Saturday, May 31, 2008

ท่านจะมีรายได้เท่าไร?จากการลงทุนหากบ้านนกแอ่นของท่านประสบความสำเร็จ

เจ้าของบ้านนกแอ่นจะร่ำรวยจากการขายรังนกแอ่น หรือจากการขายบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้วโดยได้ราคาดีมากๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปหากท่านฝึกปรือจนเชี่ยวชาญ สามารถทำบ้านนกแอ่นให้สำเร็จเป็นของตัวเองส่วนหนึ่ง และทำบ้านนกแอ่นให้สำเร็จแล้วขายได้ราคาดีๆอีกส่วนหนึ่ง ผมจะให้ข้อมูลโดยการประมาณว่าธุรกิจบ้านนกแอ่นให้รายได้ตอบแทนท่านอย่างไร?

-1. ความมั่งคั่งจากการขายรังนกแอ่น

-รังนกแอ่นประมาณ 110 รัง = 1 กิโลกรัม
-รังนกแอ่น 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ = 45,000 บาท

สำหรับบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้วทุกๆพื้นที่ 1 ตารางฟุต (30.48 ตารางเซนติเมตร) สามารถให้ผลผลิตรังนกแอ่น 1 รัง ทุกๆ 4 เดือน (แบบสบายๆจำนวนนกแอ่นยังไม่แออัด)

แบบบ้านมาตรฐาน 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ 5 x 25 เมตร ให้พื้นที่ทั้งหมด = 5 x 25 x 2 = 250 ตารางเมตร

-ทำ 1 ตารางฟุตให้เป็นตารางเซนติเมตร = 30.48 x 30.48 = 929.03 ตารางเซนติเมตร

-ทำ 1 ตารางเมตรให้เป็นจำนวนรังนกแอ่น = 100 x 100 = 10,000 หารด้วย 929.03 = 10.76 รัง

-ทุกๆ 1 ตารางเมตร ได้รังนกแอ่น 10.76 รัง ถ้า 250 ตารางเมตร จะได้รังนกแอ่น = 250 x 10.76 = 2,690 รัง

-ทุกๆ 4 เดือน ได้รังนกแอ่น 2,690 รัง ดังนั้น 1 ปี จะได้รังนกแอ่น = 2,690 x 3 = 8,070 รัง

-ทำให้เป็นจำนวนกิโลกรัม = 8,070 รัง หารด้วย 110 รัง = 73.36 กิโลกรัม

-ทำให้เป็นจำนวนตัวเงินรายได้ที่รับ = 45,000 x 73.36 = 3,301,200 บาท/ปี

จะเห็นว่าขนาดพื้นที่ 1 ตารางฟุต ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 1 รัง แบบสบายๆไม่แออัดยังมีรายถึง 3.3 ล้านบาท ถ้าหาก 1 ตารางฟุต ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 5 รัง แบบแออัดนกแอ่นขยายประชากรเพิ่ม ท่านรองคำนวณดูอีกที :-

-1 ตารางฟุต ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 5 รัง = เพิ่มขึ้น 5 เท่า = 10.76 x 5 = 53.8 รัง

-1 ตารางเมตร ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 53.8 รัง ถ้า 250 ตารางเมตร = 250 x 53.8 = 13,450 รัง

-ทุกๆ 4 เดือน ได้ผลผลิตรังนกแอ่น 13,450 รัง ดังนั้น 1 ปี จะได้รังนกแอ่น = 13,450 x 3 = 40,350 รัง

-ทำให้เป็นจำนวนกิโลกรัม = 40,350 รัง หารด้วย 110 รัง = 366.81 กิโลกรัม

-ทำให้เป็นจำนวนเงินรายได้ที่รับ = 45,000 x 366.81 = 16,506,450 บาท

จะเห็นว่าถ้าบ้านนกแอ่นของท่านประสบความสำเร็จสูงสุด มีนกแอ่นเข้าอาศัยจำนวนมาก มีพื้นที่ให้เกาะพักและทำรังมาก ท่านจะยิ่งได้ผลผลิตรังนกแอ่นมาก การประมาณการรายได้ที่ผมนำเสนอนี้เพียงเพื่อให้ท่านนำไปคิดเล่นๆเพลินๆยามว่าง อย่าฝันหวานจนตาโตหล่ะ! ขยันทำการบ้านเรื่องอุณหภูมิและความชื้นให้มากๆหน่อย แล้วท่านจะยิ้มหวานๆได้ ตัวเลขรายได้ประมาณ 16 ล้าน/ปี นั้นต้องตั้งใจและทุ่มเทจริงๆครับ

-2. ความมั่งคั่งจากการขายบ้านนกแอ่น

หลังจากท่านทำบ้านนกแอ่นไปได้สักระยะหรือประมาณ 2 ปี บ้านนกแอ่นของท่านประสบความสำเร็จ ได้รังนกแอ่นประมาณ 500 รัง จะมีผู้สนใจที่อยากจะซื้อ ท่านเองก็อยากจะขาย เพราะจะได้เงินก้อนใหญ่ และท่านเองก็มีความเชี่ยวชาญในการทำบ้านนกแอ่นแล้ว ก็สามารถนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งไปลงทุนใหม่ได้

ราคาการขายบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้วพอจะประเมินได้ดังนี้ :-

-1. ราคาบ้านพร้อมที่ดินที่ท่านซื้อมาทำบ้านนกแอ่น

-2. ราคาค่าดัดแปลงบ้าน พร้อมอุปกรณ์ทุกอย่าง

-3. ราคาค่ารังนกแอ่นที่มีอยู่ ประมาณ 10,000 บาท/ 1 รังนกแอ่น

ดังนั้นหากท่านซื้อบ้านพร้อมที่ดินมาราคา 2,500,000 บาท ค่าดัดแปลงบ้านพร้อมอุปกรณ์ทุกอย่าง 750,000 บาท บ้านนกแอ่นของท่านสามารถเก็บรังนกแอ่นได้ 500 รัง เท่ากับจำนวนรังนกแอ่น 500 รัง x คูณด้วย 10,000 บาท = 5,000,000 บาท

จำนวนเงินที่ได้รับจากการขายบ้านนกแอ่นของท่าน เท่ากับ 2,500,000 + 750,000 + 5,000,000 = 8,250,000 บาท

โอ้ย! ผมชักจะมึนๆกับตัวเลขเสียแล้ว ผิดถูกอย่างไรท่านไปคิดต่อนะครับ

นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์

No comments:

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
ยะลา หรือ ยะลอ แปลว่า "แห" เดิมเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองตอนใต้ ขึ้นอยู่กับมณฑลปัตตานี ต่อมาได้ประกาศเป็นจังหวัด ตามระเบียบบริหารการปกครองใหม่เมื่อปี 2476 ปัจจุบันจังหวัดยะลามีพื้นที่ 4,521.077 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 376 หมู่บ้าน มีอำเภอเมือง อำเภอรามัน อำเภอยะหา อำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอกาบัง และอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลาตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศไทย ดั่งคำขวัญที่ว่า "ยะลา : ใต้สุดสยามเมืองงามชายแดน" อยู่ห่างจากกรุงเทพฯโดยทางรถไฟประมาณ 1,039 กิโลเมตร หรือโดยทางรถยนต์ตามถนนเพชรเกษมประมาณ 1,440 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีผังเมืองสวยงามแห่งหนึ่งของประเทศไทย

หลักเมืองยะลา

หลักเมืองยะลา
หลักเมืองยะลาสร้างขึ้นจากแนวความคิดของ พ.ต.อ.ศิริ คชหิรัญ ครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาร่วมกับบรรดาข้าราชการซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าเดิมจังหวัดยะลาเป็นอาณาเขตหนึ่งในบริเวณ 7 หัวเมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เพิ่งแยกออกเป็นเมืองหนึ่งต่างหากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ในสมัยรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2335) ที่ตั้งตัวเมืองยะลาเดิมมิได้อยู่ในที่ปัจจุบัน แต่ได้โยกย้ายมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ด้วยเหตุดังกล่าวท่านจึงให้ข้าราชการและประชาชนชาวจังหวัดยะลาได้พร้อมใจกันสร้างหลักเมืองขึ้นที่บริเวณศูนย์วงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัดโดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2504 เวลา 10.30 น. ปัจจุบันหลักเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางของเมืองยะลา ทั้งนี้เนื่องจากผังเมืองยะลาได้ออกแบบไว้เหมาะเจาะกันพอดีรอบๆวงเวียนหลักเมือง อันเป็นวงเวียนชั้นในสุดเป็นที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ได้แก่ ศาลากลางจังหวัด ศาลจังหวัด กองกำกับการตำรวจภูธร สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตร สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และที่ว่าการอำเภอเมืองยะลา บรรดาถนนทุกสายที่มาจากอำเภอต่างๆของจังหวัดจะมารวมกันที่หลักเมือง

วัดคูหาภิมุข

วัดคูหาภิมุข
ถ้ำคูหาภิมุขตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง ไปตามเส้นทางยะลา-หาดใหญ่ ประมาณ 7 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าวัดอีก 1 กิโลเมตร เป็นที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ สร้างสมัยศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปีเศษ ภายในมีถ้ำต่างๆเช่น ถ้ำมืด ถ้ำ ภปร. มีหินงอกหินย้อย และหยดน้ำไหลรินจากโขดหินสวยงามยิ่งนัก หยดเกร็ดเพชรระยิบระยับตา ซึ่งในปี 2539 ถ้ำคูหาภิมุขได้รับรางวัลการประกวดแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติของ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พระมหากัจจายนะ

พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2505 ประดิษฐานอยู่ภายในวัดเมืองยะลา อยู่กลางแจ้งภายในวัด องค์ใหญ่สวยงาม หากหมั่นทำความดีเมื่อมาขอพรจากท่านมักจะประสบความสำเร็จ อยู่ห่างจากศาลากลางไปทางถนนสุขยางค์ทางออกมุ่งสู่อำเภอเบตงประมาณ 1 กิโลเมตร อยู่ด้านขวามือตรงข้ามกับโรงเรียนตำรวจภูธร 9 (กองบัญชาการส่วนหน้า)

วัดพุทธาธิวาส

วัดพุทธาธิวาส
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ ตั้งอยู่ ณ วัดพุทธาธิวาส ถนนรัตนกิจ ในตัวเมืองเบตง โดยตัวเจดีย์ตั้งอยู่บนเนินเขามีขนาดความกว้าง 39 เมตร สูง 39.9 เมตร หรือขนาดความสูงเทียบเท่าตึก 13 ชั้น เป็นมหาธาตุเจดีย์ที่สวยงามและขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์ มหาเจดีย์องค์นี้สร้างขึ้นจากความคิดและการดำเนินการของอดีตประธานศาลฏีกา นายสวัสดิ์ โชติพานิช เพื่อเฉลิมฉลองและถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา

เขื่อนบางลาง

เขื่อนบางลาง
เขื่อนบางลางในระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์จากตัวเมืองยะลาสู่อำเภอเบตง บนเส้นทางหลวงสายยะลา-เบตง สามารถแวะชมทัศนียภาพอันสวยงามของเขื่อนบางลางได้ที่บ้านบางลาง ตำบลบาเจาะ อำเภอบันนังสตา ซึ่งห่างจากตัวเมืองยะลา 58 กิโลเมตร และเข้าไปในตัวเขื่อนอีกประมาณ 12.5 กิโลเมตร ตัวเขื่อนบางลางสร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี ซึ่งมีต้นน้ำอยู่ที่ทิวเขาสันกาลาคีรี สันปันน้ำระหว่างไทยกับมาเลเซียในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ด้วยฝีไม้ลายมือมนุษย์ทำให้พื้นที่บริเวณเหนือเขื่อน กลายสภาพเป็นทะเลสาปน้ำจืดกลางหุบเขาขนาดใหญ่ซึ่งล้อมรอบไปด้วยความเขียวขจีจากพันธุ์พืชพันธุ์ไม้นานาชนิดและภูเขาน้อยใหญ่ที่ทอดตัวเรียงรายสลับซับซ้อนโอบล้อมอยู่ ทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ มีอาคารบ้านพักตากอากาศ ห้องจัดประชุม ร้านอาหาร สนามเทนนิส สนามเปตอง สนามกอล์ฟ สนามฟุตบอล แพล่องชมทัศนียภาพ ไว้บริการให้ความสะดวกแก่ผู้มาเยือน จึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นทางเลือกในการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจอีกแห่งหนึ่ง นอกจากจะเหมาะต่อการท่องเที่ยวแล้วเขื่อนบางลางยังคงคุณสมบัติของเขื่อนเอนกประสงค์ตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำแห่งแรกในภาคใต้ไว้ได้เช่นเดิมคือ ช่วยในการป้องกันอุทกภัย การชลประทาน การผลิตกระแสไฟฟ้าและการประมง (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม,ติดต่อบ้านพักโทรฯ 0-7329-9237-8, 0-7329-7099 ล่องเรือหรือแพชมทิวทัศน์ทะเลสาปเหนือเขื่อน โทรฯ 0-7328-1063-66 ต่อ 2291)

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา

วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
ยะลาเป็นเมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงามอุดมสมบูรณ์ ผู้คนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ดำเนินตามรอยพระบาทชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง มีอาหารการกินที่หลากหลายทั้ง ไทย จีน มุสลิม ผู้คนรักใคร่กลมเกลียว เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความวุ่นวายทั้งหลายที่เกิดเป็นเพียงภาพลวงตา อีกไม่นานก็จะหายไป เพราะเขาเองก็เบื่อเต็มทนแล้วเพราะตั้งแต่วันแรกที่หลงผิดชีวิตยังหาความสุขไม่ได้ จะขอกลับมาเป็นคนดีของสังคมเร็วๆนี้

อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ

อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์