บทความนี้ขอใช้คำศัพท์ที่ดูเป็นวิชาการหน่อย คำว่า "กลยุทธ์" การวางแผน การวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบัน คาดการณ์ไปล่วงหน้า และกำหนดแนวทางที่คาดว่าน่าจะดีที่สุด เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างได้ผล กลยุทธ์ ไม่ใช่วิธีการธรรมดา มีการใช้ความคิดเป็นพิเศษ เพื่อกลั่นเอาแนวทางที่ดีที่สุด และสามารถแปรเปลี่ยนสถานการณ์ทุกประเภท ให้กลับกลายเป็นประโยชน์แก่หน่วยงาน ไม่ว่าขณะนั้นองค์การจะอยู่ในสถานการณ์ใด ไม่ว่าจะเป็นช่วงได้เปรียบ หรือเสียเปรียบก็ตาม การมีกลยุทธ์ ทำให้มีจุดมุ่งในการไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน เป็นการเลือกวิธีการที่ดีที่สุด ในสถานการณ์ที่เหมาะสม ทำให้เกิดความชัดเจนในภารกิจ และบทบาทความเกี่ยวข้องของบุคคลฝ่ายต่างๆ ทำให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการวัดและประเมินผล
ในการลงทุนทำบ้านนกแอ่น ต้องให้มั่นใจว่าสิ่งที่เกี่ยวกับรูปธรรมที่เป็นจริงได้ก็อาจเป็นไปได้ที่จะเกิดการสูญเสียหรือขาดทุนได้ ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผน มีกลยุทธ์ เลือกสนาม เลือกด้าน เลือกวิธี ที่ท่านมีโอกาสชนะ มีโอกาสสำเร็จ
รวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมด ถึงแม้บางข้อมูลอาจจะผิด หรืออาจจะไม่สมบูรณ์ครบถ้วน วางแผนด้วยข้อมูลที่ดีที่สุดที่ท่านมีอยู่ในมือ ออกแบบบ้านนกแอ่นให้ได้ตามที่บ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุดพึงมี รับคำแนะนำจากเจ้าของบ้านนกแอ่นที่สำเร็จสูงสุดและใจดี อ่านบทความจาก Swiftlet Lover Blog
รู้จักยอมรับว่ามันมีความเสี่ยงในทุกๆสิ่ง ความสำเร็จและล้มเหลวจึงอาจเกิดขึ้นได้พอๆกัน ขอให้ท่านดูภาพประกอบข้างบนเพื่อท่านจะได้เข้าใจในเรื่องของการหาความรู้ อย่าพึ่งผู้อื่นทุกอย่าง ท่านเป็นผู้ลงทุน บ้านนกแอ่นเป็นของท่าน ความสำเร็จต้องเป็นของท่านด้วย
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
ยินดีต้อนรับสู่ Swiftlet Lover Blog. เป็น blog/website สำหรับผู้สนใจการเลี้ยงและการทำบ้านนกแอ่น เป็นศูนย์กลางของข้อมูล ข่าวสาร และ วิชาการ เพื่อผู้สนใจชาวไทยโดยเฉพาะ นำเสนอ โดย อภิชาต อริยะพันธุ์(เทพชัย อริยะพันธุ์ อดีตผู้ก่อตั้ง) จังหวัดยะลา
Wednesday, July 30, 2008
Tuesday, July 29, 2008
ความสำคัญของอุณหภูมิและความชื้นที่มีผลต่อขนาดของรังนกแอ่น
การเลือกใช้วัสดุ ขนาดของบ้านนกแอ่น และพื้นที่ที่ทำบ้านนกแอ่นล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการทำบ้านนกแอ่น แต่ละพื้นที่จะมีอุณหภูมิและความชื้นแตกต่างกัน การเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆเพื่อช่วยให้บ้านนกแอ่นมีสภาพใกล้เคียงถ้ำธรรมชาติที่นกแอ่นอาศัยจึงมีความจำเป็น การทำช่องระบายอากาศเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนเคลื่อนไหวของอากาศ การทำรางน้ำ อ่างน้ำเพื่อเพิ่มความเย็นความชื้นภายในบ้านนกแอ่น จึงกล่าวได้ว่าอุณหภูมิและความชื้นมีผลต่อการเข้าอยู่อาศัยของนกแอ่นและขนาดของรังนกแอ่น
หลังจากสร้างบ้านนกแอ่นเสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทดสอบคือการวัดอุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านนกแอ่น เมื่อทราบค่าอุณหภูมิและความชื้นแล้วก็หาวิธีแก้ไข ถ้าความชื้นไม่ได้ 85% ก็เพิ่มเครื่องทำความชื้น ถ้าอุณหภูมิไม่ได้ 25-29 องศาฯ ให้ตรวจสอบดูว่าเกิดจากส่วนไหน เช่น ผนังด้านใดที่ยังร้อนอยู่ หรือเพราะช่องระบายอากาศน้อยเกินไป การจะคำนวณครั้งเดียวให้ลงตัวทุกอย่างเป็นเรื่องที่ยากมาก ช่องระบายอากาศถ้าทำเผื่อไว้ตั้งแต่แรกจะดีที่สุด ถ้าตอนหลังเราพบว่ามากเกินไปก็สามารถปิดได้ ซึ่งทำได้ง่ายกว่าเจาะเพิ่ม ดังนั้นก่อนจะเปิดบ้านนกแอ่นเพื่อเรียกนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยจึงต้องมั่นใจว่าอุณหภูมิอยู่ที่ 25-29องศาฯ ความชื้นอยู่ที่ 80%-85%
อุณหภูมิมีผลต่อรังนกแอ่นอย่างไร?
อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาฯ
--รังนกแอ่นจะหล่นง่าย ไม่เกาะไม้ตีรัง น้ำลายนกแห้งเร็วเกินไป
--รังนกแอ่นจะมีช่องห่างไม่แน่น กรอบและเปราะ
--รังนกแอ่นมีขนมากและสกปรก
--รังนกแอ่นมีน้ำหนักเบา 4-5 กรัม/รัง รังเล็กไม่ได้ราคา
อุณหภูมิ 28-29 องศาฯ
--รังนกแอ่นจะแข็ง แน่น แตกหักยาก
--รังนกแอ่นจะไม่หล่น
--รังนกแอ่นจะสะอาด ขนน้อย
--รังนกแอ่นจะได้น้ำหนัก 8-13 กรัม/รัง รังใหญ่ได้ราคา
อุณหภูมิต่ำกว่า 27 องศาฯ
--รังนกแอ่นหล่นยากใช้เวลาในการทำรังนาน
--รังนกแอ่นได้น้ำหนัก 14 กรัม/รัง
--ได้รังนกแอ่นน้อย
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
หลังจากสร้างบ้านนกแอ่นเสร็จ สิ่งแรกที่ต้องทดสอบคือการวัดอุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านนกแอ่น เมื่อทราบค่าอุณหภูมิและความชื้นแล้วก็หาวิธีแก้ไข ถ้าความชื้นไม่ได้ 85% ก็เพิ่มเครื่องทำความชื้น ถ้าอุณหภูมิไม่ได้ 25-29 องศาฯ ให้ตรวจสอบดูว่าเกิดจากส่วนไหน เช่น ผนังด้านใดที่ยังร้อนอยู่ หรือเพราะช่องระบายอากาศน้อยเกินไป การจะคำนวณครั้งเดียวให้ลงตัวทุกอย่างเป็นเรื่องที่ยากมาก ช่องระบายอากาศถ้าทำเผื่อไว้ตั้งแต่แรกจะดีที่สุด ถ้าตอนหลังเราพบว่ามากเกินไปก็สามารถปิดได้ ซึ่งทำได้ง่ายกว่าเจาะเพิ่ม ดังนั้นก่อนจะเปิดบ้านนกแอ่นเพื่อเรียกนกแอ่นเข้าอยู่อาศัยจึงต้องมั่นใจว่าอุณหภูมิอยู่ที่ 25-29องศาฯ ความชื้นอยู่ที่ 80%-85%
อุณหภูมิมีผลต่อรังนกแอ่นอย่างไร?
อุณหภูมิมากกว่า 30 องศาฯ
--รังนกแอ่นจะหล่นง่าย ไม่เกาะไม้ตีรัง น้ำลายนกแห้งเร็วเกินไป
--รังนกแอ่นจะมีช่องห่างไม่แน่น กรอบและเปราะ
--รังนกแอ่นมีขนมากและสกปรก
--รังนกแอ่นมีน้ำหนักเบา 4-5 กรัม/รัง รังเล็กไม่ได้ราคา
อุณหภูมิ 28-29 องศาฯ
--รังนกแอ่นจะแข็ง แน่น แตกหักยาก
--รังนกแอ่นจะไม่หล่น
--รังนกแอ่นจะสะอาด ขนน้อย
--รังนกแอ่นจะได้น้ำหนัก 8-13 กรัม/รัง รังใหญ่ได้ราคา
อุณหภูมิต่ำกว่า 27 องศาฯ
--รังนกแอ่นหล่นยากใช้เวลาในการทำรังนาน
--รังนกแอ่นได้น้ำหนัก 14 กรัม/รัง
--ได้รังนกแอ่นน้อย
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Saturday, July 26, 2008
หากแหล่งอาหารธรรมชาติของนกแอ่นลดลงจะทำอย่างไร?
ผมได้อ่านBlogของเพื่อนบ้านประเทศมาเลเซีย เขาคุยกันว่าประเทศมาเลเซียจะนำหน้าประเทศอินโดนีเซียในการผลิตรังนกแอ่นบ้าน เพราะประเทศมาเลเซียใช้ไฮเทคเทคนิค (High Tech Techniques) แต่ก็มีผู้รู้ที่แท้จริงคัดค้าน เขาบอกว่าความสำเร็จของประเทศมาเลเซียในช่วงแรกๆเกิดจากการอพยพย้ายถิ่นของนกแอ่นจากประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากไฟไหม้ป่าหลายครั้งในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซียได้รับอานิสงส์อันนี้จึงมีการพัฒนามาเรื่อยๆจนประสบความสำเร็จสูง ส่วนในอินโดนีเซียก็ยังคงใช้เทคนิคเก่าๆเดิมๆ
ผู้รู้ท่านเดิมยังให้เหตุผลเพิ่มอีกว่า หากจะดำรงรักษาไว้ซึ่งการเจริญเติบโตของประชากรนกแอ่น เพื่อความสำเร็จของบ้านนกแอ่นทั้งหลาย เราจำเป็นต้องคำนึงถึงมหัพภาคหรือภาพรวมใหญ่ของถิ่นที่อยู่ของนกแอ่น ว่าสามารถผลิตอาหารอย่างเพียงพอให้นกแอ่นได้หรือไม่ นั่นคือแหล่งผลิตแมลงชนิดต่างๆที่นกแอ่นกินเป็นอาหาร
กุญแจสำคัญของความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่นในอนาคต คือการรักษาสภาพแวดล้อม การรักษาป่าไม่ แม่น้ำ แหล่งน้ำสะอาด ให้คงความสมบูรณ์ตลอดไป ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเพิ่มผลผลิตรังนกแอ่น ไม่สามารถเพิ่มประชากรนกแอ่นได้ บ้านนกแอ่นที่สร้างขึ้นมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการใช้ไฮเทคเทคนิคหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ทันสมัยเพียงอย่างเดียว
กลับมามองดูตัวเราเอง มองดูการทำบ้านนกแอ่นในประเทศไทย เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าเราก็ตามเขาอยู่ เราพึ่งเขาเกือบจะทุกเรื่อง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่ใหญ่กว่าและน่าเป็นห่วงคือเรื่องการรักษาสภาพแวดล้อม รักษาป่า แม่น้ำ แหล่งน้ำสะอาดให้คงความสมบูรณ์ตลอดไป สำหรับประเทศไทยต้องช่วยกันจริงๆ เพราะกฏหมายของเราอ่อนแอ ธรรมชาติจึงถูกทำลายได้ง่าย และจะเกิดผลกระทบโดยตรงกับการทำบ้านนกแอ่นในอนาคต
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
ผู้รู้ท่านเดิมยังให้เหตุผลเพิ่มอีกว่า หากจะดำรงรักษาไว้ซึ่งการเจริญเติบโตของประชากรนกแอ่น เพื่อความสำเร็จของบ้านนกแอ่นทั้งหลาย เราจำเป็นต้องคำนึงถึงมหัพภาคหรือภาพรวมใหญ่ของถิ่นที่อยู่ของนกแอ่น ว่าสามารถผลิตอาหารอย่างเพียงพอให้นกแอ่นได้หรือไม่ นั่นคือแหล่งผลิตแมลงชนิดต่างๆที่นกแอ่นกินเป็นอาหาร
กุญแจสำคัญของความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่นในอนาคต คือการรักษาสภาพแวดล้อม การรักษาป่าไม่ แม่น้ำ แหล่งน้ำสะอาด ให้คงความสมบูรณ์ตลอดไป ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่สามารถเพิ่มผลผลิตรังนกแอ่น ไม่สามารถเพิ่มประชากรนกแอ่นได้ บ้านนกแอ่นที่สร้างขึ้นมาก็ไม่ประสบความสำเร็จ ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการใช้ไฮเทคเทคนิคหรืออุปกรณ์ต่างๆที่ทันสมัยเพียงอย่างเดียว
กลับมามองดูตัวเราเอง มองดูการทำบ้านนกแอ่นในประเทศไทย เราก็ต้องยอมรับความจริงว่าเราก็ตามเขาอยู่ เราพึ่งเขาเกือบจะทุกเรื่อง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ที่ใหญ่กว่าและน่าเป็นห่วงคือเรื่องการรักษาสภาพแวดล้อม รักษาป่า แม่น้ำ แหล่งน้ำสะอาดให้คงความสมบูรณ์ตลอดไป สำหรับประเทศไทยต้องช่วยกันจริงๆ เพราะกฏหมายของเราอ่อนแอ ธรรมชาติจึงถูกทำลายได้ง่าย และจะเกิดผลกระทบโดยตรงกับการทำบ้านนกแอ่นในอนาคต
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Wednesday, July 23, 2008
ภาพไม้ตีรังในบ้านนกแอ่นแบบต่างๆ(Nesting Plank)
ภาพทั้งหมดที่นำมาเสนอเป็นภาพไม้ตีรังจากหลายๆแห่งของบ้านนกแอ่น จะเห็นว่ามีความใกล้เคียงกันในการตีไม้รัง ขนาดของไม้ที่ใช้ ส่วนใหญ่จะใช้ไม้หน้ากว้าง 6-8 นิ้ว หนา 1 นิ้ว ไม้ที่นิยมใช้ทำไม้ตีรังคือไม้ "สยาหิน" เป็นไม้แข็งกลาง มีใย ไม่มีกลิ่น ปัจจุบันหาซื้อยาก ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศมาเลเซียใช้ไม้ชนิดนี้เป็นหลัก ไม้ตีรังที่ใช้อยู่ในบ้านนกแอ่นของประเทศไทยก็เป็นไม้นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย คละๆกันหลายชนิด เลือกชนิดที่ใกล้เคียงกับไม้สยาหินให้มากที่สุด คือ เป็นไม้แข็งกลาง มีใยบ้าง ไม่มีกลิ่นชัดเจนมากนัก
จากภาพไม้ตีรังที่นำมาเสนอ ถ้าท่านพิมพ์ลงบนกระดาษ แล้วนำไปให้ช่างไม้ที่ชำนาญดู บอกความต้องการของท่านว่าให้ตีไม้รังแบบในภาพตัวอย่างนี้ โดยบอกขนาดความห่างของไม้ขวางและไม้แนวให้ช่างไม้ได้รู้ ช่างไม้ก็สามารถที่จะตีไม้รังให้ได้ตามที่ท่านต้องการ หวังว่าภาพไม้ตีรังทั้งหมดที่ท่านได้เห็น ท่านคงสามารถนำไปดัดแปลงให้เหมาะสมกับบ้านนกแอ่นที่ท่านกำลังจะทำ และอย่าลืมเซาะร่องบนไม้ตีรังตามที่เคยแนะนำไว้ในบทความก่อนหน้านี้ด้วย
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
จากภาพไม้ตีรังที่นำมาเสนอ ถ้าท่านพิมพ์ลงบนกระดาษ แล้วนำไปให้ช่างไม้ที่ชำนาญดู บอกความต้องการของท่านว่าให้ตีไม้รังแบบในภาพตัวอย่างนี้ โดยบอกขนาดความห่างของไม้ขวางและไม้แนวให้ช่างไม้ได้รู้ ช่างไม้ก็สามารถที่จะตีไม้รังให้ได้ตามที่ท่านต้องการ หวังว่าภาพไม้ตีรังทั้งหมดที่ท่านได้เห็น ท่านคงสามารถนำไปดัดแปลงให้เหมาะสมกับบ้านนกแอ่นที่ท่านกำลังจะทำ และอย่าลืมเซาะร่องบนไม้ตีรังตามที่เคยแนะนำไว้ในบทความก่อนหน้านี้ด้วย
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Wednesday, July 16, 2008
องค์ประกอบ 11 ข้อ สำหรับความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่น
การทำบ้านนกแอ่นให้ประสบความสำเร็จนั้น มีองค์ประกอบ 11 ข้อดังต่อไปนี้:-
2. ทำเลที่ตั้งของบ้านนกแอ่นเหมาะสมทุกอย่าง
3. อุณหภูมิภายในบ้านนกแอ่นเหมาะสม 25-28 องศาเซลเซียส
4. ความชื้นภายในบ้านนกแอ่นเหมาะสม 85%
5. ความมืด ความสว่าง เหมาะสม 3 ลักซ์
6. เส้นทางบินของนกแอ่น
7. ไม้ตีรังเหมาะสม แข็งกลาง มีใย ไม่มีกลิ่น เซาะร่องเรียบร้อย
8. ปรับกลิ่นไม้ตีรัง ผนัง และพื้นให้หอมถูกใจนกแอ่น
9. เสียงเรียกนกแอ่นนอกและในสมบูรณ์ที่สุด
10. ไม่มีศัตรูรบกวนภายในบ้านนกแอ่น
11. มีสิ่งรบกวนจากภายนอกน้อยที่สุด
ท่านคงอยากจะถามว่าองค์ประกอบข้อที่ 1 หายไปไหน??
จากประสบการณ์ของผู้ทำบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุด องค์ประกอบที่สำคัญข้อที่ 1 ที่ผู้ทำบ้านนกแอ่นทุกท่านอยากจะมีคือ "ความมีโชค" หรือ "Good Luck" ในภาษาอังกฤษ หรือตัวอักษรข้างล่างนี้ในภาษาจีน ด้วยองค์ประกอบที่สำคัญข้อที่ 1 นี้ ถ้าท่านมี องค์ประกอบข้ออื่นๆอีก 10 ข้อสำหรับความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่นจะเป็นของท่านโดยง่ายดาย ขอให้ท่านมีโชคดี
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
2. ทำเลที่ตั้งของบ้านนกแอ่นเหมาะสมทุกอย่าง
3. อุณหภูมิภายในบ้านนกแอ่นเหมาะสม 25-28 องศาเซลเซียส
4. ความชื้นภายในบ้านนกแอ่นเหมาะสม 85%
5. ความมืด ความสว่าง เหมาะสม 3 ลักซ์
6. เส้นทางบินของนกแอ่น
7. ไม้ตีรังเหมาะสม แข็งกลาง มีใย ไม่มีกลิ่น เซาะร่องเรียบร้อย
8. ปรับกลิ่นไม้ตีรัง ผนัง และพื้นให้หอมถูกใจนกแอ่น
9. เสียงเรียกนกแอ่นนอกและในสมบูรณ์ที่สุด
10. ไม่มีศัตรูรบกวนภายในบ้านนกแอ่น
11. มีสิ่งรบกวนจากภายนอกน้อยที่สุด
ท่านคงอยากจะถามว่าองค์ประกอบข้อที่ 1 หายไปไหน??
จากประสบการณ์ของผู้ทำบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุด องค์ประกอบที่สำคัญข้อที่ 1 ที่ผู้ทำบ้านนกแอ่นทุกท่านอยากจะมีคือ "ความมีโชค" หรือ "Good Luck" ในภาษาอังกฤษ หรือตัวอักษรข้างล่างนี้ในภาษาจีน ด้วยองค์ประกอบที่สำคัญข้อที่ 1 นี้ ถ้าท่านมี องค์ประกอบข้ออื่นๆอีก 10 ข้อสำหรับความสำเร็จในการทำบ้านนกแอ่นจะเป็นของท่านโดยง่ายดาย ขอให้ท่านมีโชคดี
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Tuesday, July 15, 2008
ด้านที่หวานแหววในจิตใจของผู้ทำบ้านนกแอ่น
เรื่องราวของการทำบ้านนกแอ่นมีมุมของความรู้สึกที่หลากหลาย นี่ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่หวานแหววสดใสในความรู้สึกของท่าน:-
1. ความฝันที่จะเป็นเศรษฐีอยู่ใกล้แค่เอื้อม หนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ กี่เปอร์เซ็นของผู้ทำบ้านนกแอ่นที่เป็นเศรษฐี ในพื้นที่ที่ดีที่เหมาะสม อย่างน้อยที่สุดต้องมี 50% เป็นเศรษฐี
2. ท่านไม่ต้องมีสัญญาที่จะขายรังนกแอ่นของท่าน ผู้ซื้อจะมาหาท่านเอง อยู่ที่ท่านจะมีความเชี่ยวชาญในการต่อรองราคาอย่างไร ฝึกทักษะด้านนี้ไว้มากๆ
3. ท่านไม่ได้ทำงานให้ใคร ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเดือนคนงาน ประกันสังคม วันหยุด การลาป่วย และอื่นๆอีกมากมาย
4. ท่านจะได้เข้าอบซาวน่าทุกเดือน อบจนเหงื่อของท่านเปียกเสื้อผ้าที่ท่านใส่ ท่านจะได้ดมกลิ่นอันชื่นใจ ได้ยินเสียงอันไพเราะ และได้ทองคำขาวกองใหญ่
5. ท่านสามารถวางตารางการทำงานของท่านเอง อยากจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการจราจร ไม่ต้องทาครีมกันแดดเพราะงานของท่านอยู่ในที่ร่มตลอด
6. ท่านมีความสุขกับการกินรังนกแอ่นตุ๋น ตราบเท่าที่ท่านอยากจะกินตลอดปี
7. ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องหาซื้อของขวัญไปฝากใครอีกต่อไป เพียงแค่บรรจุรังนกแอ่นซัก 20-30 รังลงกล่องสวยๆไปฝากก็สุดๆแล้ว แสดงว่ารักกันจริง
8. ท่านไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมายเพื่อลงทุนทำบ้านนกแอ่น
9. ท่านทำงานเพียงเดือนละ 3 วัน เท่านั้น อีก 28 วัน ท่านมีเวลาไปทำอะไรก็ได้ที่ท่านอยากจะทำ
10. รังนกแอ่นที่ท่านขายไม่มีเงินเชื่อ ไม่มีหนี้สูญ รับเป็นเงินสดล้วนๆ
11. มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ต่ำมากๆเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ
12. ไม่จำเป็นต้องเสียค่าโฆษณา ขณะที่ผลผลิตรังนกแอ่นจากบ้านนกแอ่นของท่านเติบโต 30-50% ทุกปี
13. ผลตอบแทนจากการลงทุนรับรองผลได้(หากท่านอ่านบทความในSwiftlet Lover Blogแล้วนำไปปฏิบัติ)
หวังว่าด้านที่หวานแหววในจิตใจคงมีมากกว่าด้านที่ขัดแย้งในจิตใจ ขอให้ท่านโชคดีเลือกด้านได้ถูกต้องตรงใจ เป็นเศรษฐีมีบ้านสวยๆเร็วๆ ท่านทำบ้านให้นกแอ่นอยู่สบาย นกแอ่นก็จะให้บ้านสวยๆแก่ท่านเช่นกัน
นำเสนอแบบไม่เครียดโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
1. ความฝันที่จะเป็นเศรษฐีอยู่ใกล้แค่เอื้อม หนทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ กี่เปอร์เซ็นของผู้ทำบ้านนกแอ่นที่เป็นเศรษฐี ในพื้นที่ที่ดีที่เหมาะสม อย่างน้อยที่สุดต้องมี 50% เป็นเศรษฐี
2. ท่านไม่ต้องมีสัญญาที่จะขายรังนกแอ่นของท่าน ผู้ซื้อจะมาหาท่านเอง อยู่ที่ท่านจะมีความเชี่ยวชาญในการต่อรองราคาอย่างไร ฝึกทักษะด้านนี้ไว้มากๆ
3. ท่านไม่ได้ทำงานให้ใคร ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเดือนคนงาน ประกันสังคม วันหยุด การลาป่วย และอื่นๆอีกมากมาย
4. ท่านจะได้เข้าอบซาวน่าทุกเดือน อบจนเหงื่อของท่านเปียกเสื้อผ้าที่ท่านใส่ ท่านจะได้ดมกลิ่นอันชื่นใจ ได้ยินเสียงอันไพเราะ และได้ทองคำขาวกองใหญ่
5. ท่านสามารถวางตารางการทำงานของท่านเอง อยากจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาการจราจร ไม่ต้องทาครีมกันแดดเพราะงานของท่านอยู่ในที่ร่มตลอด
6. ท่านมีความสุขกับการกินรังนกแอ่นตุ๋น ตราบเท่าที่ท่านอยากจะกินตลอดปี
7. ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องหาซื้อของขวัญไปฝากใครอีกต่อไป เพียงแค่บรรจุรังนกแอ่นซัก 20-30 รังลงกล่องสวยๆไปฝากก็สุดๆแล้ว แสดงว่ารักกันจริง
8. ท่านไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมายเพื่อลงทุนทำบ้านนกแอ่น
9. ท่านทำงานเพียงเดือนละ 3 วัน เท่านั้น อีก 28 วัน ท่านมีเวลาไปทำอะไรก็ได้ที่ท่านอยากจะทำ
10. รังนกแอ่นที่ท่านขายไม่มีเงินเชื่อ ไม่มีหนี้สูญ รับเป็นเงินสดล้วนๆ
11. มีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ต่ำมากๆเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ
12. ไม่จำเป็นต้องเสียค่าโฆษณา ขณะที่ผลผลิตรังนกแอ่นจากบ้านนกแอ่นของท่านเติบโต 30-50% ทุกปี
13. ผลตอบแทนจากการลงทุนรับรองผลได้(หากท่านอ่านบทความในSwiftlet Lover Blogแล้วนำไปปฏิบัติ)
หวังว่าด้านที่หวานแหววในจิตใจคงมีมากกว่าด้านที่ขัดแย้งในจิตใจ ขอให้ท่านโชคดีเลือกด้านได้ถูกต้องตรงใจ เป็นเศรษฐีมีบ้านสวยๆเร็วๆ ท่านทำบ้านให้นกแอ่นอยู่สบาย นกแอ่นก็จะให้บ้านสวยๆแก่ท่านเช่นกัน
นำเสนอแบบไม่เครียดโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
ด้านที่ขัดแย้งจิตใจของผู้ทำบ้านนกแอ่น
หลายๆครั้งที่ท่านได้ฟังเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับความจริงในการทำบ้านนกแอ่น ยิ่งท่านค้นหาข้อมูลใน Intenet ท่านจะพบ Web Site ของที่ปรึกษาการทำบ้านนกแอ่นที่มีชื่อเสียงหลายๆ Web แต่ละ Web พยายามที่จะบอกแต่เรื่องดีๆให้ท่านคล้อยตาม ส่วนเรื่องที่เป็นด้านลบหรือด้านที่ขัดแย้งมักจะไม่กล่าวถึง ถ้ากล่าวถึงก็มักจะบอกว่าสามารถแก้ไขได้ถ้าปรึกษากับเขา แต่ต้องจ่ายค่าปรึกษา ถ้า Web นั้นขายของด้วย ก็จะบอกว่าของตนเองดีกว่าของคนอื่นเสมอ ดังนั้นข้อมูลที่ท่านได้จาก Web จึงมีทั้งถูกและผิด ทั้งจริงและไม่จริง
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำบ้านนกแอ่น ท่านจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งใด หากท่านวางแผนจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น และคิดว่าจะลงแบบเต็มเวลาให้กับบ้านนกแอ่น โปรดคิดอีกครั้ง เราจะแบ่งปันกับท่านในข้อขัดแย้งของการเป็นผู้ทำบ้านนกแอ่นแบบเต็มเวลา
ข้อขัดแย้งของการเป็นผู้ทำบ้านนกแอ่นแบบเต็มเวลา แบบทิ้งงานอื่นทั้งหมด:-
1. ธุรกิจบ้านนกแอ่นยังอยู่ในขั้นอนุบาล ขณะที่กฏระเบียบของทางการยังไม่ชัดเจน แต่ละท้องถิ่นยังไม่มีกฏหมายที่ชัดเจนเพื่อรองรับ เจ้าหน้าที่แต่ละแห่งจึงอาจใช้กฏที่ข้าฯออกเองกับท่านได้ สามารถข่มขู่ท่านได้ต่างๆนาๆ ดังนั้นกฏข้อที่ 1 ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ใดๆ โปรดทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลในพื้นที่นั้นๆ(หมายถึงหัวหน้า) ท่านต้องไปพบเขาก่อนเพื่อขอคำแนะนำ ผูกสัมพันธ์ไมตรีอันดีต่อกัน ก่อนที่เขาจะมาพบท่านพร้อมกฏระเบียบต่างๆมากมาย
2. ธุรกิจบ้านนกแอ่นใช้เวลาในการเติบโตและท่านต้องอดทน ท่านต้องสามารถคอยได้เป็นปีก่อนที่เงินเหล่านี้จะบินมาสู่หน้าตักของท่าน จากประสบการณ์ของผู้ทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ที่ดี ใช้เวลา 5 ปี สามารถคืนทุน หลังจากนั้นจะมีรายได้ตัวเลข 6 หลักทุกเดือน หากท่านกำลังหาหนทางที่จะรวยเร็วรวยง่ายกว่านี้ โปรดไปใช้ช่องทางอื่น
3. กังวล...กังวล...และ...กังวลมาก เป็นอะไรที่ท่านต้องคิด เมื่อท่านเริ่มเปิดบ้านเพื่อเรียกนกแอ่นเข้าอยู่อาศัย ท่านกังวลว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ หลังจากประสบความสำเร็จ ท่านจะกังวลว่าบ้านนกแอ่นของท่านจะปลอดภัยหรือไม่ กังวล...กังวล...และ...กังวลมาก
4. น่าเบื่อ! เป็นอาชีพที่น่าเบื่อ! เป็นธุรกิจที่น่าเบื่อ! ท่านไม่ต้องทำอะไร แค่ทำงานเพียง 3 วัน/เดือน(สำหรับบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จแล้ว เราเก็บรังนกแอ่นทุกๆ 10 วัน) ทุกๆบ้านนกแอ่นที่ท่านมี อีก 28 วัน ท่านว่างจนน่าเบื่อ เอารถสปอร์ตไปขับเล่นก็แล้ว เอามอเตอร์ไซด์Harley-Davidson ไปขี่เล่นก็แล้ว เฮ้อ! มันน่าเบื่อจริงๆ
5. ท่านไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนงานของท่านได้เลย ถึงท่านจะมีคนงานเป็นพันเป็นหมื่น คนงานเหล่านี้จะไม่ฟังคำสั่งท่าน ไม่เคารพท่านเหมือนเจ้านาย บางครั้งหลับในชั่วโมงทำงาน พูดคุยกันตลอด ที่แย่ที่สุดชอบหันหลังให้ท่าน และที่แย่ยิ่งกว่า ท่านต้องเก็บกวาดขี้ที่คนงานของท่านขี้ไว้ น่าเจ็บใจที่สุด!
6. ท่านไม่สามารถหาเวลาไปเที่ยวที่ไหนนานๆโดยไม่เป็นห่วงบ้านนกแอ่นของท่าน กังวลอีกแล้ว จะบ้าตาย!
7. หากท่านติดตั้งCCTV มีระบบแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ ท่านต้องเปิดเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง ท่านต้องภาวนาขออย่าให้มันดังขึ้นมาเลย เพราะนั่นหมายถึงมีผู้บุกรุกบ้านนกแอ่นของท่าน ท่านต้องวุ่นวายขนาดไหน นึกเอาเองก็แล้วกัน
8. ท่านจะเป็นโรคนกแอ่น โรคที่ถวิลหานกแอ่นตลอดเวลา
9. ภรรยาและลูกๆของท่านจะบังคับให้ท่านทำความสะอาดรังนกแอ่น และตุ๋นรังนกแอ่นให้พวกเขากิน
10. เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี บ้านนกแอ่นจะมีอำนาจชักจูงใจท่าน......
---รสนิยมการแต่งกายของท่าน แบรนด์เนม และ ตามแฟชั่นสุดๆ ---รองเท้าที่ท่านใส่ ต้องแพงสุดๆ ---เครื่องประดับต้องแหวนเพชรน้ำงามๆราคาแพงๆ ---รถยนต์ที่ท่านขับต้องรถสปอรต์ยี่ห้อดังๆ ดังนั้นคิดให้ดีๆ 3 ครั้ง ก่อนตัดสินใจลงทุนทำบ้านนกแอ่น เราไม่อยากตัดสินใจแทนท่าน เพราะเงินลงทุนเป็นของท่าน ส่วนเรา เฮฮา เฮฮา เฮฮา 5555
นำเสนอแบบไม่เครียดโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำบ้านนกแอ่น ท่านจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งใด หากท่านวางแผนจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น และคิดว่าจะลงแบบเต็มเวลาให้กับบ้านนกแอ่น โปรดคิดอีกครั้ง เราจะแบ่งปันกับท่านในข้อขัดแย้งของการเป็นผู้ทำบ้านนกแอ่นแบบเต็มเวลา
ข้อขัดแย้งของการเป็นผู้ทำบ้านนกแอ่นแบบเต็มเวลา แบบทิ้งงานอื่นทั้งหมด:-
1. ธุรกิจบ้านนกแอ่นยังอยู่ในขั้นอนุบาล ขณะที่กฏระเบียบของทางการยังไม่ชัดเจน แต่ละท้องถิ่นยังไม่มีกฏหมายที่ชัดเจนเพื่อรองรับ เจ้าหน้าที่แต่ละแห่งจึงอาจใช้กฏที่ข้าฯออกเองกับท่านได้ สามารถข่มขู่ท่านได้ต่างๆนาๆ ดังนั้นกฏข้อที่ 1 ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ใดๆ โปรดทำความรู้จักกับเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลในพื้นที่นั้นๆ(หมายถึงหัวหน้า) ท่านต้องไปพบเขาก่อนเพื่อขอคำแนะนำ ผูกสัมพันธ์ไมตรีอันดีต่อกัน ก่อนที่เขาจะมาพบท่านพร้อมกฏระเบียบต่างๆมากมาย
2. ธุรกิจบ้านนกแอ่นใช้เวลาในการเติบโตและท่านต้องอดทน ท่านต้องสามารถคอยได้เป็นปีก่อนที่เงินเหล่านี้จะบินมาสู่หน้าตักของท่าน จากประสบการณ์ของผู้ทำบ้านนกแอ่นในพื้นที่ที่ดี ใช้เวลา 5 ปี สามารถคืนทุน หลังจากนั้นจะมีรายได้ตัวเลข 6 หลักทุกเดือน หากท่านกำลังหาหนทางที่จะรวยเร็วรวยง่ายกว่านี้ โปรดไปใช้ช่องทางอื่น
3. กังวล...กังวล...และ...กังวลมาก เป็นอะไรที่ท่านต้องคิด เมื่อท่านเริ่มเปิดบ้านเพื่อเรียกนกแอ่นเข้าอยู่อาศัย ท่านกังวลว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ หลังจากประสบความสำเร็จ ท่านจะกังวลว่าบ้านนกแอ่นของท่านจะปลอดภัยหรือไม่ กังวล...กังวล...และ...กังวลมาก
4. น่าเบื่อ! เป็นอาชีพที่น่าเบื่อ! เป็นธุรกิจที่น่าเบื่อ! ท่านไม่ต้องทำอะไร แค่ทำงานเพียง 3 วัน/เดือน(สำหรับบ้านนกแอ่นที่ประสบความสำเร็จแล้ว เราเก็บรังนกแอ่นทุกๆ 10 วัน) ทุกๆบ้านนกแอ่นที่ท่านมี อีก 28 วัน ท่านว่างจนน่าเบื่อ เอารถสปอร์ตไปขับเล่นก็แล้ว เอามอเตอร์ไซด์Harley-Davidson ไปขี่เล่นก็แล้ว เฮ้อ! มันน่าเบื่อจริงๆ
5. ท่านไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนงานของท่านได้เลย ถึงท่านจะมีคนงานเป็นพันเป็นหมื่น คนงานเหล่านี้จะไม่ฟังคำสั่งท่าน ไม่เคารพท่านเหมือนเจ้านาย บางครั้งหลับในชั่วโมงทำงาน พูดคุยกันตลอด ที่แย่ที่สุดชอบหันหลังให้ท่าน และที่แย่ยิ่งกว่า ท่านต้องเก็บกวาดขี้ที่คนงานของท่านขี้ไว้ น่าเจ็บใจที่สุด!
6. ท่านไม่สามารถหาเวลาไปเที่ยวที่ไหนนานๆโดยไม่เป็นห่วงบ้านนกแอ่นของท่าน กังวลอีกแล้ว จะบ้าตาย!
7. หากท่านติดตั้งCCTV มีระบบแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์มือถือ ท่านต้องเปิดเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง ท่านต้องภาวนาขออย่าให้มันดังขึ้นมาเลย เพราะนั่นหมายถึงมีผู้บุกรุกบ้านนกแอ่นของท่าน ท่านต้องวุ่นวายขนาดไหน นึกเอาเองก็แล้วกัน
8. ท่านจะเป็นโรคนกแอ่น โรคที่ถวิลหานกแอ่นตลอดเวลา
9. ภรรยาและลูกๆของท่านจะบังคับให้ท่านทำความสะอาดรังนกแอ่น และตุ๋นรังนกแอ่นให้พวกเขากิน
10. เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี บ้านนกแอ่นจะมีอำนาจชักจูงใจท่าน......
---รสนิยมการแต่งกายของท่าน แบรนด์เนม และ ตามแฟชั่นสุดๆ ---รองเท้าที่ท่านใส่ ต้องแพงสุดๆ ---เครื่องประดับต้องแหวนเพชรน้ำงามๆราคาแพงๆ ---รถยนต์ที่ท่านขับต้องรถสปอรต์ยี่ห้อดังๆ ดังนั้นคิดให้ดีๆ 3 ครั้ง ก่อนตัดสินใจลงทุนทำบ้านนกแอ่น เราไม่อยากตัดสินใจแทนท่าน เพราะเงินลงทุนเป็นของท่าน ส่วนเรา เฮฮา เฮฮา เฮฮา 5555
นำเสนอแบบไม่เครียดโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Monday, July 14, 2008
อะไรคือสิ่งที่ท่านต้องตรวจสอบก่อนตัดสินใจลงทุนทำบ้านนกแอ่น
การลงทุนทำบ้านนกแอ่นยังเป็นที่สนใจอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่เรื่องราวเกี่ยวกับนกแอ่นยังถูกกล่าวถึงในวงสนทนาต่างๆ ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริงยังถูกปกปิด ผู้สนใจที่จะลงทุนจึงกล้าๆกลัวๆ มีผู้สนใจสอบถามมาหลายท่าน จึงขอนำเสนอบทความที่พอจะเป็นแนวทางให้ท่านได้ตรวจสอบก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะการลงทุนหมายถึงการใช้เงิน หมายถึงเงินที่ท่านใช้ความเหนื่อยยากหามา ยิ่งเงินลงทุนที่ต้องกู้ยืมมายิ่งต้องระมัดระวัง สิ่งต่างๆที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ท่านสามารถนำไปใช้ก่อนตัดสินใจลงทุนซื้อบ้านเพื่อดัดแปลงเป็นบ้านนกแอ่น หรือลงทุนสร้างตึกนกแอ่น คอนโดฯนกแอ่นโดดๆเป็นการเฉพาะ
หากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น เป็นพื้นที่ที่มีบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้ว คือบ้านนกแอ่นที่ได้ผลผลิตแล้ว สิ่งที่ท่านต้องตรวจสอบมีดังนี้:-
1. ผลผลิตรังนกแอ่นทั้งหมดที่ได้จากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุน แต่ท่านจะเช็คได้อย่างไร เพราะถ้าไปสอบถามตัวเลขปริมาณรังนกแอ่นที่เก็บได้กับเจ้าของบ้านนกแอ่น เขาคงไม่บอกตัวเลขให้ท่าน ท่านจึงต้องใช้การประมาณตัวเลขจำนวนนกแอ่นในพื้นที่เอาเอง ใช้เวลาช่วงเย็นตอนนกแอ่นบินกลับบ้านนกแอ่นแต่ละหลัง สำรวจดูว่าแต่ละหลังมีจำนวนนกแอ่นประมาณเท่าไหร่? จากจำนวนนกแอ่นที่ประมาณได้ ท่านก็สามารถจะประมาณจำนวนรังนกแอ่นที่ผลิตได้ สามารถที่จะประมาณจำนวนลูกนกแอ่นที่ท่านจะดึงดูดหรือเรียกให้มาอยู่ที่บ้านนกแอ่นใหม่ของท่านได้(ลูกนกแอ่น 2 ตัว/1 รัง)
2. หากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น เป็นพื้นที่ใหม่ เป็นพื้นที่ที่ยังบริสุทธิ์ ยังไม่มีบ้านนกแอ่น ให้ท่านใช้ชุดเสียงเรียกนกแอ่นไปทดสอบ ไปเปิดเสียงเรียกดูว่ามีนกแอ่นตอบสนองต่อเสียงเรียกหรือไม่ เพื่อตรวจสอบจำนวนประชากรนกแอ่นในพื้นที่ หากมีปริมาณนกแอ่นมากพอก็สามารถลงทุนได้ ถ้าน้อยก็ไม่ต้องลงทุนเพราะจะคืนทุนยากและช้า
สำหรับการตรวจสอบขั้นแรกก็มี 2 ลักษณะดังที่กล่าวถึง ถ้าผ่านขั้นตอนแรกแล้วก็อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ เหตุผลต่อๆมาก็คือเรื่องของราคาที่ดิน ราคาบ้านที่ท่านจะซื้อเพื่อดัดแปลงทำบ้านนกแอ่น ถ้าราคายิ่งถูกยิ่งดี อยู่ในโซนที่ไม่ใช่ย่านการค้าราคายิ่งถูก ก็อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ
หลายๆปีก่อนหน้านี้ หากท่านคิดจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น อาจมีหลายๆคนหัวเราะใส่ท่านว่า"ไม่เข้าท่า" ไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ ความเสี่ยงสูงถึง 80% ยังจะกล้าลงทุนหรือ ขนาด 50:50 ยังไม่อยากจะลงทุนเลย ไอ้นี้ต้องบ้าแน่ๆ ปัจจุบันข้อมูลตัวนี้ได้เปลี่ยนไป ความรู้เรื่องการทำบ้านนกแอ่นได้มีการต่อยอด มีการทดลอง ทดสอบ ลองผิดลองถูก จนได้ข้อสรุปที่มีความสำเร็จสูง อัตราความสำเร็จถ้าทำได้ตามเงื่อนไขที่ถูกต้องก็จะมีถึง 80% บางพื้นที่ถึง 90% ดังนั้นจึงขอให้ท่าน Update ข้อมูลอันนี้ด้วย เพื่อท่านจะได้กล้ามากขึ้น ตัดสินใจได้เร็วขึ้น
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
หากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น เป็นพื้นที่ที่มีบ้านนกแอ่นที่สำเร็จแล้ว คือบ้านนกแอ่นที่ได้ผลผลิตแล้ว สิ่งที่ท่านต้องตรวจสอบมีดังนี้:-
1. ผลผลิตรังนกแอ่นทั้งหมดที่ได้จากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุน แต่ท่านจะเช็คได้อย่างไร เพราะถ้าไปสอบถามตัวเลขปริมาณรังนกแอ่นที่เก็บได้กับเจ้าของบ้านนกแอ่น เขาคงไม่บอกตัวเลขให้ท่าน ท่านจึงต้องใช้การประมาณตัวเลขจำนวนนกแอ่นในพื้นที่เอาเอง ใช้เวลาช่วงเย็นตอนนกแอ่นบินกลับบ้านนกแอ่นแต่ละหลัง สำรวจดูว่าแต่ละหลังมีจำนวนนกแอ่นประมาณเท่าไหร่? จากจำนวนนกแอ่นที่ประมาณได้ ท่านก็สามารถจะประมาณจำนวนรังนกแอ่นที่ผลิตได้ สามารถที่จะประมาณจำนวนลูกนกแอ่นที่ท่านจะดึงดูดหรือเรียกให้มาอยู่ที่บ้านนกแอ่นใหม่ของท่านได้(ลูกนกแอ่น 2 ตัว/1 รัง)
2. หากพื้นที่ที่ท่านสนใจจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น เป็นพื้นที่ใหม่ เป็นพื้นที่ที่ยังบริสุทธิ์ ยังไม่มีบ้านนกแอ่น ให้ท่านใช้ชุดเสียงเรียกนกแอ่นไปทดสอบ ไปเปิดเสียงเรียกดูว่ามีนกแอ่นตอบสนองต่อเสียงเรียกหรือไม่ เพื่อตรวจสอบจำนวนประชากรนกแอ่นในพื้นที่ หากมีปริมาณนกแอ่นมากพอก็สามารถลงทุนได้ ถ้าน้อยก็ไม่ต้องลงทุนเพราะจะคืนทุนยากและช้า
สำหรับการตรวจสอบขั้นแรกก็มี 2 ลักษณะดังที่กล่าวถึง ถ้าผ่านขั้นตอนแรกแล้วก็อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ เหตุผลต่อๆมาก็คือเรื่องของราคาที่ดิน ราคาบ้านที่ท่านจะซื้อเพื่อดัดแปลงทำบ้านนกแอ่น ถ้าราคายิ่งถูกยิ่งดี อยู่ในโซนที่ไม่ใช่ย่านการค้าราคายิ่งถูก ก็อยู่ที่ท่านจะตัดสินใจ
หลายๆปีก่อนหน้านี้ หากท่านคิดจะลงทุนทำบ้านนกแอ่น อาจมีหลายๆคนหัวเราะใส่ท่านว่า"ไม่เข้าท่า" ไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ ความเสี่ยงสูงถึง 80% ยังจะกล้าลงทุนหรือ ขนาด 50:50 ยังไม่อยากจะลงทุนเลย ไอ้นี้ต้องบ้าแน่ๆ ปัจจุบันข้อมูลตัวนี้ได้เปลี่ยนไป ความรู้เรื่องการทำบ้านนกแอ่นได้มีการต่อยอด มีการทดลอง ทดสอบ ลองผิดลองถูก จนได้ข้อสรุปที่มีความสำเร็จสูง อัตราความสำเร็จถ้าทำได้ตามเงื่อนไขที่ถูกต้องก็จะมีถึง 80% บางพื้นที่ถึง 90% ดังนั้นจึงขอให้ท่าน Update ข้อมูลอันนี้ด้วย เพื่อท่านจะได้กล้ามากขึ้น ตัดสินใจได้เร็วขึ้น
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Saturday, July 12, 2008
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเสียงเรียกนกแอ่น(Swiftlet Chirp CD)
การทำบ้านนกแอ่นใหม่นั้นหลายๆท่านกังวลใจเรื่องเสียงเรียกนกแอ่น ไม่มั่นใจว่าแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ซื้อมานั้นจะใช้ได้ผลหรือไม่ ผมจึงอยากจะเรียนกับท่านว่าอย่าได้กังวลกับเรื่องนี้มากนัก ไม่เช่นนั้นท่านจะต้องกระวนกระวายหาแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ดีที่สุดไม่หยุดหย่อน
เสียงเรียกนกแอ่นแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ
1. เสียงเรียกนกแอ่นนอก (Swiftlet External Chirp) เป็นเสียงเรียกที่ใช้สำหรับเรียกนกแอ่นที่บินอยู่ภายนอก หรือบินผ่านมาให้ได้ยิน ให้เกิดความสนใจ ได้ยินเสียงกลุ่มนกแอ่นอีกกลุ่ม จะทำให้นกแอ่นบินเข้าหาเสียงเรียกนี้ เพื่อสำรวจดูว่ามีกลุ่มเพื่อนนกแอ่นอีกกลุ่มกำลังทำอะไรอยู่ เช่น กินแมลง หรือเป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ เสียงเรียกนกแอ่นนอกที่ดีคือเสียงเรียกนอกที่สามารถบอกจำนวนได้ว่าตรงนี้มีเพื่อนนกแอ่นอยู่มากมาย การบันทึกเสียงเรียกนกแอ่นนอกที่ดีคือการที่สามารถบันทึกเสียงของนกแอ่นได้จำนวนเสียงร้องมากที่สุด ไม่ใช่นำเครื่องบันทึกเสียงไปบันทึก แต่ตัวรับเสียงไปอยู่ใกล้นกแอ่นตัวหนึ่งตัวใดเป็นหลัก เลยทำให้เสียงที่บันทึกมามีเสียงของนกแอ่นตัวเดียวเป็นหลัก แผ่นแบบนี้ถือว่าเป็นแผ่นเสียงเรียกนอกที่ไม่ดีไม่สุดยอด หากท่านมีแผ่น CD เสียงเรียกนอกหลายแผ่น รองเปิดฟังดูจะคล้ายๆกัน ฟังดูหลายๆครั้ง ยิ่งฟังมากเท่าไหร่ยิ่งดี "การฝึกฝนทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ" แผ่นไหนที่ท่านฟังดูแล้วรู้สึกว่าเหมือนได้ยินเสียงนกแอ่นร้องเป็นจำนวนมาก แผ่นนั้นดีที่สุดที่ท่านมีอยู่ เสียงเรียกนอกที่มีขายอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมาจากประเทศอินโดนีเซีย ก๊อปปี้ต่อๆกันไป หายากที่ว่าไปบันทึกจากถ้ำนกแอ่นเองจริงๆ
2. เสียงเรียกนกแอ่นใน(Swiftlet Internal Chirp) เป็นเสียงเรียกที่ใช้เปิดภายในบ้านนกแอ่น เพื่อหลอกให้นกแอ่นได้รู้ว่ามีเพื่อนอยู่เป็นจำนวนมาก นกแอ่นจะรู้สึกปลอดภัย เสียงเรียกนกแอ่นในจะไม่ค่อยหลากหลายเหมือนเสียงเรียกนกแอ่นนอก จะเป็นเสียงคู่นกจู๋จี๋ เสียงลูกนกเป็นหลัก แต่ก็ให้เน้นให้ได้เสียงร้องของนกแอ่นจำนวนมากๆ เสียงเรียกในจะเปิดเพียงเบาๆพอได้ยิน เสียงเรียกนกแอ่นในก็เหมือนกับเสียงเรียกนกแอ่นนอกที่ส่วนใหญ่ได้ต้นฉบับมาจากประเทศอินโดนีเซีย
เสียงเรียกนกแอ่นยังเป็นสินค้าที่ราคาดีเพราะหาซื้อยาก เพลงสุนทราภรณ์เก่าๆ เพราะๆยังหาซื้อง่ายกว่า ผมเองก็พยายามสะสมพยายามฟังบ่อยๆ หมดเงินกับค่าแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นพอสมควร แต่ได้ความรู้เพิ่มขึ้น จึงอยากจะเรียนกับท่านอีกครั้งว่าแผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ท่านซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก็น่าจะพอใจได้ อย่าได้กังวลใจมากนัก แผ่น CD เสียงเรียกนกแอ่นที่ดีคือแผ่นที่บันทึกเสียงได้เป็นธรรมชาติที่สุด
สนใจเสียงเรียกนกแอ่นทั้งเสียงเรียกนกแอ่นนอกและเสียงเรียกนกแอ่นในโทรศัพท์หรือMailไปคุยไปปรึกษาได้
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Monday, July 7, 2008
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเครื่องขยายเสียง(Amplifier)
ภาคขยายสัญญาณ
เป็นภาคที่รับสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียง จากภาคสัญญาณเข้า แล้วนำมาปรับแต่งและขยายสัญญาณให้มีความแรงขึ้นเพื่อเตรียมส่งต่อไปยัง ภาคสัญญาณออก ภาคขยายแบ่งออกเป็น 2 วงจร คือ
1. วงจรก่อนการขยาย (Pre Amplifier) เนื่องจากสัญญาณที่ถูกส่งเข้ามาจากภาคสัญญาณเข้ามีความแตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง เช่น ไมโครโฟน เครื่องบันทึกเสียง เครื่องเล่นคอมแพกดิสก์ เป็นต้น ดังนั้นภาคก่อนการขยายจะช่วยในการปรับแต่งเสียงให้มีสัญญาณมากน้อยพอๆกัน ก่อนจะส่งไปวงจรกำลังขยาย
2. วงจรกำลังขยาย (Power Amplifier) ทำหน้าที่รับสัญญาณจากวงจรก่อนขยาย (Pre Amplifier) เข้ามาเพื่อทำการขยายให้มีกำลังแรงเพิ่มขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ในขั้นตอนนี้ ก็ได้แก่ เครื่องขยายเสียง (Amplifier) นั่นเองเครื่องขยายเสียง นิยมแบ่งชนิดตามกำลังของการขยายเสียง คือ การแบ่งตามความดังของภาคขยาย เช่น เครื่องขยายเสียงที่นิยมใช้กัน มีกำลังตั้งแต่ 10 วัตต์ ไปจนถึงหลายร้อยวัตต์เลยทีเดียว กำลังวัตต์ของเครื่องขยายเสียงจะบอกถึงความดังที่ออกทางลำโพง กล่าวคือ เครื่องขยายเสียงที่มีกำลัง 200 วัตต์ จะดังกว่าเครื่องขยายเสียงที่มีกำลัง 150 วัตต์นั่นเอง
ส่วนประกอบด้านหลังของเครื่องขยายเสียง ได้แก่
1. ช่องรับสัญญาณเข้า ใช้เสียบ Jack ต่อสัญญาณที่มาจากภาคสัญญาณเข้า เช่น ไมโครโฟน เครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือ เครื่องเล่น CD/DVD ในปัจจุบัน เป็นต้น
2. จุดสำหรับต่อสัญญาณออก ใช้ต่อสายเพื่อส่งกำลังไฟฟ้าความถี่เสียงไปยังภาคสัญญาณออก อันได้แก่ ลำโพง นั่นเอง
3. สายไฟฟ้าเข้าเครื่อง เป็นสายต่อเพื่อใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งในประเทศไทยใช้ไฟฟ้า 220 Volts ส่วนประกอบด้านหน้าของเครื่องขยายเสียง ได้แก่
1. ปุ่มควบคุม (Control Knobs) Mic.1 Mic.2 Mic.3 เป็นปุ่มควบคุมการรับสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียงจากไมโครโฟนแต่ละตัว เพื่อทำการปรับความดังของไมโครโฟนแต่ละตัวแยกอิสระจากกัน
2. ปุ่มควบคุม (Phono) เป็นปุ่มควบคุมสัญญาณที่มาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง (Phonograph)
3. ปุ่มควบคุม (Aux.) เป็นปุ่มควบคุมสัญญาณที่มาจาก Auxiliary เช่น เครื่องบันทึกเสียงที่มีการขยายสัญญาณกำลังต่ำมาก่อนแล้ว หรืออาจใช้ควบคุมอุปกรณ์รับสัญญาณเข้าอื่นๆ ที่ไม่มีปุ่มควบคุมอยู่ด้านหน้าด้วย
4. ปุ่มควบคุมการปรับแต่งเสียงทุ้ม (Bass) และเสียงแหลม (Treble) หรือปุ่ม Tone Control ใช้เพื่อปรับเสียงทุ้มแหลมของเสียงให้มากขึ้น ในเครื่องขยายเสียงบางรุ่นอาจรวมปุ่มปรับแต่ทุ้มแหลมนี้ไว้ในปุ่มเดียวกันก็เป็นได้
5. ปุ่มควบคุมการขยายกำลัง (Master Volume) ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณให้มีเสียงดังเบา ก่อนจะออกทางลำโพง ซึ่งปุ่มนี้จะทำหน้าที่ร่วมกับปุ่มอื่นๆ ทุกปุ่มข้างต้นด้วย ดังนั้นการที่ปรับปุ่ม Master Volume ดังเบา ก็จะทำให้เสียงที่ออกทางลำโพงดังเบาตามปุ่มนี้เป็นสำคัญ
6. สวิตช์ไฟฟ้า (switch) ใช้เปิด (On) เมื่อต้องการเริ่มใช้งาน และใช้ปิด (Off) เมื่อเลิกใช้งาน
7. หลอดไฟฟ้าหน้าปัด (Pilot Lamp) หลอดไฟฟ้าแสดงให้ทราบว่ามีไฟฟ้าเข้าเครื่องขยายเสียงหรือไม่ ลักษณะของเครื่องขยายเสียงที่ดี
--มีช่องรับสัญญาณเข้าหลายวงจรและหลายช่อง เพื่อสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสม
--มีกำลังขยายสูง โดยที่ไม่มีเสียงเพี้ยน (Distortion) และเสียงฮัม (Hum)
--สามารถขยายเสียงได้ทุกช่วงความถี่ของเสียง ตั้งแต่ 20 - 20,000 ไซเคิลอย่างสม่ำเสมอ
--ให้ความไพเราะ ชัดเจน (high Fidelity)
--สามารถปรับเสียงทุ้มและเสียงแหลมได้มาก
--สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก
--สามารถต่อเข้ากับเครื่องมืออื่นๆ ที่นิยมใช้กันทั่วไปได้สะดวก
--บำรุงรักษาและซ่อมแซมง่าย
--มีความทนทานและปลอดภัยในการใช้
--มีจุดสำหรับสัญญาณออกที่จะเลื่อนให้เหมาะกับความต้านทานของลำโพงหลายชุด
ภาคสัญญาณเข้า (Input)
อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียง ให้เป็นคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียง อุปกรณ์ที่เห็นได้ชัด ได้แก่ ไมโครโฟน เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเล่น CD/DVD เครื่องเล่นที่สามารถอ่าน Memory Card ชนิดต่างๆ เช่น Thumb Drive, SD Card, อุปกรณ์ตัวนี้จะเป็นตัวทำหน้าที่อ่านคลื่นเสียงและเปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียง ไหลไปตามสายสู่เครื่องขยายเสียง
ภาคสัญญาณออก (Output)
ภาคสัญญาณออก เป็นภาคที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าความถี่เสียง เป็นพลังงานเสียง ซึ่งได้แก่ ลำโพง ลำโพงมีการแบ่งประเภทได้หลายลักษณะ บทความเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลำโพงได้นำเสนอไปแล้วในบทความก่อนนี้
การต่อลำโพงเข้ากับเครื่องขยายเสียง
เครื่องขยายเสียงจะมีจุดต่อสัญญาณออกอยู่ด้านหลังของเครื่องฯ อาจมีหลายลักษณะ แต่ลักษณะหนึ่งที่นิยมใช้จะเป็นลักษณะที่มีจำนวนโอห์มมาให้เลือกต่อ เพื่อความเหมาะสมระหว่างตัวลำโพงกับเครื่องขยายเสียง การต่อลำโพงอาจแบ่งเป็น 2 วิธี คือ การต่อลำโพงตัวเดียว และการต่อลำโพงหลายตัว
การต่อลำโพงตัวเดียว
การต่อลำโพงตัวเดียวเป็นการต่อตรง เช่น ลำโพงมีค่าความต้านทาน 8 โอห์ม ก็ให้ต่อสายเส้นหนึ่งของลำโพงเข้ากับ 0 โอห์ม อีกเส้นต่อที่ 8 โอห์ม
การต่อลำโพงหลายตัว
การต่อลำโพงหลายตัวกับเครื่องขยายเสียงอาจกระทำได้ 3 วิธี คือ การต่อแบบอนุกรม การต่อแบบขนาน และการต่อแบบผสม ซึ่งการต่อแต่ละแบบมีความจำเป็นต้องรู้จักคิดคำนวณค่าความต้านทานกับพลังงานไฟฟ้าความถี่เสียงที่ออกมาจากเครื่องขยายเสียง
การต่อแบบอนุกรม
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่หากมีลำโพงตัวหนึ่ง ตัวใด ชำรุด จะทำให้ลำโพงทุกตัวเงียบหมด เนื่องจากการตัดตัวเชื่อมต่อของวงอนุกรมนั่นเอง
การต่อแบบขนาน
เป็นวิธีการต่อที่นิยมมาก เนื่องจากหากลำโพงตัวใดตัวหนึ่งชำรุด ตัวที่เหลือยังคงใช้งานได้ตามปกติ
การต่อแบบผสม
เป็นการใช้การต่อลำโพงแบบอนุกรมและแบบขนานร่วมกัน
เรื่องเครื่องขยายเสียงยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่นำมาเสนอเพื่อให้ท่านได้มีข้อมูล ได้เข้าใจพื้นฐานของเรื่องเครื่องขยายเสียง เวลาไปเลือกซื้อจะได้จะได้มีข้อมูลอยู่บ้าง ราคาที่มีขายอยู่ในท้องตลาด ราคาที่เหมาะสม คุณภาพดี ทนทาน มีหลายยี่ห้อ ราคาเครื่องละตั้งแต่ประมาณ 2,500 - 6,500 บาท แพงกว่านี้ไม่ต้องซื้อ ใครบอกว่าของเขาดีอย่างไรไม่ต้องเชื่อ ชุดละ 60,000 - 80,000 บาท อย่าซื้อเด็ดขาด แพงเกินไปกำไรเกินควร
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
เป็นภาคที่รับสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียง จากภาคสัญญาณเข้า แล้วนำมาปรับแต่งและขยายสัญญาณให้มีความแรงขึ้นเพื่อเตรียมส่งต่อไปยัง ภาคสัญญาณออก ภาคขยายแบ่งออกเป็น 2 วงจร คือ
1. วงจรก่อนการขยาย (Pre Amplifier) เนื่องจากสัญญาณที่ถูกส่งเข้ามาจากภาคสัญญาณเข้ามีความแตกต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง เช่น ไมโครโฟน เครื่องบันทึกเสียง เครื่องเล่นคอมแพกดิสก์ เป็นต้น ดังนั้นภาคก่อนการขยายจะช่วยในการปรับแต่งเสียงให้มีสัญญาณมากน้อยพอๆกัน ก่อนจะส่งไปวงจรกำลังขยาย
2. วงจรกำลังขยาย (Power Amplifier) ทำหน้าที่รับสัญญาณจากวงจรก่อนขยาย (Pre Amplifier) เข้ามาเพื่อทำการขยายให้มีกำลังแรงเพิ่มขึ้น อุปกรณ์ที่ใช้ในขั้นตอนนี้ ก็ได้แก่ เครื่องขยายเสียง (Amplifier) นั่นเองเครื่องขยายเสียง นิยมแบ่งชนิดตามกำลังของการขยายเสียง คือ การแบ่งตามความดังของภาคขยาย เช่น เครื่องขยายเสียงที่นิยมใช้กัน มีกำลังตั้งแต่ 10 วัตต์ ไปจนถึงหลายร้อยวัตต์เลยทีเดียว กำลังวัตต์ของเครื่องขยายเสียงจะบอกถึงความดังที่ออกทางลำโพง กล่าวคือ เครื่องขยายเสียงที่มีกำลัง 200 วัตต์ จะดังกว่าเครื่องขยายเสียงที่มีกำลัง 150 วัตต์นั่นเอง
ส่วนประกอบด้านหลังของเครื่องขยายเสียง ได้แก่
1. ช่องรับสัญญาณเข้า ใช้เสียบ Jack ต่อสัญญาณที่มาจากภาคสัญญาณเข้า เช่น ไมโครโฟน เครื่องเล่นแผ่นเสียง หรือ เครื่องเล่น CD/DVD ในปัจจุบัน เป็นต้น
2. จุดสำหรับต่อสัญญาณออก ใช้ต่อสายเพื่อส่งกำลังไฟฟ้าความถี่เสียงไปยังภาคสัญญาณออก อันได้แก่ ลำโพง นั่นเอง
3. สายไฟฟ้าเข้าเครื่อง เป็นสายต่อเพื่อใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งในประเทศไทยใช้ไฟฟ้า 220 Volts ส่วนประกอบด้านหน้าของเครื่องขยายเสียง ได้แก่
1. ปุ่มควบคุม (Control Knobs) Mic.1 Mic.2 Mic.3 เป็นปุ่มควบคุมการรับสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียงจากไมโครโฟนแต่ละตัว เพื่อทำการปรับความดังของไมโครโฟนแต่ละตัวแยกอิสระจากกัน
2. ปุ่มควบคุม (Phono) เป็นปุ่มควบคุมสัญญาณที่มาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง (Phonograph)
3. ปุ่มควบคุม (Aux.) เป็นปุ่มควบคุมสัญญาณที่มาจาก Auxiliary เช่น เครื่องบันทึกเสียงที่มีการขยายสัญญาณกำลังต่ำมาก่อนแล้ว หรืออาจใช้ควบคุมอุปกรณ์รับสัญญาณเข้าอื่นๆ ที่ไม่มีปุ่มควบคุมอยู่ด้านหน้าด้วย
4. ปุ่มควบคุมการปรับแต่งเสียงทุ้ม (Bass) และเสียงแหลม (Treble) หรือปุ่ม Tone Control ใช้เพื่อปรับเสียงทุ้มแหลมของเสียงให้มากขึ้น ในเครื่องขยายเสียงบางรุ่นอาจรวมปุ่มปรับแต่ทุ้มแหลมนี้ไว้ในปุ่มเดียวกันก็เป็นได้
5. ปุ่มควบคุมการขยายกำลัง (Master Volume) ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณให้มีเสียงดังเบา ก่อนจะออกทางลำโพง ซึ่งปุ่มนี้จะทำหน้าที่ร่วมกับปุ่มอื่นๆ ทุกปุ่มข้างต้นด้วย ดังนั้นการที่ปรับปุ่ม Master Volume ดังเบา ก็จะทำให้เสียงที่ออกทางลำโพงดังเบาตามปุ่มนี้เป็นสำคัญ
6. สวิตช์ไฟฟ้า (switch) ใช้เปิด (On) เมื่อต้องการเริ่มใช้งาน และใช้ปิด (Off) เมื่อเลิกใช้งาน
7. หลอดไฟฟ้าหน้าปัด (Pilot Lamp) หลอดไฟฟ้าแสดงให้ทราบว่ามีไฟฟ้าเข้าเครื่องขยายเสียงหรือไม่ ลักษณะของเครื่องขยายเสียงที่ดี
--มีช่องรับสัญญาณเข้าหลายวงจรและหลายช่อง เพื่อสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสม
--มีกำลังขยายสูง โดยที่ไม่มีเสียงเพี้ยน (Distortion) และเสียงฮัม (Hum)
--สามารถขยายเสียงได้ทุกช่วงความถี่ของเสียง ตั้งแต่ 20 - 20,000 ไซเคิลอย่างสม่ำเสมอ
--ให้ความไพเราะ ชัดเจน (high Fidelity)
--สามารถปรับเสียงทุ้มและเสียงแหลมได้มาก
--สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก
--สามารถต่อเข้ากับเครื่องมืออื่นๆ ที่นิยมใช้กันทั่วไปได้สะดวก
--บำรุงรักษาและซ่อมแซมง่าย
--มีความทนทานและปลอดภัยในการใช้
--มีจุดสำหรับสัญญาณออกที่จะเลื่อนให้เหมาะกับความต้านทานของลำโพงหลายชุด
ภาคสัญญาณเข้า (Input)
อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียง ให้เป็นคลื่นไฟฟ้าความถี่เสียง อุปกรณ์ที่เห็นได้ชัด ได้แก่ ไมโครโฟน เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องเล่น CD/DVD เครื่องเล่นที่สามารถอ่าน Memory Card ชนิดต่างๆ เช่น Thumb Drive, SD Card, อุปกรณ์ตัวนี้จะเป็นตัวทำหน้าที่อ่านคลื่นเสียงและเปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียง ไหลไปตามสายสู่เครื่องขยายเสียง
ภาคสัญญาณออก (Output)
ภาคสัญญาณออก เป็นภาคที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าความถี่เสียง เป็นพลังงานเสียง ซึ่งได้แก่ ลำโพง ลำโพงมีการแบ่งประเภทได้หลายลักษณะ บทความเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลำโพงได้นำเสนอไปแล้วในบทความก่อนนี้
การต่อลำโพงเข้ากับเครื่องขยายเสียง
เครื่องขยายเสียงจะมีจุดต่อสัญญาณออกอยู่ด้านหลังของเครื่องฯ อาจมีหลายลักษณะ แต่ลักษณะหนึ่งที่นิยมใช้จะเป็นลักษณะที่มีจำนวนโอห์มมาให้เลือกต่อ เพื่อความเหมาะสมระหว่างตัวลำโพงกับเครื่องขยายเสียง การต่อลำโพงอาจแบ่งเป็น 2 วิธี คือ การต่อลำโพงตัวเดียว และการต่อลำโพงหลายตัว
การต่อลำโพงตัวเดียว
การต่อลำโพงตัวเดียวเป็นการต่อตรง เช่น ลำโพงมีค่าความต้านทาน 8 โอห์ม ก็ให้ต่อสายเส้นหนึ่งของลำโพงเข้ากับ 0 โอห์ม อีกเส้นต่อที่ 8 โอห์ม
การต่อลำโพงหลายตัว
การต่อลำโพงหลายตัวกับเครื่องขยายเสียงอาจกระทำได้ 3 วิธี คือ การต่อแบบอนุกรม การต่อแบบขนาน และการต่อแบบผสม ซึ่งการต่อแต่ละแบบมีความจำเป็นต้องรู้จักคิดคำนวณค่าความต้านทานกับพลังงานไฟฟ้าความถี่เสียงที่ออกมาจากเครื่องขยายเสียง
การต่อแบบอนุกรม
เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่หากมีลำโพงตัวหนึ่ง ตัวใด ชำรุด จะทำให้ลำโพงทุกตัวเงียบหมด เนื่องจากการตัดตัวเชื่อมต่อของวงอนุกรมนั่นเอง
การต่อแบบขนาน
เป็นวิธีการต่อที่นิยมมาก เนื่องจากหากลำโพงตัวใดตัวหนึ่งชำรุด ตัวที่เหลือยังคงใช้งานได้ตามปกติ
การต่อแบบผสม
เป็นการใช้การต่อลำโพงแบบอนุกรมและแบบขนานร่วมกัน
เรื่องเครื่องขยายเสียงยังมีรายละเอียดอีกมากมาย ที่นำมาเสนอเพื่อให้ท่านได้มีข้อมูล ได้เข้าใจพื้นฐานของเรื่องเครื่องขยายเสียง เวลาไปเลือกซื้อจะได้จะได้มีข้อมูลอยู่บ้าง ราคาที่มีขายอยู่ในท้องตลาด ราคาที่เหมาะสม คุณภาพดี ทนทาน มีหลายยี่ห้อ ราคาเครื่องละตั้งแต่ประมาณ 2,500 - 6,500 บาท แพงกว่านี้ไม่ต้องซื้อ ใครบอกว่าของเขาดีอย่างไรไม่ต้องเชื่อ ชุดละ 60,000 - 80,000 บาท อย่าซื้อเด็ดขาด แพงเกินไปกำไรเกินควร
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Tuesday, July 1, 2008
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับลำโพง(Speaker)
ลำโพง(Speaker)
ลำโพงมีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานเสียงที่หูเราสามารถรับรู้ได้ยินในย่านความถี่ 20Hz - 20Kz โครงสร้างของลำโพงทั่วๆไปประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร(Magnet) ขดลวดเสียง(Voice Coil) และแผ่นไดอะเฟรม(Diaphragm) มีลักษณะภายนอกที่แตกต่างกันมากมายหลายแบบ ลำโพงที่ใช้กันทั่วๆไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ลำโพงฮอร์น(Horn Speaker)
2. ลำโพงไดนามิค(Dynamic Speaker)
ลำโพงฮอร์น(Horn Speaker)
ลำโพงฮอร์น เป็นลำโพงที่มีขนาดใหญ่ใช้ในการกระจายเสียงทั่วไป มีโครงสร้างเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหน้าเรียกว่า ฮอร์น(Horn) มีลักษณะเป็นกรวยโลหะปากกว้าง หรือเรียกกันทั่วๆไปว่า ดอกลำโพง ส่วนหลังเรียกว่า ไดรเวอร์ยูนิต(Driver Unit) เป็นส่วนที่ประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร และขดลวดเสียง ซึ่งพันอยู่บนแผ่นไดอะเฟรม มีขนาดอิมพิแดนซ์ 8 โอห์ม และ 16 โอห์ม ลำโพงฮอร์นให้เสียงในระดับปานกลางแต่สามารถไปได้ไกล จึงเหมาะสำหรับการติดตั้งนอกสถานที่
ลำโพงไดนามิค(Dynamic Speaker)
ลำโพงไดนามิค ส่วนมากจะเป็นลำโพงชนิดกรวยกระดาษ ให้เสียงได้หลายระดับ เป็นลำโพงที่ใช้กับวิทยุ เทป โทรทัศน์ และ เครื่องเสียงทั่วๆไป มีขนาดตั้งแต่ 1 นิ้ว ถึง 32 นิ้ว ประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร กรวยกระดาษ และขดลวดเสียง
การทำงานของลำโพง
เมื่อป้อนสัญญาณไฟฟ้าให้กับขดลวดเสียงของลำโพง จะเกิดเส้นแรงแม่เหล็กขึ้นโดยรอบ อำนาจของเส้นแรงแม่เหล็กจะดูดและผลักกับเส้นแรงของแม่เหล็กถาวร ตามสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากความถี่เสียง ซึ่งมีช่วงความถี่ตั้งแต่ 20Hz - 20KHz ที่มีการเปลี่ยนแปลงเฟสตลอดเวลา ทำให้กรวยกระดาษที่ยึดติดกับขดลวดเสียงเกิดการเคลื่อนที่ดูดและผลักอากาศ เกิดเป็นคลื่นเสียงขึ้นเช่นเดียวกับสัญญาณเสียงที่ป้อนเข้ามา
ขดลวดเสียง ที่ต่อออกมาใช้งานมีขั้วบวกและขั้วลบ จะมีเครื่องหมายไว้ที่ขั้วต่อของลำโพงเสมอ แต่ถ้าไม่รู้ขั้วก็สามารถหาได้โดยใช้เซลล์ไฟฟ้าขนาด 1.5 โวลต์ 1 ก้อน ต่อเข้ากับขั้วลำโพงแล้วสังเกตการเคลื่อนที่ของกรวยกระดาษ ถ้าขั้วต่อของลำโพงกับขั้วของเซลล์ไฟฟ้าตรงกัน กรวยกระดาษจะดันออก แต่ถ้าต่อขั้วกลับกันกรวยกระดาษจะยุบเข้า
ประเภทของลำโพงไดนามิค
ลำโพงไดนามิคถูกสร้างขึ้นมาให้มีหลายชนิดเพื่อให้เหมาะสมกับงานที่ใช้ มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รูปร่างแตกต่างกันออกไป ลำโพงแต่ละชนิดสามารถตอบสนองต่อความถี่ของสัญญาณเสียงได้ดี ในย่านความถี่แตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด คือ
1. ลำโพงเสียงรวม(Full Range Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่สัญญาณเสียงได้ทุกย่านความถี่อย่างกว้างๆ แต่ไม่สมบูรณ์ เป็นลำโพงที่ใช้กันทั่วๆไป สำหรับเครื่องรับวิทยุเทปขนาดเล็ก เครื่องรับโทรทัศน์ทั่วๆไป
2. ลำโพงเสียงทุ้ม(Woofer Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่ต่ำ ได้แก่ เสียงเบส เสียงกลอง
3. ลำโพงเสียงกลาง(Midrange Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่ปานกลาง เช่น เสียงพูด
4. ลำโพงเสียงแหลม(Tweeter Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่สูง หรือเสียงแหลม ส่วนใหญ่จะเป็นลำโพงขนาดเล็กมีทั้งแบบกรวย กระดาษ โลหะ และ แบบฮอร์น
ลำโพงแต่ละชนิดที่ผลิตออกมาสามารถตอบสนองความถี่ต่างๆ ของสัญญาณเสียงได้ในแต่ละย่านความถี่ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับโรงงานผู้ผลิต และ ความเหมาะสมสำหรับการใช้งาน เช่น เครื่องเสียงในรถยนต์ต้องการเสียงทุ้มหนักแน่น ความถี่ต่ำกว่า 100 Hz ก็จะใช้ลำโพง ซับวูฟเฟอร์(Sub-Woofer) หรือ ต้องการเสียงแหลมที่คมชัด ต้องใช้ลำโพงเสียงแหลมที่ตอบสนองต่อความถี่ได้เกินกว่า 10 KHz ขึ้นไป ด้วยลำโพง ซุปเปอร์ทวิตเตอร์(Super-Tweeter) นอกจากลำโพงที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีลำโพงอีกชนิดหนึ่งซึ่งมักจะพบในสัญญาณเสียงที่ใช้ดิจิตอล หรือเสียงที่ใช้เตือนในเครื่องใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ลำโพงแบบนี้เรียกว่า ลำโพงเปียซโซ(Piezo) ลำโพงเปียซโซส่วนมากจะป้อนด้วยกระแสไฟฟ้าจึงจะเกิดเป็นเสียงขึ้นมาได้ เปียซโซจึงเป็นเพียงอุปกรณ์ที่กำเนิดเสียงเท่านั้น แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
1. เปียซโซอิเล็กตริกไดอะแกรม ประกอบด้วย แผ่นทองเหลืองหรือสแตนเลสติดอยู่ด้านข้างของแผ่นอิเล็กตริก
2. เปียซโซอิเล็กตริกซาวเดอร์ ลักษณะเป็นพลาสติก มีแผ่นเปียซโซไดอะเฟรมอยู่ข้างใน เปียซโซชนิดนี้การที่จะทำให้มีเสียงจะต้องมีวงจรสร้างสัญญาณจากภายนอก
3. เปียซโซอิเล็กตริกบัซเซอร์ หรือ บัซเซอร์ เป็นเปียซโซชนิดอิเล็กตริกซาวเดอร์ชนิดที่มีวงจรต่ออยู่ภายในแล้ว เพียงแต่ป้อนแรงไฟให้ก็เกิดเสียงได้
4. ลำโพงเปียซโซ ลักษณะเหมือนกับเปียซโซอิเล็กตริกซาวเดอร์ แต่ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับลำโพง
การต่อลำโพงระยะไกล
ในการที่จะต่อลำโพงเพื่อกระจายเสียงนั้น จำเป็นจะต้องเดินสายลำโพงเป็นระยะไกลๆ ถ้าสายลำโพงมีความยาวเกินกว่า 50 ฟุต จะทำให้เกิดการสูญเสียสัญญาณขึ้นในสาย การสูญเสียที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของสาย ถ้าสายมีขนาดเล็กเมื่อสายยาวมากความต้านทานจะมากขึ้น การลดความต้านทานในสายลำโพงทำได้โดยการใช้สายที่ใหญ่ขึ้น การต่อลำโพงระยะไกลโดยการใช้สายนั้นไม่นิยมต่อกัน เนื่องจากมีการสูญเสียในสายมาก แต่ นิยมใช้วิธีการต่อโดยการใช้ Matching Transformer ช่วย
การต่อลำโพงระยะไกลด้วย Matching Transformer
Matching Transformer คือ ทรานส์ฟอร์เมอร์ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่แก้ไขในการสูญเสียที่เกิดจากการเดินสายไกลๆ มีการต่อได้หลายแบบทั้งแบบอนุกรมและแบบขนาน แต่ที่นิยมใช้มากที่สุดเป็นแบบขนานโดยใช้ลำโพงที่มีขนาดเดียวกันหมด
เสียงของลำโพงออกมาได้อย่างไร?
เสียงเป็นคลื่นตามยาว เสียงแหลมและทุ้มขึ้นกับความถี่ ส่วนเสียงดังหรือค่อยขึ้นอยู่กับขนาดแอมพลิจูดของคลื่นนั้น เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไมโครโฟนมีหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และนำสัญญาณที่ได้ไปบันทึกลงบนเทปคาสเซ็ท แผ่น CD หรือเครื่องเล่น MP3 ซึ่งกำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเราต้องการจะนำเสียงที่บันทึกกลับออกมา ภายในเครื่องเล่นเหล่านี้จะมีหัวอ่านคอยอ่านสัญญาณทางไฟฟ้าที่บันทึกอยู่ในเนื้อเทป หรือแผ่น CD ซึ่งในขณะที่อ่านยังเป็นสัญญาณที่อ่อนมาก จึงต้องนำเข้าเครื่องขยายสัญญาณก่อน เมื่อได้สัญญาณที่แรงพอแล้วจึงขับออกทางลำโพง กลายเป็นเสียงออกมา
ส่วนสำคัญที่สุดของเครื่องเล่นเหล่านี้ก็คือลำโพง โดยหน้าที่สำคัญสุดของลำโพงคือ เปลี่ยนสัญญาณทางไฟฟ้าที่ได้มาจากเครื่องขยายเป็นสัญญาณเสียง ลำโพงที่ดีจะต้องสร้างเสียงให้เหมือนกับต้นฉบับเดิมมากที่สุด โดยมีการผิดเพี้ยนน้อยที่สุด
การทำบ้านนกแอ่นเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกในเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ การเลือกใช้ลำโพงให้เหมาะกับความต้องการคือลำโพงที่มีความถี่เสียงสูง ดังนั้นลำโพงทวีทเตอร์(Tweeter Speaker) จึงเป็นลำโพงหลักที่ใช้คู่กับเครื่องขยายเสียงเพื่อเปิดเสียงเรียกนกแอ่นทั้งเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกใน ราคาลำโพงทวีทเตอร์สำหรับเสียงเรียกในที่ใช้กันส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณตัวละ 35 - 75 บาท ลำโพงทวีทเตอร์เสียงเรียกนอกจะอยู่ที่ประมาณตัวละ 350 -750 บาท ส่วน Condenser ที่ติดลำโพงราคาประมาณตัวละ 5 - 35 บาท จะเลือกใช้แบบไหน ยี่ห้อใด ราคาเท่าไหร่ ก็อยู่ที่ท่าน เชื่อหูของท่านเอง ลองฟังเสียงดู ตัวไหนเสียงดีท่านชอบเลือกตัวนั้น ความแตกต่างไม่เกิน 5% นกแอ่นรับได้ ขอให้ท่านโชคดี ได้ลำโพงดีๆ ราคาเบาๆไปใช้
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
ลำโพงมีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานเสียงที่หูเราสามารถรับรู้ได้ยินในย่านความถี่ 20Hz - 20Kz โครงสร้างของลำโพงทั่วๆไปประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร(Magnet) ขดลวดเสียง(Voice Coil) และแผ่นไดอะเฟรม(Diaphragm) มีลักษณะภายนอกที่แตกต่างกันมากมายหลายแบบ ลำโพงที่ใช้กันทั่วๆไป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ลำโพงฮอร์น(Horn Speaker)
2. ลำโพงไดนามิค(Dynamic Speaker)
ลำโพงฮอร์น(Horn Speaker)
ลำโพงฮอร์น เป็นลำโพงที่มีขนาดใหญ่ใช้ในการกระจายเสียงทั่วไป มีโครงสร้างเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนหน้าเรียกว่า ฮอร์น(Horn) มีลักษณะเป็นกรวยโลหะปากกว้าง หรือเรียกกันทั่วๆไปว่า ดอกลำโพง ส่วนหลังเรียกว่า ไดรเวอร์ยูนิต(Driver Unit) เป็นส่วนที่ประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร และขดลวดเสียง ซึ่งพันอยู่บนแผ่นไดอะเฟรม มีขนาดอิมพิแดนซ์ 8 โอห์ม และ 16 โอห์ม ลำโพงฮอร์นให้เสียงในระดับปานกลางแต่สามารถไปได้ไกล จึงเหมาะสำหรับการติดตั้งนอกสถานที่
ลำโพงไดนามิค(Dynamic Speaker)
ลำโพงไดนามิค ส่วนมากจะเป็นลำโพงชนิดกรวยกระดาษ ให้เสียงได้หลายระดับ เป็นลำโพงที่ใช้กับวิทยุ เทป โทรทัศน์ และ เครื่องเสียงทั่วๆไป มีขนาดตั้งแต่ 1 นิ้ว ถึง 32 นิ้ว ประกอบด้วยแม่เหล็กถาวร กรวยกระดาษ และขดลวดเสียง
การทำงานของลำโพง
เมื่อป้อนสัญญาณไฟฟ้าให้กับขดลวดเสียงของลำโพง จะเกิดเส้นแรงแม่เหล็กขึ้นโดยรอบ อำนาจของเส้นแรงแม่เหล็กจะดูดและผลักกับเส้นแรงของแม่เหล็กถาวร ตามสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จากความถี่เสียง ซึ่งมีช่วงความถี่ตั้งแต่ 20Hz - 20KHz ที่มีการเปลี่ยนแปลงเฟสตลอดเวลา ทำให้กรวยกระดาษที่ยึดติดกับขดลวดเสียงเกิดการเคลื่อนที่ดูดและผลักอากาศ เกิดเป็นคลื่นเสียงขึ้นเช่นเดียวกับสัญญาณเสียงที่ป้อนเข้ามา
ขดลวดเสียง ที่ต่อออกมาใช้งานมีขั้วบวกและขั้วลบ จะมีเครื่องหมายไว้ที่ขั้วต่อของลำโพงเสมอ แต่ถ้าไม่รู้ขั้วก็สามารถหาได้โดยใช้เซลล์ไฟฟ้าขนาด 1.5 โวลต์ 1 ก้อน ต่อเข้ากับขั้วลำโพงแล้วสังเกตการเคลื่อนที่ของกรวยกระดาษ ถ้าขั้วต่อของลำโพงกับขั้วของเซลล์ไฟฟ้าตรงกัน กรวยกระดาษจะดันออก แต่ถ้าต่อขั้วกลับกันกรวยกระดาษจะยุบเข้า
ประเภทของลำโพงไดนามิค
ลำโพงไดนามิคถูกสร้างขึ้นมาให้มีหลายชนิดเพื่อให้เหมาะสมกับงานที่ใช้ มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รูปร่างแตกต่างกันออกไป ลำโพงแต่ละชนิดสามารถตอบสนองต่อความถี่ของสัญญาณเสียงได้ดี ในย่านความถี่แตกต่างกัน แบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด คือ
1. ลำโพงเสียงรวม(Full Range Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่สัญญาณเสียงได้ทุกย่านความถี่อย่างกว้างๆ แต่ไม่สมบูรณ์ เป็นลำโพงที่ใช้กันทั่วๆไป สำหรับเครื่องรับวิทยุเทปขนาดเล็ก เครื่องรับโทรทัศน์ทั่วๆไป
2. ลำโพงเสียงทุ้ม(Woofer Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่ต่ำ ได้แก่ เสียงเบส เสียงกลอง
3. ลำโพงเสียงกลาง(Midrange Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่ปานกลาง เช่น เสียงพูด
4. ลำโพงเสียงแหลม(Tweeter Speaker) เป็นลำโพงที่สามารถตอบสนองต่อความถี่เสียงได้ดีในย่านความถี่สูง หรือเสียงแหลม ส่วนใหญ่จะเป็นลำโพงขนาดเล็กมีทั้งแบบกรวย กระดาษ โลหะ และ แบบฮอร์น
ลำโพงแต่ละชนิดที่ผลิตออกมาสามารถตอบสนองความถี่ต่างๆ ของสัญญาณเสียงได้ในแต่ละย่านความถี่ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับโรงงานผู้ผลิต และ ความเหมาะสมสำหรับการใช้งาน เช่น เครื่องเสียงในรถยนต์ต้องการเสียงทุ้มหนักแน่น ความถี่ต่ำกว่า 100 Hz ก็จะใช้ลำโพง ซับวูฟเฟอร์(Sub-Woofer) หรือ ต้องการเสียงแหลมที่คมชัด ต้องใช้ลำโพงเสียงแหลมที่ตอบสนองต่อความถี่ได้เกินกว่า 10 KHz ขึ้นไป ด้วยลำโพง ซุปเปอร์ทวิตเตอร์(Super-Tweeter) นอกจากลำโพงที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีลำโพงอีกชนิดหนึ่งซึ่งมักจะพบในสัญญาณเสียงที่ใช้ดิจิตอล หรือเสียงที่ใช้เตือนในเครื่องใช้ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ลำโพงแบบนี้เรียกว่า ลำโพงเปียซโซ(Piezo) ลำโพงเปียซโซส่วนมากจะป้อนด้วยกระแสไฟฟ้าจึงจะเกิดเป็นเสียงขึ้นมาได้ เปียซโซจึงเป็นเพียงอุปกรณ์ที่กำเนิดเสียงเท่านั้น แบ่งเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้
1. เปียซโซอิเล็กตริกไดอะแกรม ประกอบด้วย แผ่นทองเหลืองหรือสแตนเลสติดอยู่ด้านข้างของแผ่นอิเล็กตริก
2. เปียซโซอิเล็กตริกซาวเดอร์ ลักษณะเป็นพลาสติก มีแผ่นเปียซโซไดอะเฟรมอยู่ข้างใน เปียซโซชนิดนี้การที่จะทำให้มีเสียงจะต้องมีวงจรสร้างสัญญาณจากภายนอก
3. เปียซโซอิเล็กตริกบัซเซอร์ หรือ บัซเซอร์ เป็นเปียซโซชนิดอิเล็กตริกซาวเดอร์ชนิดที่มีวงจรต่ออยู่ภายในแล้ว เพียงแต่ป้อนแรงไฟให้ก็เกิดเสียงได้
4. ลำโพงเปียซโซ ลักษณะเหมือนกับเปียซโซอิเล็กตริกซาวเดอร์ แต่ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับลำโพง
การต่อลำโพงระยะไกล
ในการที่จะต่อลำโพงเพื่อกระจายเสียงนั้น จำเป็นจะต้องเดินสายลำโพงเป็นระยะไกลๆ ถ้าสายลำโพงมีความยาวเกินกว่า 50 ฟุต จะทำให้เกิดการสูญเสียสัญญาณขึ้นในสาย การสูญเสียที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของสาย ถ้าสายมีขนาดเล็กเมื่อสายยาวมากความต้านทานจะมากขึ้น การลดความต้านทานในสายลำโพงทำได้โดยการใช้สายที่ใหญ่ขึ้น การต่อลำโพงระยะไกลโดยการใช้สายนั้นไม่นิยมต่อกัน เนื่องจากมีการสูญเสียในสายมาก แต่ นิยมใช้วิธีการต่อโดยการใช้ Matching Transformer ช่วย
การต่อลำโพงระยะไกลด้วย Matching Transformer
Matching Transformer คือ ทรานส์ฟอร์เมอร์ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่แก้ไขในการสูญเสียที่เกิดจากการเดินสายไกลๆ มีการต่อได้หลายแบบทั้งแบบอนุกรมและแบบขนาน แต่ที่นิยมใช้มากที่สุดเป็นแบบขนานโดยใช้ลำโพงที่มีขนาดเดียวกันหมด
เสียงของลำโพงออกมาได้อย่างไร?
เสียงเป็นคลื่นตามยาว เสียงแหลมและทุ้มขึ้นกับความถี่ ส่วนเสียงดังหรือค่อยขึ้นอยู่กับขนาดแอมพลิจูดของคลื่นนั้น เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไมโครโฟนมีหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และนำสัญญาณที่ได้ไปบันทึกลงบนเทปคาสเซ็ท แผ่น CD หรือเครื่องเล่น MP3 ซึ่งกำลังฮิตกันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเราต้องการจะนำเสียงที่บันทึกกลับออกมา ภายในเครื่องเล่นเหล่านี้จะมีหัวอ่านคอยอ่านสัญญาณทางไฟฟ้าที่บันทึกอยู่ในเนื้อเทป หรือแผ่น CD ซึ่งในขณะที่อ่านยังเป็นสัญญาณที่อ่อนมาก จึงต้องนำเข้าเครื่องขยายสัญญาณก่อน เมื่อได้สัญญาณที่แรงพอแล้วจึงขับออกทางลำโพง กลายเป็นเสียงออกมา
ส่วนสำคัญที่สุดของเครื่องเล่นเหล่านี้ก็คือลำโพง โดยหน้าที่สำคัญสุดของลำโพงคือ เปลี่ยนสัญญาณทางไฟฟ้าที่ได้มาจากเครื่องขยายเป็นสัญญาณเสียง ลำโพงที่ดีจะต้องสร้างเสียงให้เหมือนกับต้นฉบับเดิมมากที่สุด โดยมีการผิดเพี้ยนน้อยที่สุด
การทำบ้านนกแอ่นเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกในเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ การเลือกใช้ลำโพงให้เหมาะกับความต้องการคือลำโพงที่มีความถี่เสียงสูง ดังนั้นลำโพงทวีทเตอร์(Tweeter Speaker) จึงเป็นลำโพงหลักที่ใช้คู่กับเครื่องขยายเสียงเพื่อเปิดเสียงเรียกนกแอ่นทั้งเสียงเรียกนอกและเสียงเรียกใน ราคาลำโพงทวีทเตอร์สำหรับเสียงเรียกในที่ใช้กันส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณตัวละ 35 - 75 บาท ลำโพงทวีทเตอร์เสียงเรียกนอกจะอยู่ที่ประมาณตัวละ 350 -750 บาท ส่วน Condenser ที่ติดลำโพงราคาประมาณตัวละ 5 - 35 บาท จะเลือกใช้แบบไหน ยี่ห้อใด ราคาเท่าไหร่ ก็อยู่ที่ท่าน เชื่อหูของท่านเอง ลองฟังเสียงดู ตัวไหนเสียงดีท่านชอบเลือกตัวนั้น ความแตกต่างไม่เกิน 5% นกแอ่นรับได้ ขอให้ท่านโชคดี ได้ลำโพงดีๆ ราคาเบาๆไปใช้
นำเสนอโดย เทพชัย อริยะพันธุ์
Subscribe to:
Posts (Atom)
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดยะลา
หลักเมืองยะลา
วัดคูหาภิมุข
พระมหากัจจายนะ
วัดพุทธาธิวาส
เขื่อนบางลาง
วิถีชีวิตของชาวบ้านรอบๆเมืองยะลา
อานิสงส์และบุญกุศลใดๆ
อานิสงส์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการได้มีโอกาสเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ ข่าวสารและวิชาการเกี่ยวกับการเลี้ยงและทำบ้านนกแอ่น ขอมอบแด่ คุณพ่อสุนันท์-คุณแม่อำนวย อริยะพันธุ์ พี่กัญญา ศรีสวัสดิ์และครอบครัว พี่ดวงพร เพชรโชติและครอบครัว น้องนิชา สุตะเมืองและครอบครัว คุณอ้อย(ภรรยา) น้องหนึ่ง(ลูกชาย) น้องฟรังก์(ลูกสาว) น้องดิว(ลูกสะใภ้) น้องพีร์(หลานชาย) ตลอดจนคณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาความรู้ให้แก่ศิษย์โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขอบุญกุศลแห่งวิทยาทานทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้กระทำจงมีแด่ทุกท่านที่ข้าพเจ้าได้เคยรู้จักและเกี่ยวข้อง ให้ประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฎิภานธนสารสมบัติทุกประการเทอญ เทพชัย อริยะพันธุ์