณสองอาทิตย์ค่ะ เรื่องขนไม่ค่อยเห็นการเปลี่ยนแปลงเลย น้องจะกลับมาบินอีกได้ไหมคะ และช่วงที่ผ่านมาเห็นน้องชอบเล่นน้ำ ลงไปแช่และเอาหัวมุดน้ำ ไม่ทราบว่าเป็นธรรมชาติของเขา รึว่าอากาศบ้านเรามันร้อนไปคะ หากมีคำแนะนำยังไง จะเป็นพระคุณมากเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณสำหรับบทความื่เป็นประโยนช์ด้วยค่ะ เคยช่วยลูกนกมาหลายรอบ ส่วนมากคือตกจากรัง แต่ตัวนี้โตแล้วแต่ขนปีกหาย ตามศึกษาหาอ่านอยู่ค่ะ

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
ยะลา หรือ ยะลอ แปลว่า "แห" เดิมเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองตอนใต้ ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมาได้ประกาศเป็นจังหวัด ตามระเบียบบริหารการปกครองใหม่เมื่อปี 2476 ปัจจุบันจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.077 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 376 หมู่บ้าน มีอำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลาตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศไทย ดั่งคำขวัญที่ว่า "ยะลา : ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน" อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถไฟประมาณ 1,039 กิโลเมตร หรือโดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษมประมาณ 1,440 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีผังเมืองสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

หลักเมืองยะลา

หลักเมืองยะลา
หลักเมืองยะลาสร้างขึ้นจากแนวความคิดของ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาร่วมกับบรรดาข้าราชการซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าเดิมจังหวัดยะลาเป็นอาณาเขตหนึ่งในบริเวณ 7 หัวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เพิ่งแยกออกเป็นเมืองหนึ่งต่างหากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2335) ที่ตั้งตัวเมืองยะลาเดิมมิได้อยู่ในที่ปัจจุบัน แต่ได้โยกย้ายมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดยะลาได้พร้อมใจกันสร้างหลักเมืองขึ้นที่บริเวณศูนย์วงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดโดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เวลา 10.30 น. ปัจจุบันหลักเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางของเมืองยะลา ทั้งนี้เนื่องจากผังเมืองยะลาได้ออกแบบไว้เหมาะเจาะกันพอดีรอบๆวงเวียนหลักเมือง อันเป็นวงเวียนชั้นในสุดเป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธร สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตร สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา บรรดาถนนทุกสายที่มาจากอำเภอต่างๆของจังหวัดจะมารวมกันที่หลักเมือง

วัดคูหาภิมุข

วัดคูหาภิมุข
ถ้ำคูหาภิมุขตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางยะลา-หาดใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอีก 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ สร้างสมัยศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปีเศษ ภายในมีถ้ำต่างๆเช่น ถ้ำมืด ถ้ำ ภปร. มีหินงอกหินย้อย และหยดน้ำไหลรินจากโขดหินสวยงามยิ่งนัก หยดเกร็ดเพชรระยิบระยับตา ซึ่งในปี 2539 ถ้ำคูหาภิมุขได้รับรางวัลการประกวดแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พระมหากัจจายนะ

พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเมืองยะลา อยู่กลางแจ้งภายในวัด องค์ใหญ่สวยงาม หากหมั่นทำความดีเมื่อมาขอพรจากท่านมักจะประสบความสำเร็จ อยู่ห่างจากศาลากลางไปทางถนนสุขยางค์ทางออกมุ่งสู่อำเภอเบตงประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโรงเรียนตำรวจภูธร 9 (กองบัญชาการส่วนหน้า)

วัดพุทธาธิวาส

วัดพุทธาธิวาส
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่ ณ วัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ในตัวเมืองเบตง โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขามีขนาดความกว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูงเทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ มหาเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฏีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง
เขื่อนบางลางในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์จากตัวเมืองยะลาสู่อำเภอเบตง บนเส้นทางหลวงสายยะลา-เบตง สามารถแวะชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลางได้ที่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งห่างจากตัวเมืองยะลา 58 กิโลเมตร และเข้าไปในตัวเขื่อนอีกประมาณ 12.5 กิโลเมตร ตัวเขื่อนบางลางสร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาสันกาลาคีรี สันปันน้ำระหว่างไทยกับมาเลเซียในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด้วยฝีไม้ลายมือมนุษย์ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อน กลายสภาพเป็นทะเลสาปน้ำจืดกลางหุบเขาขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีจากพันธุ์พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดและภูเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนโอบล้อมอยู่ ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ มีอาคารบ้านพักตากอากาศ ห้องจัดประชุม ร้านอาหาร สนามเทนนิส สนามเปตอง สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล แพล่องชมทัศนียภาพ ไว้บริการให้ความสะดวกแก่ผู้มาเยือน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะเหมาะต่อการท่องเที่ยวแล้วเขื่อนบางลางยังคงคุณสมบัติของเขื่อนเอนกประสงค์ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกในภาคใต้ไว้ได้เช่นเดิมคือ ช่วยในการป้องกันอุทกภัย การชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าและการประมง (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม,ติดต่อบ้านพักโทรฯ 0-7329-9237-8, 0-7329-7099 ล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาปเหนือเขื่อน โทรฯ 0-7328-1063-66 ต่อ 2291)

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดำเนินตามรอยพระบาทชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีอาหารการกินที่หลากหลายทั้ง ไทย จีน มุสลิม ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดเป็นเพียงภาพลวงตา อีกไม่นานก็จะหายไป เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเพราะตั้งแต่วันแรกที่หลงผิดชีวิตยังหาความสุขไม่ได้ จะขอกลับมาเป็นคนดีของสังคมเร็วๆนี้

อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ

อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์